วัดยานนาวา
วัดยานฯกอดกม. อนุญาตผุดตึก เพื่อหารายได้! (ไทยโพสต์)
วัดยานนาวาแจงสร้างอาคาร 34 ชั้นในพื้นที่ธรณีสงฆ์เป็นเรื่องถูกกฎหมาย ส่วนความสูงข่มบดบังโบราณสถานและทำลายคุณค่ามรดกของชาติเป็นเรื่องต่างมุมมอง อ้างสร้างตึกสูง 34 ชั้นยังไม่แน่ เพราะปรับเปลี่ยนแบบได้อีก
ภายหลังมีเสียงคัดค้านการก่อสร้างโรงแรมสูง 34 ชั้นในพื้นที่ธรณีสงฆ์ของวัดยานนาวา เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม พระครูอาทร ประสิทธิโสภณ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดยานนาวา พระครูสมุห์อภิสิทธิ์ อภิญาโณ กรรมการวัดยานนาวา และนายทศพร ภัทราคม ฝ่ายกฎหมายวัด ได้ร่วมกันชี้แจงต่อกรณีที่นักวิชาการคัดค้านว่าการสร้างอาคารสูงจะเป็นการทำลายคุณค่าผลงานสถาปัตยกรรมสมัยรัชกาลที่ 3 และบดบังภูมิทัศน์ทางวัฒนธรรมโดยรอบวัด
พระครูอาทรกล่าวว่า สิ่งที่วัดยานนาวาทำขึ้นเป็นเรื่องที่ไม่ผิดกฎหมาย พื้นที่ก่อสร้างอาคารตั้งอยู่ในเขตจัดประโยชน์ 1-2 ของวัด จำนวน 6 ไร่ โดยคณะกรรมการวัดมีมติประกาศให้บริษัทที่มีศักยภาพมาประมูล เพื่อพัฒนาพื้นที่ให้เป็นไปตามนโยบายและวัตถุประสงค์ของวัด คือสร้างเป็นที่พักอาศัยหรืออาคารให้เช่า ซึ่งวัดจะได้ร่วมประโยชน์ใช้สอยเป็นห้องพักรับรองพระสังฆาธิการและพระวิปัสสนาจารย์ที่มาร่วมประชุมได้ไม่น้อยกว่า 1,500 คน โดยมีที่จอดรถพอเพียงและไม่เพิ่มปัญหาจราจรในวัด ส่วนรายละเอียดต่างๆ ในการก่อสร้างและดำเนินกิจการให้เป็นไปตามกฎหมายคณะสงฆ์และกฎหมายบ้านเมือง
"ทุกวันนี้ทางวัดมีค่าใช้จ่ายสูงเพื่อให้การศึกษา อบรม เผยแผ่และปฏิบัติธรรมแต่ละครั้งโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย วัดต้องออกทุนปัจจัยทั้งหมด ส่วนเงินบริจาคก็ไม่เพียงพอ ดังนั้น วัดจำเป็นต้องใช้ที่ดินในเขตธรณีสงฆ์ส่วนที่เรียกว่าที่จัดประโยชน์ นำไปพัฒนาให้เพื่อนำรายได้มาทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาและซ่อมแซมวัดในด้านต่างๆ" ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดยานนาวากล่าวชี้แจง
ส่วนประเด็นความสูงของอาคารจะบดบังโบราณสถานวัด พระครูสมุห์อภิสิทธิ์บอกว่า เป็นเรื่องมุมมองที่แตกต่างกัน แต่ไม่อยากให้เรียกอาคารนี้ว่าเป็นโรงแรม เพราะจะถูกสังคมมองในแง่ลบ แต่เป็นอาคารที่ก่อสร้างด้วยความสูงตามกฎหมาย อยู่ในเขตจัดประโยชน์ด้านเหนือของวัด อยู่นอกเขตสังฆาวาสและพุทธาวาส จึงไม่บดบังโบราณสถานแต่อย่างใด อีกทั้งยังไม่ได้สร้างริมแม่น้ำเจ้าพระยาเพราะอยู่ด้านข้างวัด การที่นักวิชาการด้านสถาปนิกได้อ้างว่าอาคารหลังนี้จะสูงข่มโบราณสถานจึงเป็นการบิดเบือนข้อมูล
