M79 อาวุธสงคราม บนปมขัดแย้งทางการเมือง

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก วิกิพีเดีย

          ปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองเริ่มขมวดเกลียวเรื่อยมาตั้งแต่หลายปีก่อน จนกระทั่งที่กลุ่มเสื้อแดงประกาศปักหลักชุมนุมใหญ่ ตั้งแต่เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ในขณะเดียวกัน เมื่อความขัดแย้งทางการเมืองกลายเป็นชนวนชั้นดี ก็เป็นช่องทางที่ทำให้กลุ่มคนไม่ทราบฝ่าย มือที่สาม หรือกลุ่มไหนก็ตามเข้ามาก่อเหตุ สร้างสถานการณ์ยิงอาวุธสงครามถล่มสถานที่สำคัญ ๆ ทั้งในกรุงเทพฯ เชียงใหม่ หรือตามจังหวัดต่าง ๆ อย่างที่เราได้เห็นและได้อ่านข่าวอยู่บ่อยครั้ง

          จวบจนเมื่อค่ำคืนที่ 22 เมษายน พ.ศ.2553 ก็ยังเกิดเหตุการณ์คนร้ายยิงอาวุธสงครามเข้าที่บริเวณแยกศาลาแดง และพื้นที่ใกล้เคียง รวม 5 ลูก ทำให้มีผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บจำนวนมาก แน่นอนว่า อาวุธสงครามที่ใช้ปฏิบัติการร้ายครั้งนี้ก็คือ M79 ซึ่งเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายในช่วงเวลาไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เมื่อ M79 กลายมาเป็นเครื่องมือขับเคลื่อนของกลุ่มคนที่ไม่หวังดีต่อประเทศชาติ และคนไทย

          สำหรับ M79 หรือที่เรียกว่า เครื่องยิงลูกระเบิด จัดเป็นอาวุธสงครามชนิดหนึ่ง ที่ออกแบบโดย Springfield Armory และผลิตโดยประเทศสหรัฐอเมริกา ลักษณะของ M79 เป็นปืนลำกล้องเดี่ยว ขนาดความยาวไม่เกิน 2 ฟุต ใช้กระสุนขนาด 40 มม. สามารถยิงได้ทั้งวิถีกระสุนโค้ง และยิงขนานไปกับพื้น โดย M79 มีรัศมีการยิงไปได้ไกลถึง 350 เมตร มีระยะหวังผลประมาณ 150 เมตร บรรจุกระสุนครั้งละ 1 นัด ซึ่งการยิงแต่ละครั้งจะมีเสียงเบา แต่เมื่อระเบิดทำงานจะมีเสียงดังสนั่นหวั่นไหวคล้ายระเบิดทั่วไป

          ปืน M79 ถูกนำมาใช้ครั้งแรกเมื่อครั้งสงครามเวียดนาม ก่อนถูกพัฒนาตามลำดับ โดย M79 ได้รับความนิยมในกองทัพหลาย ๆ ประเทศ ใช้สำหรับสนับสนุนกับยานพาหนะพวกรถถังโดยเฉพาะ ด้วยเหตุผลที่ว่า M79 มีน้ำหนักไม่มาก คือ 2.93 กิโลกรัม (เมื่อบรรจุกระสุน) จึงมีความคล่องตัวดี ทำให้ M79 กลายเป็นหนึ่งในอาวุธสำคัญในสงครามใหญ่ ๆ มาอีกหลายครั้ง ทั้งสงครามกลางเมืองในกัมพูชา, สงครามหมู่เกาะฟอล์กแลนด์ และสงครามอิรัก ปัจจุบันมี 39 ประเทศทั่วโลกที่ใช้อาวุธปืน M79 

          ในส่วนกระสุนที่ใช้กับปืน M79 จะมีขนาด 40 มม. และมีหลายประเภทที่ใช้เพื่อหวังผลแตกต่างกัน เช่น กระสุนระเบิดธรรมดา (GRENADE) ,กระสุนส่องแสง (RIOT) ที่สามารถส่องให้เห็นเป้าหมายได้ ,ระเบิดนาปาล์ม (NAPALM) ซึ่งเป็นอาวุธเคมีที่มีอำนาจทำลายล้างรุนแรง , กระสุนควัน (SMOKE) เพื่อป้องกันตัว ,กระสุนระเบิดฮีเลียม (H.E) รวมทั้งกระสุนแก๊สน้ำตาที่ถูกพัฒนาขึ้น เพื่อใช้ยามเผชิญหน้ากับม็อบ

          อย่างไรก็ตาม แม้ปืน M79 จะมีน้ำหนักไม่มาก มีความคล่องตัว แต่ด้วยความที่ปืน M79 มีลำกล้องค่อนข้างสั้น คือ 35.7 เซนติเมตร และต้องมีแรงถีบที่มากพอสมควร จึงทำให้การบังคับ M79 ค่อนข้างยาก ดังนั้นผู้ใช้จึงต้องมีความชำนาญอย่างมาก จึงจะสามารถยิงได้อย่างแม่นยำ

          สำหรับกองทัพไทยได้ใช้ M79 ประจำการมานานแล้ว ตั้งแต่ช่วงสงครามเวียดนาม แต่ปัจจุบันถูกลดระดับลงไปเป็นอาวุธสำรองราชการ ใช้สำหรับกรณีเกิดสงคราม แต่ยังมีอาวุธ M79 ประจำการอยู่ในบางหน่วยเท่านั้น เพราะหน่วยรบหลักส่วนใหญ่ได้เปลี่ยนไปใช้ M203 แทน M79 แล้ว

          แต่อย่างไรก็ตามยังพบว่า มีอาวุธปืน M79 ลักลอบขายอยู่ตามชายแดน โดยมีพ่อค้าคนกลางทำหน้าที่กระจายอาวุธสงครามเข้ามายังฝั่งไทย และรัฐบาลยังไม่สามารถแก้ปัญหาดังกล่าวได้เด็ดขาด จึงทำให้ข่าวที่มีการลอบยิง โดยใข้ M79 ไม่สามารถที่จะตามจับคนร้ายได้นั่นเอง