บิน ลาดิน
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ctv.ca
กลายเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงกันมากที่สุดทั่วโลกในขณะนี้ไปแล้ว สำหรับกรณีการเสียชีวิตของ อุซามะห์ บิน ลาดิน ผู้ก่อการร้ายหมายเลข 1 ของโลก ที่เสียชีวิตจากการปฏิบัติการของสหรัฐฯ ทำให้สร้างความพึงพอใจให้กับประเทศตะวันตกเป็นอย่างมาก แต่ถึงแม้ว่า บิน ลาดิน จะเป็นผู้ก่อการร้ายที่ไม่มีใครไม่เคยได้ยินชื่ออย่างไร แต่ก็มีคนรุ่นใหม่จำนวนไม่น้อยที่ยังไม่รู้จักเรื่องราวความเป็นมาของผู้ก่อการร้ายหมายเลข 1 คนนี้ วันนี้ กระปุกดอทคอมจึงหยิบยกเรื่องราวของ อุซามะห์ บิน ลาดิน มาฝากกันค่ะ
สำหรับอุซามะห์ บิน ลาดิน (Osama Bin Laden) หรือ โอซามา บิน ลาเดน เกิดเมื่อวันที่ 10 มีนาคม พ.ศ.2500 เป็นลูกคนที่ 17 จากทั้งหมด 57 คนของมหาเศรษฐีผู้มั่งคั่งแห่งซาอุดิอาระเบีย ที่มีความสัมพันธ์อันดีกับราชวงศ์ซาอุดิอาระเบีย
เมื่อ อุซามะห์ บิน ลาดิน อายุได้ 13 ปี พ่อของเขาก็ได้เสียชีวิตลงด้วยอุบัติเหตุเครื่องบินตก ทำให้เขาได้รับมรดกจำนวนมหาศาล และส่งผลให้เขากลายเป็นเด็กที่เติบโตมากับความร่ำรวย จนเมื่อเขาจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยคิง อับดุง อาซิซ ก็ได้ตัดสินใจเข้าร่วมขบวนการต่อต้านโซเวียต ของชาวอัฟกานิสถาน ซึ่งเขาได้สนับสนุนเงินจำนวนมหาศาลให้กับขบวนการนี้ รวมถึงยังร่วมรบกับนักรบมูจาฮีดีนในสมรภูมิก่อสู้กับกองทัพโซเวียตอีกด้วย และในช่วงเวลานี้เองที่กลุ่มอัลกออิดะห์ได้ถือกำเนิดขึ้น บิน ลาดิน ได้จัดตั้งกลุ่มนี้ขึ้น เพื่อรวบรวมกลุ่มนักรบอาหรับที่ต่อสู้กับโซเวียตในคราวนั้น และกลุ่มอัลกออิดะห์นี้ก็ได้ร่วมเคียงบ่าเคียงไหล่กับ บิน ลาดิน ตลอดมา
และเมื่อปี ค.ศ.1990 (พ.ศ.2533) กองทัพอิรักเข้ายึดคูเวต จนนำไปสู่สงครามอ่าวเปอร์เซีย บิน ลาดิน ได้ขอให้กษัตริย์ซาอุดิอาระเบีย ระดมกองกำลังจากอัลกออิดะห์ไปเพื่อป้องกันประเทศ แต่กษัตริย์ซาอุดิอาระเบียกลับไปเชื้อเชิญกองทัพอเมริกาเข้ามาแทน ซึ่งทำให้เหตุการณ์ดังกล่าวจุดชนวนความแค้นให้กับบิน ลาดิน
หลังจากสหรัฐฯ ชนะสงครามอ่าวเปอร์เซียแล้ว กองทัพสหรัฐฯ ก็ยังคงปักหลักปักฐานอยู่ในซาอุดิอาระเบียไม่ไปไหน ซึ่งนั่นก็ยิ่งทำให้ บิน ลาดิน แค้นมากขึ้น เพราะเห็นว่ากองทัพสหรัฐฯ ซึ่งเป็นคนนอกศาสนา ลบหลู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโลกมุสลิมและประกาศสงครามศาสนา ทำให้ บิน ลาดิน เริ่มเคลื่อนไหวด้วยการออกมาวิพากษ์วิจารณ์กษัตริย์ซาอุดิอาระเบีย พร้อมกับแสดงความไม่พอใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และในที่สุด รัฐบาลซาอุดิอาระเบียก็ได้ถอดความเป็นพลเมืองของบิน ลาดิน
