สัมผัสโลกหลังจอของ กิตติ สิงหาปัด

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก รายการวู้ดดี้เกิดมาคุย

          ถือเป็นผู้ประกาศข่าวแถวหน้าอีกคนหนึ่ง ของแวดวงสื่อสารมวลชนก็ว่าได้ สำหรับ "กิตติ สิงหาปัด" ซึ่งเขาผู้นี้คลุกคลีอยู่ในวงการข่าวสารมากว่า 14 ปี กระทั่งได้ก้าวขึ้นมาอ่านข่าวอยู่หน้าจอโทรทัศน์ จนเป็นที่รู้จักกันทั่วบ้านทั่วเมือง และล่าสุด กิตติ สิงหาปัด ก็ยอมเคลียร์คิวงานที่แสนยุ่งมาร่วมพูดคุยถึงชีวิตส่วนตัวของเขา ที่ไม่มีใครรู้ในรายการวู้ดดี้เกิดมาคุย



          งานนี้ วู้ดดี้ ได้เดินทางไปยังจังหวัดขอนแก่น ซึ่งเป็นบ้านเกิดของผู้ประกาศข่าวชื่อดังคนนี้ โดย กิตติ สิงหาปัด ได้พาชมบ้านที่ขอนแก่น ซึ่งเขายอมรับว่า ด้วยงานที่รัดตัว ทำให้ปี ๆ หนึ่งกลับมาที่บ้านแค่เพียง 2 ครั้ง ส่วนบางปีก็แทบไม่ได้กลับบ้านเลย ซึ่งทำให้เขารู้สึกผิดมาจนถึงทุกวันนี้ แต่ครั้นจะทิ้งงานบางคืนไป ก็คงไม่สามารถทำได้

          กิตติ สิงหาปัด เริ่มเล่าให้ฟังว่า อาชีพทำข่าวคือสิ่งที่เขาถนัดที่สุด เพราะมันคือการอยู่กับความจริง โดยเขาบอกว่า ชีวิตของเขาเริ่มต้นมาจากศูนย์ มาจากครอบครัวชนบท เขาเป็นเด็กบ้านนอกธรรมดา ไม่มีเส้น ไม่มีสาย แล้วไต่เต้าขึ้นมาจนถึงทุกวันนี้ด้วยตัวเอง เพราะงานนักข่าวเป็นงานที่ต้องใช้ความสามารถของตัวเองทั้งนั้น

          เมื่อถามว่า คิดจะเข้าสู่สายการเมืองหรือไม่ กิตติ ตอบทันทีว่า ไม่คิดจะเล่นการเมืองแน่นอน เพราะเชื่อว่า คงทำประโยชน์อะไรให้ประเทศไม่ได้มากเท่ากับเป็นนักข่าว และหากคนสายข่าวเข้าไปอยู่การเมือง ก็คงกลับมาทำงานสื่อเหมือนเดิมไม่ได้ เพราะมีตราของพรรคที่ไปสังกัดนั้นเป็นชนักติดหลังอยู่แล้ว ซึ่งอาจทำให้คนมองว่า นักข่าวคนนี้เอนเอียงไปข้างใดข้างหนึ่งแล้วนั่นเอง




          นอกจากนั้น กิตติ ยังพูดถึงการทำรายการ "ข่าวสามมิติ" ช่วงสี่ทุ่มครึ่งว่า ในช่วงแรก ๆ ที่ทำรายการมีเกร็งบ้าง เพราะต้องไปชนกับรายการข่าวอีกช่อง จึงต้องคาดการณ์ว่า ช่องอื่นจะเล่นประเด็นเล่น แล้วรายการของเราจะเสนอประเด็นอะไร แต่เมื่อทำรายการไปได้สักพักหนึ่งก็เริ่มหายเกร็ง เพราะมองเห็นภาพว่าเป็นรายการคนละแนว