"ที่จัดประโยชน์คือที่กัลปนา ในสมัยรัชกาลที่ 1 ทรงมีพระบรมราโชบายให้วัดพระอารามหลวงจัดแบ่งเขตพัฒนาวัดเป็น 3 เขตคือ เขตสังฆาวาส เขตพุทธาวาส และเขตกัลปนาหรือเขตจัดประโยชน์ เพื่อให้วัดหารายได้มาบำรุงพระอาราม เป็นการแบ่งเบาพระราชภาระในการอุปถัมภ์พระอารามหลวงที่มีจำนวนมาก ดังนั้น การที่วัดยานนาวานำพื้นที่ธรณีสงฆ์ในเขตกัลปนามาจัดสร้างอาคารให้เช่าจึงไม่ใช่เรื่องผิดแต่อย่างใด ทุกขั้นตอนเป็นเรื่องของคณะกรรมการพัฒนาวัด เจ้าอาวาสวัดไม่ได้ตัดสินใจแต่เพียงผู้เดียว" พระครูสมุห์อภิสิทธิ์กล่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามถึงขนาดความสูงของตัวอาคาร ซึ่งกรมศิลปากรท้วงติงว่าไม่เห็นด้วย เพราะจะสูงข่มโบราณสถานนั้น พระครูสมุห์อภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่ทราบจำนวนความสูงของอาคาร เพราะยังหาข้อสรุปไม่ได้และสามารถปรับเปลี่ยนแก้ไขแบบก่อสร้างได้ตามความเหมาะสม ขณะนี้อยู่ระหว่างการยื่นรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมไปยังสำนักงานคณะกรรมการนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) เพื่อพิจารณาต่อไป
ด้านนางจุฬา สุดบรรทัด นายกสมาคมอนุรักษ์ศิลปกรรมและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า อยากให้ทางวัดเปิดใจรับฟังความคิดเห็นจากสังคมภายนอก ซึ่งไม่ใช่การมุ่งโจมตีวัด จึงขอเสนอให้มีหน่วยงานที่เป็นกลางจัดตั้งเวทีสาธารณะขึ้นมา เพื่อให้ทางวัด นักวิชาการ และชาวบ้านในชุมชนได้ร่วมกันระดมสมองหาทางออกอย่างเหมาะสม ว่าวัดจะมีแนวทางพัฒนาพื้นที่ธรณีสงฆ์อย่างไรให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ส่วนความคืบหน้าเกี่ยวกับการยื่นเรื่องฟ้องร้องต่อศาลปกครอง เพื่อขอให้มีคำสั่งไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องระงับยับยั้งโครงการดังกล่าว ล่าสุดทางเครือข่ายอนุรักษ์ศิลปะสถาปัตยกรรม ซึ่งประกอบด้วยสมาคมอนุรักษ์ศิลปกรรมและสิ่งแวดล้อม (SCONTE) สมาคมอิโคโมสไทย สมาคมสถาปนิกชุมชนเมือง และกรรมาธิการอนุรักษ์ศิลปะสถาปัตยกรรม สมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์ นำโดยนางปองขวัญ (สุวัฒนา) ลาซูส อยู่ระหว่างรวบรวมรายชื่อชาวบ้านผู้เสียหายโดยตรงจากการก่อสร้างอาคารสูง เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป
ขณะที่ ดร.สุเมธ ชุมสาย ณ อยุธยา ประธานที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครด้านสิ่งแวดล้อม กล่าวปฏิเสธที่จะเป็นผู้ดำเนินการฟ้องร้องต่อศาลปกครอง เนื่องจากเป็นหน้าที่ของผู้ได้รับผลกระทบตามบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ ที่กำหนดให้ประชาชนมีหน้าที่พิทักษ์ปกป้องมรดกของชาติ ส่วนการคณะทำงานขึ้นมาเพื่อเสนอสำนักผังเมือง กทม.พิจารณาแก้ไขและปรับปรุงผังเมืองรวมที่ใช้ในปัจจุบัน ซึ่งมีจุดอ่อนหรือช่องโหว่ทางข้อกฎหมาย มีความล้าสมัยและไม่สอดคล้องสถานการณ์ ถึงเวลาแล้วที่จะต้องปรับปรุงผังเมืองรวมครั้งที่ 3 โดยใส่เนื้อหาในการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมเพิ่มเติมเข้าไปด้วย
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก วิกิพีเดีย
