สรุปประเด็นข่าวโดยกระปุกดอทคอม
DSI นำตัว 2 ผู้ต้องหา ยิงเครื่องระเบิดใส่วัดพระแก้ว แต่พลาด ถูกกระทรวงกลาโหม ฝากขังผลัดแรกแล้ว พร้อมค้านประกัน โดยศาลอนุญาต ตามคำขอ
เมื่อวันที่ 1 พ.ค.2553 พนักงานสอบสวน กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) นำตัว พ.ต.ท.ศุภชัย ผุยแก้วคำ และ ส.ต.ต.บัณฑิต สิทธิทุม 2 ผู้ต้องหา กรณีใช้เครื่องยิงระเบิด RPG ยิงใส่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือวัดพระแก้ว แต่พลาดไปถูกกระทรวงกลาโหม เมื่อวันที่ 20 มี.ค.ที่ผ่านมา ฝากขังที่ศาลอาญารัชดา ผลัดแรก เป็นเวลา 12 วัน ซึ่งจะครบกำหนดการฝากขัง ในวันที่ 12 พ.ค.นี้
โดยพนักงานสอบสวน กรมสอบสวนคดีพิเศษ(DSI) ได้ยื่นคัดค้านการประกันตัว เนื่องจาก เป็นคดีอุกฉกรรจ์ สะเทือนขวัญ และเกรงว่าผู้ต้องหา อาจจะหลบหนีได้ ทั้งนี้ ศาลอาญารัชดา พิเคราะห์แล้วเห็นว่า อนุญาตให้ฝากขังผู้ต้องหาได้ ตามที่พนักงานสอบสวน ร้องขอ
ทั้งนี้ การจับกุมดังกล่าว เปิดเผยขึ้นเมื่อวันที่ 30 เม.ย. โดย นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยว่า จากการจับกุมผู้ต้องหายิงจรวดอาร์พีจีใส่กระทรวงกลาโหม ได้ 2 ราย คือ ส.ต.ต.บัณฑิต สิทธิทุม อายุ 43 ปี ออกจากราชการไปแล้ว 10 ปี และยังเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับ ศอฉ. และ 2.นายศุภณัฐ หรือ โก้ อุยเวช อายุ 43 ปี โดยกล่าวหาว่ารวมกันใช้กระสุนปืนและอาวุธปืน เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย นอกจากนี้อาศัยอำนาจ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เชิญบุคคล 3 ราย เพื่อซักถาม คือ 1.นายภาสกร หรือสมนึก ศิริลักษณ์ อายุ 50 ปี 2.นายวายุภักษ์ โนรี อายุ 48 ปี และ 3.พ.ต.ท.ศุภชัย ทุยแก้วคำ อายุ 39 ปี นั้น
จากการสอบสวน ส.ต.ต.บัณฑิต ได้ยอมรับว่า เป็นเพื่อนกับ พ.ต.ท.ศุภชัย และได้เดินทางมาชุมนุมกลุ่มเสื้อแดงที่ผ่านฟ้ากับนางจุรีพร สินธุไพร แกนนำเสื้อแดงพัทยา และเป็นภรรยาของ พ.ต.ท.ศุภชัย โดย ส.ต.ต.บัณฑิต เป็นผู้มีความรู้เรื่องการใช้อาวุธสงคราม จึงได้รับมอบหมายให้ขับรถ และดูแลความปลอดภัยให้นางจุรีพร และ พ.ต.ท.ศุภชัย บอกว่า การจะบรรลุวัตถุประสงค์ของกลุ่มเสื้อแดงได้ ต้องก่อวินาศกรรมที่สถานที่ราชการ หรือสถานที่ประชาชนยึดเหนี่ยวจิตใจ จึงสั่งการให้เตรียมระเบิดอาวุธสงครามยานพาหนะ โดย พ.ต.ท.ศุภชัยให้นำเครื่องยิงอาร์พีจีไปที่เกิดเหตุและให้เงินค่าตอบแทน 5 แสนบาท ซึ่งเป้าหมายที่แท้จริงไม่ใช่กระทรวงกลาโหม แต่เป็นวัดพระศรีรัตนศาสดารามวรมหาวิหาร (วัดพระแก้ว) แต่จรวดพุ่งไปติดสายไฟบริเวณปากซอยแพร่งภูธร ทำให้พลาดเป้าไปตกที่กระทรวงกลาโหมแทน จึงได้รีบทิ้งอาวุธแล้วหนีไป
อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นยังตอบไม่ได้ว่าคนร้ายมีเป้าที่พระบรมมหาราชวังหรือไม่ โดยดีเอสไอจะมีการแจ้งข้อหาการก่อการร้าย ซึ่งเป็นข้อหาใหญ่ เบื้องต้นได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า มีอาวุธร้ายแรงและเครื่องยิงกระสุนไว้ก่อน ส่วนข้อหาก่อการร้ายจะดำเนินการสืบสวนต่อไป และโทษของความผิดก่อการร้ายคือประหารชีวิต ทั้งนี้ขอความร่วมมือประชาชนแจ้งเบาะแสพบอาวุธร้ายแรงมาได้ที่เบอร์ 1202
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