          ส่วนที่มีคนสงสัยกันว่า กิตติ สิงหาปัด จะไม่กินเส้นกับ สรยุทธ์ สุทัศนะจินดา หรือไม่ เพราะทั้งสองคนมาในสายงานเดียวกัน และเป็นคนข่าวแถวหน้าของประเทศเช่นเดียวกัน ซึ่ง กิตติ ก็ตอบว่า ไม่มีปัญหากันแน่นอน และการที่ช่อง 3 มีนักข่าวเก่ง ๆ ดัง ๆ มาก ก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะเอกลักษณ์ บุคลิกของแต่ละรายการไม่เหมือนกัน ซึ่งผู้ใหญ่ของช่องก็คงเห็นความแตกต่างในจุดนี้แล้ว

          พร้อมกันนี้ กิตติ ยังปฏิเสธว่า ไม่เคยตอกไข่ใส่ข่าวเลย และเป็นสิ่งที่เขาเกลียดที่สุด ซึ่งหากใครทำเช่นนั้นก็คงทำได้ไม่กี่วันคนก็ไม่พูดถึงกันแล้ว พร้อมกับย้ำว่า ความเชื่อถือคือสิ่งที่สำคัญที่สุดของการทำข่าว ซึ่งเขาก็สอนนักข่าวรุ่นใหม่ ๆ เสมอ



          ขณะเดียวกัน ครอบครัวสิงหาปัด ทั้งภรรยา และลูกสาว ลูกชาย ก็ได้มาเปิดใจถึงความรู้สึกที่มีต่อหัวหน้าครอบครัวคนนี้เช่นกัน โดยน้องแตม ลูกสาวคนโต และน้องแคน ลูกชายคนเล็ก เผยว่า ไม่ค่อยมีเวลาเจอหน้าพ่อเท่าไหร่นัก เพราะพ่อทำงานหนัก แต่ก็เข้าใจว่าพ่อต้องทำงานเพื่อครอบครัว เพื่อพวกเขา นอกจากนี้ เด็ก ๆ ยังบอกอีกว่า การที่เป็นลูกของคนที่มีคนรู้จักทั่วประเทศ ก็สร้างความกดดันให้พวกเขาไม่น้อย เพราะคนจะเพ่งเล็งเป็นพิเศษ อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็สัญญาว่าจะทำตัวให้มีปัญหาน้อยที่สุด และจะตั้งใจเรียนให้ดีที่สุด เพื่อไม่ให้พ่อไม่สบายใจ

          ส่วนคุณอ้อย หรืออรวรรณ ภรรยาของ กิตติ สิงหาปัด ก็เล่าว่า แม้ว่าสามีไม่ใช่คนโรแมนติก และมักลืมวันสำคัญ ๆ เช่น วันครบรอบแต่งงาน วันวาเลนไทน์ แต่เธอก็ไม่ได้โกรธ หรือไม่พอใจอะไรในสามีคนนี้ เพราะเขาเป็นคนที่หนักแน่น ไม่มีเรื่องผู้หญิง ไม่ใช่คนชอบเที่ยว และไม่เคยทำให้เธอลำบากใจ รำคาญใจเลย ทำให้เธอมองว่า วันครบรอบแต่งงาน ก็คือวันธรรมดาหนึ่งวันเหมือนวันอื่น ๆ เพราะการครอบครัวมอบความรัก และความเอาใจใส่ให้กันทุกวัน ก็เหมือนกับว่าทุก ๆ วัน คือวันครบรอบวันแต่งงานนั่นเอง

          และนี่ก็คืออีกหนึ่งเรื่องราวเบื้องหลังฉากของ กิตติ สิงหาปัด ที่ทำให้เรารู้ว่า นอกจากชายผู้นี้จะมีความมุ่งมั่นในการทำงานแล้ว หน้าที่ความรับผิดชอบต่อครอบครัวเขาก็ไม่ได้ขาดตกบกพร่องแต่อย่างใด