เมื่อไม่ได้มีสัญชาติซาอุดิอาระเบียอีกต่อไปแล้ว บิน ลาดิน ได้ย้ายไปอยู่ที่ซูดาน ในปี 1991 (พ.ศ.2534) แต่อพยพไปอยู่ซูดานได้เพียง 5 ปีเท่านั้น เขาก็ถูกเนรเทศออกจากซูดาน และแฝงตัวเข้าไปในอัฟกานิสถาน และด้วยความคิดเกี่ยวกับศาสนาที่เคร่งครัดของ บิน ลาดิน และกลุ่มตอลีบาน ทำให้เขากลายเป็นพวกเดียวกับตอลีบานไปในที่สุด
บิน ลาดิน
หลังจากนั้น เมื่อปี 1993 (พ.ศ.2536) ก็เกิดเหตุระเบิดที่เวิลด์เทรด ในนครนิวยอร์ค ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บรวมแล้วกว่า 1,000 คน ทางการสหรัฐฯ ซึ่งทราบดีว่า บิน ลาดิน ตั้งตัวเป็นศัตรูของสหรัฐฯ มาโดยตลอด ได้เชื่อมโยงเหตุระเบิดตึกเวิลด์เทรดว่า เป็นฝีมือของบิน ลาดิน และต่อมา บิน ลาดิน ยังตกเป็นผู้ต้องสงสัยในอีกหลาย ๆ เหตุการณ์ เช่น เหตุระเบิดที่เมืองริยาดห์ ซาอุดิอาระเบีย ปี 1995 (พ.ศ.2538), เหตุระเบิดเมืองโลบา ซาอุดิอาระเบีย ปี 1996 (พ.ศ.2539), เหตุระเบิดสถานทูตสหรัฐในเคนย่า และแทนซาเนีย ปี 1998 (พ.ศ.2541), เหตุระเบิดพลีชีพโจมตีเรือรบนอกชายฝั่งเยเมน ปี 2000 (พ.ศ.2543), และเหตุวินาศกรรมครั้งสำคัญ นั่นคือ เหตุการณ์ 911 หรือเหตุการณ์เครื่องบินชนตึกเวิลด์เทรด ในนิวยอร์ค เมื่อปี 2001 (พ.ศ.2544) จนทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บกว่า 3,000 คน
จากเหตุวินาศกรรมครั้งรุนแรงครั้งนี้ ทำให้สหรัฐฯ ต้องการตัว บิน ลาดิน มากที่สุด แต่กลุ่มตอลีบานกลับไม่ส่งตัว บิน ลาดิน มาดำเนินคดีแต่อย่างใด ในที่สุดสหรัฐฯ จึงได้ประกาศทำสงครามในอัฟกานิสถาน เพื่อตามล่าตัว บิน ลาดิน และหลังจากได้ทำสงครามกันนั้น กลุ่มตอลีบานก็ล่มสลาย และบิน ลาดิน ก็หายตัวไปในที่สุด แต่ในระหว่างที่เขาหายตัวไปนั้น บิน ลาดิน ได้ใช้สถานีโทรทัศน์อัลจาซีเราะห์ เป็นกระบอกเสียงในการประณามสหรัฐฯ และปลุกระดมให้มุสลิมทั่วโลกต่อต้านสหรัฐฯ และทำสงครามทางศาสนากับสหรัฐฯ
และแม้ว่า บิน ลาดิน จะกลายเป็นศัตรูตัวฉกาจของสหรัฐฯ แต่สำหรับโลกมุสลิมแล้ว บิน ลาดิน คือวีรบุรุษผู้เก่งกาจกล้าหาญตัวจริง จึงมีผู้ศรัทธาและมีเครือข่ายการก่อการร้ายร่วมมือกับอัลกออิดะห์ไม่น้อย และก่อเหตุระเบิดหลายแห่งตลอดระยะเวลากว่า 10 ปีที่ผ่านมา แต่ในที่สุด บิน ลาดิน ก็ต้องจบชีวิตลง เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคมทีผ่านมา จากปฏิบัติการของสหรัฐฯ ซึ่งประธานาธิบดี บารัก โอบามา ได้ออกแถลงข่าวอย่างเป็นทางการแล้วว่า สหรัฐฯ สามารถจับตาย บิน ลาดิน ได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทำให้หลายประเทศออกมายิ้มร่าแสดงความยินดีที่ผู้ก่อการร้ายหมายเลข 1 ได้เสียชีวิตลงแล้ว
แต่ดูเหมือนว่า การเสียชีวิตของ บิน ลาดิน ครั้งนี้ จะไม่ทำให้การก่อการร้ายสิ้นสุด กลับกันยิ่งเป็นการจุดชนวนความแค้นให้กับเครือข่ายของ บิน ลาดิน มากขึ้น ซึ่งเรื่องราวการก่อการร้ายของเครือข่ายนี้จะเป็นอย่างไรต่อจากนี้ ก็คงต้องติดตามและเฝ้าระวังกันต่อไป