ดูเหมือนจะกลายเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงกันไปทั่วโลกในขณะนี้ สำหรับทฤษฎีโลกาวินาศ หรือ ทฤษฎีวันสิ้นโลก (Doomsday Theories) ที่เหล่านักวิทยาศาสตร์ได้ทำนายสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับโลกเร็ว ๆ นี้ ในลักษณะที่แตกต่างกันออกไป และประเด็นดังกล่าวก็ได้ถูกหยิบยกขึ้นมาพูดถึงกันอีกครั้งในขณะนี้ ยิ่งปี 2012 ที่เชื่อว่าจะเป็นวันสิ้นโลกกำลังจะมาถึงในเวลาอีกไม่นานนี้ อีกทั้งยังมีภัยธรรมชาติเกิดขึ้นบ่อยครั้งและทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ ก็ยิ่งทำให้ทฤษฎีวันสิ้นโลกของนักวิทยาศาสตร์กลายเป็นที่สนใจของคนทั่วโลกกันมากขึ้น ด้วยเชื่อว่ามันอาจจะเกิดขึ้นจริงตามที่นักวิทยาศาสตร์ได้เคยคาดการณ์กันไว้ก็เป็นได้
เว็บไซต์เทเลกราฟ ของอังกฤษ จึงได้มีการจัดอันดับปรากฏการณ์ที่น่าจะเกิดขึ้น อันเป็นปรากฏการณ์ที่นำไปสู่ยุคโลกาวินาศ โดยอาศัยหลักฐานต่าง ๆ มาประเมินความน่าจะเป็นของทฤษฎีต่าง ๆ และจัดอันดับความน่าจะเป็นของปรากฏการณ์สู่ยุคโลกาวินาศออกมาได้ดังนี้
1. ปรากฏการณ์วิกฤตโลกร้อน ภายในปี 2100 นี้ จะมีการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ โลกจะร้อนขึ้นจนทำลายสมดุลทางธรรมชาติ ขณะที่คาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศจะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ และแพร่กระจายไปทุกอณูอากาศ และความเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศที่รวดเร็ว จะส่งผลให้เกิดภัยพิบัติต่าง ๆ ทำลายแหล่งที่อยู่อาศัยและแหล่งทรัพยากรธรรมชาติที่จำเป็นต่อชีวิตมนุษย์ จนโลกใบนี้มีทรัพยากรน้อยลง และในที่สุด ประชากรบนโลกก็จะอพยพหนีจากที่ที่เสียหายจากภัยพิบัติไปรวมตัวกันในพื้นที่แห่งใหม่ที่ปลอดภัยและมีทรัพยากรหล่อเลี้ยงชีวิต แต่ในยุคนั้นที่ทรัพยากรถูกทำลายไปจนเหลือน้อยลงแล้ว ก็จะไม่มีทรัพยากรเพียงพอต่อประชากรทั้งโลก และสิ่งที่ตามมาเป็นอันดับสุดท้ายก็คือการยื้อแย่งทรัพยากรกันเองในหมู่ประชากรโลก ท่ามกลางสภาพอากาศที่อุณหภูมิสูงขึ้นเรื่อง ๆ จนประชากรโลกอยู่ได้อย่างลำบาก
ความเป็นไปได้ของปรากฏการณ์นี้ 7/10
2. ปรากฏการณ์การค่อย ๆ สูญพันธุ์ของผึ้ง มีความเป็นไปได้ว่าอีกไม่นานนี้ ผึ้งจะค่อย ๆ หายสาบสูญไปจากโลก หลังจากที่มีการพบว่าผึ้งที่เลี้ยงอยู่ในสหรัฐกว่าครึ่งหายสาบสูญไปจากรัง จนนางพญาไม่อาจมีชีวิตอยู่ได้เพราะไม่มีอาหาร ซึ่งปรากฏการณ์ดังกล่าวได้ถูกตั้งข้อสันนิษฐานว่ามาจากปัจจัยต่าง ๆ ได้แก่ สิ่งแวดล้อมเป็นพิษ ยาฆ่าแมลง การตัดแต่งพันธุกรรมในพืช หรืออาจมาจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากเสาไฟฟ้าแรงสูงก็เป็นได้ แต่จากหลักฐานที่มีการพบว่าผึ้งได้หายสาบสูญไป ก็พอจะทำให้นักวิทยาศาสตร์ทำนายได้ว่า มันอาจจะสูญพันธุ์ไปในเวลาอันใกล้นี้ และนั่นจะส่งผลร้ายต่อพืชที่มีผึ้งเป็นตัวผลิตอย่างแน่นอน
