เปิดเมืองเสี่ยงแผ่นดินไหว แต่ความพร้อมรับมือต่ำ

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก noaa.gov

          แม้ว่าคลื่นสึนามิที่ถาโถมเข้าถล่มประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 11 มีนาคม ที่ผ่านมา จะนำมาซึ่งความสูญเสียและเสียหายครั้งรุนแรง แต่ประชาคมโลกต่างชื่นชมในระบบการรับมือและวินัยที่ถูกปลูกฝังมานานของชาว ญี่ปุ่น จนสามารถบรรเทาความร้ายแรงของภัยพิบัติครั้งนี้ได้ในระดับหนึ่งโดยเชื่อกันว่า หากมฤตยูทางธรรมชาติครั้งนี้ไม่ได้เล่นงานประเทศที่มีความพร้อมในการรับมือ แผ่นดินไหวและสึนามิระดับสูงอย่างญี่ปุ่นแล้วล่ะก็ ควาเสียหายอาจทวีคูณมากมายกว่านี้หลายเท่านัก

          ขณะเดียวกัน ข่าวภัยธรรมชาติในประเทศญี่ปุ่น ได้สร้างความตื่นตัวให้กับประเทศในแถบ วงแหวนแห่งไฟ หรือประเทศในมหาสมุทรแปซิฟิกที่เกิดแผ่นดินไหว และภูเขาไฟระเบิดบ่อยครั้ง เนื่องจากประเทศในแถบนี้ หลายเมืองมีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดแผ่นดินไหว ขณะที่ความพร้อมในการรับมือนั้นยังอยู่ในระดับต่ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน...


กรุงมะนิลา-เกาะลูซอน ประเทศฟิลิปปินส์

          โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ เมืองหลวงแห่งนี้ยังไม่มีการเตรียมความพร้อมใด ๆ ในการรับมือกับแผ่นดินไหวขนาดรุนแรงที่อาจจะเกิดขึ้นได้ โดยสถาบันศึกษาด้านภูเขาไฟและแผ่นดินไหวของฟิลิปปินส์ เปิดเผยว่าหากเกิดแผ่นดินไหวขนาด 7.2 ริกเตอร์ อาคารบ้านเรือนและถนนหนทางในกรุงมะนิลา 40% จะได้รับความเสียหายแน่นอน ผู้คนอย่างน้อย 3.4 หมื่นคนจะเสียชีวิต 1.14 แสนคน จะได้รับบาดเจ็บ และอีกจำนวนมากไร้ที่อยู่อาศัย

          ไม่ต่างกับที่ เกาะลูซอน เกาะขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศ ที่ตั้งอยู่ใกล้กับรอยเลื่อนของเปลือกโลกอย่างน้อย 4 แห่ง ซึ่งรอยเลื่อนดังกล่าวจะขยับทุก ๆ 200-400 ปี ครั้งล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อศตวรรษที่ 17 และการขยับรอบต่อไปอาจก่อให้เกิดแผ่นดินไหวความแรงสูงถึง 7.2 ริกเตอร์ ที่สามารถผลักฟิลิปปินส์ราบเป็นหน้ากลอง





อิสตันบูล ประเทศตุรกี

          เมืองธรรมดาในประเทศกำลังพัฒนาอย่าง อิสตันบูล เป็นอีกหนึ่งเมืองที่มีประชากรเพิ่มขึ้นรวดเร็วกว่าศักยภาพด้านความปลอดภัย ของที่อยู่อาศัย ซึ่งหากเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ เมืองนี้จะพินาศอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะนอกจากบ้านเรือนต่าง ๆ จะเสียหาย เนื่องจากไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับภัยธรรมชาติดังกล่าวแล้ว ยังมีความเป็นไปได้ที่ท่อก๊าซธรรมชาติ 3 หมื่นท่อจะแตก และในจำนวนนี้ 3 พันท่ออาจเกิดไฟไหม้ แน่นอนว่าการดับเพลิงของอิสตันบูลไม่อาจรับมือไฟไหม้ครั้งใหญ่เช่นนั้นได้

          แต่อย่างไรก็ตาม อิสตันบูล ก็เริ่มไหวตัวต่อความเสี่ยงของตัวเองแล้ว ด้วยการกำหนดแผนรับมือแผ่นดินไหวแล้ว โดยมีความพยายามกำหนดโซนการก่อสร้าง การบังคับให้มีการประกันแผ่นดินไหว ตลอดจนกู้เงินจากธนาคารระหว่างประเทศ เพื่อปรับปรุง หรือสร้างโรงเรียน และอาคารสาธารณะให้แข็งแรงทนทานยิ่งขึ้น ขณะเดียวกัน ก็พยายามจะเดินหน้าให้ความรู้แก่ประชาชนด้วย


นครการาจี-ปากีสถาน / กาฐมาณฑุ-เนปาล / ลิมา-เปรู / กรุงเตหะราน-อิหร่าน

          เมืองใหญ่ยากจนเหล่านี้ ล้วนความเสี่ยงต่อแผ่นดินไหวขนาดรุนแรง ขณะเดียวกัน ความพร้อมรับมือก็อยู่ในระดับน้อยมาก ซึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านแผ่นดินไหว จากมหาวิทยาลัยโคโลราโด ระบุว่า หากเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ขึ้นในเมืองเหล่านี้ล่ะก็ จะสามารถลบสถิติโศกนาฎกรรมของเฮติ เมื่อต้นปี 2553 ได้แน่นอน หากยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการก่อสร้าง และให้ความรู้แก่คนทุกกลุ่ม

          นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญ ยังระบุว่า หากเกิดแผ่นดินไหวเท่ากับเฮติ ในกรุงเตหะราน ของอิหร่าน ก็จะมีผู้เสียชีวิตมากถึง 1 ล้านคน เนื่องจากที่อยู่อาศัยในกรุงเตหะราน ไม่ได้ถูกสร้างให้รองรับการแผ่นดินไหว และบางส่วนมีการต่อเติมแบบผิดกฎหมาย



อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก