ละมั่ง
สำเร็จแล้ว ละมั่งหลอดแก้ว ตัวแรกของโลก (ไทยโพสต์)
ทำสำเร็จ ทีมสัตวแพทย์ไทยสร้างละมั่งหลอดแก้วตัวแรกของโลก รออีก 2 ปีได้ยลโฉม ตั้งเป้าไทยจะเป็นศูนย์กลางอนุรักษ์สัตว์ป่าหายาก
เมื่อวันที่ 31 มีนาคมนี้ ที่ศูนย์อนุรักษ์และพัฒนาทรัพยากรภาคตะวันออก สวนสัตว์เปิดเขาเขียว จังหวัดชลบุรี ได้มีพิธีเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการ เรื่องเทคโนโลยีทางการสืบพันธุ์สัตว์ป่าต้นแบบในละมั่ง เพื่อตอบสนองการดำเนินกิจกรรมในปีแห่งความหลากหลายทางชีวภาพ 2553 (Year of Biodiversity 2010) โดยมีนายสัตวแพทย์วิศิษฐ์ วิชาศิลป์ รองผู้อำนวยการองค์การสวนสัตว์ เป็นประธานในพิธี
ในการนี้ได้มีการแถลงถึงความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่อีกครั้งของประเทศไทย เมื่อทีมสัตวแพทย์ของไทยได้นำเสนอผลการทดลองร่วมกันทำให้เกิดตัวอ่อนละมั่ง ที่เกิดจากการปฏิสนธิระหว่างไข่ที่เจาะจากรังไข่ของละมั่งเพศเมีย กับน้ำเชื้อแช่แข็งจากละมั่งเพศผู้ได้เป็นครั้งแรกในประเทศไทย โดยสามารถพัฒนาถึงระยะบลาสโตซีส (Blastocyst) หมายถึง การปฏิสนธิในหลอดแก้วได้เป็นครั้งแรกของโลก ซึ่งเมื่อวันที่ 30 มีนาคมที่ผ่านมา ได้ทำการย้ายฝากตัวอ่อนเข้าสู่ท่อนำไข่ของแม่ละมั่งอุ้มบุญจำนวน 4 ตัว โดยแบ่งเป็นตัวอ่อนระยะ 2 เซลล์ จำนวน 2 ตัว (แม่ละ 1 ตัวอ่อน) และตัวอ่อนระยะ 4 เซลล์ เข้าสู่แม่อุ้มบุญอีก 2 ตัว (แม่ละ 1 ตัวอ่อน) คาดว่าภายใน 2 ปีนี้ ลูกละมั่งในหลอดแก้วตัวแรกของโลกจะถือกำเนิด
สำหรับทีมสัตวแพทย์ของไทยที่สร้างฃื่อในครั้งนี้ ประกอบด้วย นายสัตวแพทย์ ดร.สิทธวีร์ ทองทิพย์สิริเดช จากคณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ หัวหน้าทีมผสมเทียมช้างจนเกิด "พลายปฐมสมภพ" เป็นความสำเร็จที่ทั้งประเทศภาคภูมิใจ นายสัตวแพทย์ ดร.บริพัตร ศิริอรุณรัตน์ หัวหน้าทีมผสมเทียมหมีแพนด้าขององค์การสวนสัตว์จนเกิด "หลินปิง" สัตวแพทย์หญิง ดร.อัมพิกา ทองภักดี จากองค์การสวนสัตว์ ผู้ทำให้เกิดลูกแมวหลอดแก้วตัวแรกของประเทศไทย และ ดร.มาลี อภิเมธีธำรงค์ จากกรมปศุสัตว์ เป็นหัวหน้าทีมโคลนนิ่งตัวอ่อนพระโค พันธุ์ขาวลำพูนได้สำเร็จ โดยมีผู้เชี่ยวชาญต่างประเทศด้านการใช้เทคโนโลยีการเพาะขยายพันธุ์กวางคือ ดร.เด็บบรา เบิร์ก (Dr.Debra Berg) จากประเทศนิวซีแลนด์ ที่ถือว่าเป็นมือหนึ่งของโลกด้านการทำกวางหลอดแก้วและโคลนนิ่งกวาง และ ดร.ปิแอร์ คอมมิซอลี (Dr.Pierre Comizzoli) จากสถาบันสมิธโซเนียน สหรัฐอเมริกา
สพ.วิศิษฐ์ วิชาศิลป์ กล่าวว่า มีความเชื่อมั่นว่าประเทศไทยจะเป็นผู้นำในงานด้านนี้ของอาเซียนและขยายไปสู่เอเชีย เพื่อเป็นศูนย์กลางของเรื่องนี้ เพราะเรามีความพร้อม มีทรัพยากรสัตว์ป่าหายาก มีเทคโนโลยีเครื่องไม้เครื่องมือไม่น้อยหน้าใคร และมีคน คือทีมงานนักวิจัยที่มีความมุ่งมั่น
ในปีงบประมาณ 2553-2554 นี้ องค์การสวนสัตว์ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ยังคงทำงานร่วมกันในอีกหลายโครงการ ไม่ว่าจะเป็นโครงการละมั่ง โครงการนกกระเรียนคืนถิ่น กวางผา สมเสร็จ เก้งหม้อ และช้างไทย
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