ความเป็นไปได้ของปรากฏการณ์นี้ 7/10
3. ปรากฏการณ์ขาดแคลนน้ำมัน โลกใกล้เข้าสู่ยุคขาดแคลนน้ำมันอย่างสิ้นเชิงเข้าไปทุกที หลังจากมีการตรวจพบว่าปริมาณน้ำมันทั่วโลกนั้นลดลง เนื่องจากความต้องการที่มากขึ้น จากการสร้างสรรค์เทคโนโลยีใหม่ขึ้นมาทุก ๆ วัน แล้วใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิงในการใช้งาน ก็มีความเป็นไปได้ว่าอีกไม่นาน โลกจะถึงจุด Peak Oil หรือภาวะขาดแคลนน้ำมันชนิดที่ไม่เหลือน้ำมันเหลืออยู่เลย ซึ่งวิกฤตน้ำมันนี้จะเกิดขึ้นภายในไม่เกินปี 2020 ตราบใดที่ยังไม่มีการใช้เชื้อเพลิงอื่นแทนน้ำมัน
ความเป็นไปได้ของปรากฏการณ์นี้ 4/10
4. ปรากฏการณ์ก่อการร้ายทำลายโลก หลังจากมีเหตุการณ์ก่อการร้าย 911 เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2544 ที่ส่งผลให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์เสียชีวิตกว่า 3,000 คนแล้ว กลุ่มก่อการร้ายอัลเกดาห์ จะยังคงรวมตัวกันสร้างความวุ่นวายให้กับโลกด้วยการรวบรวมอาวุธสงครามทำลายล้างโลกโดยไม่คำนึงถึงความเสียหายเหมือนที่เคยเกิดขึ้น และกลุ่มก่อการร้ายนี้เองจะมุ่งเป้าไปที่ชาติมหาอำนาจอย่างสหรัฐฯ และอังกฤษก่อนเป็นอันดับแรก และส่งผลกระทบต่อประเทศต่าง ๆ ในเวลาต่อมา และจะสร้างความเสียหายหนักกว่าที่เคยเป็นมาเมื่อ 9 ปีก่อนอย่างแน่นอน
ความเป็นไปได้ของปรากฏการณ์นี้ 2/10
5. สงครามโลกครั้งที่ 3 สงครามโลกครั้งที่ 3 นี้จะเกิดขึ้นจากผลของการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศที่ทำให้ทรัพยากรธรรมชาติที่จำเป็นต่อชีวิตมนุษย์ถูกทำลาย และก่อให้เกิดการแย่งชิงทรัพยากรในหมู่ประชากรโลกครั้งใหญ่ มีการผลิตอาวุธสงครามเพื่อทำลายกันเอง และในที่สุดจะทำให้ประชากรโลกต้องเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก อีกทั้งสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ ก็จะพังทลาย สร้างความเสียหายไปทุกพื้นที่บนโลก หรืออีกคำทำนายหนึ่งคือสงครามโลกครั้งที่ 3 อาจเป็นสงครามนิวเคลียร์ที่อาจทำลายล้างโลก เพราะมีกองทัพรูปแบบเก่าคอยจ้องจะก่อสงครามได้ตลอดเวลา
ความเป็นไปได้ของปรากฏการณ์นี้ 1.5/10
