รณรงค์หันมาใช้ควายไถนา! (ไทยโพสต์)
วิกฤติควายไทยหดหายน่าวิตก ขณะนี้เหลือเพียงกว่าล้านตัว สาเหตุจากเปิบกันไม่หยุด ขณะที่ชาวนาหันไปพึ่งควายเหล็กแทน ก.เกษตรฯ เร่งสานโครงการตามพระราชดำริสมเด็จพระราชินี
นายธีระ วงศ์สมุทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ปัจจุบันปริมาณควายในประเทศไทยกำลังอยู่ในช่วงวิกฤติ เนื่องจากพบว่าช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมามีจำนวนลดลงอย่างมาก เหลือประมาณกว่า 1 ล้านตัว จากที่เคยมีจำนวนประชากรควายมากที่สุดในโลกในปี 2523 คือประมาณ 6 ล้านตัว ทว่าการส่งเสริมอุตสาหกรรมของรัฐอย่างไร้ทิศทาง ทำให้ประชากรควายลดลงอย่างต่อเนื่อง จนปัจจุบันควายไทยมีเหลือประมาณ 1.3 ล้านตัว ในขณะที่ประชากรควายในประเทศเพื่อนบ้านส่วนใหญ่มีจำนวนใกล้เคียงถึงมากกว่าประเทศไทยแล้ว คือ มาเลเซีย 2 แสนตัว กัมพูชา 8.4 แสนตัว ลาว 1.4 ล้านตัว พม่า 1.8 ล้านตัว เวียดนาม 2.2 ล้านตัว และอินโดนีเซีย 2.8 ล้านตัว
สาเหตุที่ปริมาณควายไทยลดลง นายธีระกล่าวว่า เนื่องมาจากความนิยมในปัจจุบันเปลี่ยนจากการใช้แรงงานควายมาเป็นการใช้เครื่องจักรในการทำนา นอกจากนี้ คนไทยก็หันมากินเนื้อควายกันมาก โดยเฉพาะคนไทยในภาคเหนือและอีสานบางส่วน โดยอาหารที่โปรดปรานของคนไทยบางกลุ่มคือ ตัวอ่อนที่อยู่ในท้องแม่ควาย
รมว.เกษตรฯ กล่าวว่า ขณะนี้กรมปศุสัตว์ได้เตรียมพัฒนาควายพื้นเมืองให้เป็นสัตว์เศรษฐกิจเหมือนเช่นอดีตที่ผ่านมา เพื่อให้ควายเป็นสัตว์ที่ช่วยกู้วิกฤติเศรษฐกิจ เป็นแรงงานที่ยั่งยืนของชาวชนบทและคนไทย นอกจากนี้ ได้เร่งประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเพื่อลดการบริโภคเนื้อควายลง
นายธีระกล่าวด้วยว่า จากการที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงมีความห่วงใยชาวนาไทยที่ประสบความยากจนจากการประกอบอาชีพการทำนา อันเนื่องมาจากภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวนและต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น ทรงอยากให้ชาวนาไทยกลับมาใช้ควายในการทำนา ดังนั้น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จึงได้น้อมรับและสนองพระราชดำริดังกล่าว โดยได้จัดทำโครงการพลิกฟื้นธนาคารควายไถนาตามพระราชดำริ เพื่อรณรงค์สนับสนุนให้ชาวนาฟื้นฟูวัฒนธรรม ประเพณี และเป็นการแก้ไขปัญหาเชิงระบบ
"การดำเนินงานเสริมให้เกษตรกรแต่ละชุมชนรวมกลุ่มจัดตั้งเป็นวิสาหกิจชุมชน พร้อมจัดหาควายมาให้เลี้ยงรายละ 2-3 ตัว โดยกรมปศุสัตว์จะให้ยืมควายจากธนาคารโค-กระบือ เพื่อเกษตรกรตามพระราชดำริ (ธคก.) ขณะที่กองทุนการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมได้เตรียมสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำไว้ให้เกษตรกรกู้ยืมซื้อควาย จากนั้นจะเร่งฝึกและอบรมวิธีการเลี้ยงควายให้เกษตรกรเพื่อให้ใช้งานได้จริง"
นายธีระกล่าวว่า โครงการนี้คาดว่าจะช่วยกระตุ้นให้เกษตรกรหันมาประกอบอาชีพการทำนาโดยใช้แรงงานควายครอบคลุมพื้นที่ 3,410ไร่ สามารถลดค่าใช้จ่ายจากการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงไร่ละ 132 บาท คิดเป็นเงิน 4.5 แสนบาท/ปี ลดค่าใช้จ่ายปุ๋ยเคมีโดยสามารถผลิตปุ๋ยคอกได้ปีละ 1,236 ตัน คิดเป็นมูลค่าปีละ 1.1 ล้านบาท โดยจัดโครงการนำร่องทั่วประเทศ 12 จังหวัด และในปี 2553 จะเร่งดำเนินการขยายผลโครงการอย่างต่อเนื่องต่อไป
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก วิกิพีเดีย