6. ปรากฏการณ์ภูเขาไฟระเบิดครั้งใหญ่ โดยเฉลี่ยแล้วในทุก ๆ 50,000 - 60,000 ปี โลกจะเกิดภูเขาไฟระเบิดครั้งใหญ่ครั้งหนึ่ง ซึ่งมันจะทำลายล้างพื้นที่โดยรอบกว่า 1,500 ตารางกิโลเมตร ก็อาจเป็นไปได้ว่าอีกไม่นานลาวาที่อยู่ใต้พื้นพิภพจะปะทุขึ้นมาอีกครั้ง เป็นเหตุการณ์ภูเขาไฟระเบิดครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์สมัยใหม่เลยทีเดียว โดยหลังจากที่เกิดภูเขาไฟแล้ว ก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิบนโลกอีกครั้ง ทำให้โลกมีอุณหภูมิลดลงอย่างรวดเร็ว และนอกจากนี้ นักวิทยาศาสตร์ยังทำนายจากการเคลื่อนไหวของลาวาใต้เปลือกโลก พบว่า มันพร้อมที่จะระเบิดออกมาแล้วภายในศตวรรษนี้
ความเป็นไปได้ของปรากฏการณ์นี้ 1/10
7. การเปลี่ยนขั้วของสนามแม่เหล็ก โดยปกติแล้วสนามแม่เหล็กจะเปลี่ยนขั้วโดยทิ้งช่วงระยะเวลาห่างกันเฉลี่ยนอยู่ที่ประมาณ 250,000 ปีต่อครั้ง ซึ่งถึงแม้ว่าจะยังไม่มีทฤษฎีใดสามารถอธิบายใดว่าการกลับขั้วของสนามแม่เหล็กโลกเกิดขึ้นได้อย่างไร แต่หากมันเกิดขึ้นแล้ว ก็ย่อมส่งผลต่อโลกให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศในบริเวณต่าง ๆ เช่น ทำให้ประเทศเขตร้อนมีหิมะตก หรือมีอากาศหนาวเหน็บจนยากที่จะปรับตัวได้ทัน เกิดพายุหมุนอย่างรุนแรง แผ่นดินไหว แต่ไม่อาจคร่าชีวิตประชากรโลกจนสูญพันธุ์ได้
ความเป็นไปได้ของปรากฏการณ์นี้ 1/10
8. ปรากฏการณ์ภัยพิบัติจากดวงอาทิตย์ ดวงอาทิตย์จะเกิดการปะทุครั้งใหญ่และความร้อนจากดวงอาทิตย์จะเผาผลาญทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกให้หายไปในชั่วพริบตา และโลกจะเกิดหายนะในปี 2012
ความเป็นไปได้ของปรากฏการณ์นี้ 0.3/10
9. ปรากฏการณ์ดาวนิบิรุชนโลก แม้จะเป็นดาวลึกลับในตำนาน แต่นิบิรุกลับถูกเชื่อมโยงเข้ากับปรากฏการณ์วันสิ้นโลก โดยดาวนิบิรุจะมีวงโคจรทับเส้นเดียวกับวงโคจรของโลก และยังมีการคาดการณ์ว่าในปี 2012 นี้ มันจะเดินทางเข้าใกล้โลกมากจนสามารถมองเห็นมันใหญ่กว่าดวงอาทิตย์เลยทีเดียว
ความเป็นไปได้ของปรากฏการณ์นี้ 0.2/10
10. มนุษย์ต่างดาวบุกโลก แม้จะไม่มีหลักฐานยืนยันได้อย่างแน่ชัดว่ามนุษย์ต่างดาวมีจริงหรือไม่ แต่ก็มีนักวิทยาศาสตร์คาดการณ์กันว่าอีกไม่เกิน 30 ปี มนุษย์ต่างดาวจะบุกโลก ส่วนจะทำอะไรกับโลกหรือประชากรบนโลกหรือไม่นั้น ยังไม่มีการระบุแต่อย่างใด
ความเป็นไปได้ของปรากฏการณ์นี้ 0.1/10
ทั้งนี้ ปรากฏการณ์ต่าง ๆ ข้างต้นเป็นเพียงปรากฏการณ์ที่นักวิทยาศาสตร์คาดเดาว่าอาจจะเกิดขึ้นเท่านั้น แต่สิ่งที่เราควรตระหนักถึงคือการเตรียมตัวรับมือกับปรากฏการณ์ที่น่าจะเกิดขึ้นเหล่านี้ โดยเฉพาะเหตุการณ์ที่มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นมากที่สุด ที่มีความน่าจะเป็นถึง 7/10 คะแนน นั่นคือ วิกฤตการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ ที่ในขณะนี้มีหลักฐานออกมาชัดเจน ยืนยันว่าโลกกำลังเข้าใกล้ยุคโลกร้อนเต็มทีแล้ว ก็คงถึงเวลาแล้วที่ประชากรโลกควรร่วมมือกันยื้อเวลาวิกฤตสิ่งแวดล้อมนี้เสียที