ชูวิทย์ ให้เวลาเพื่อไทย 6 เดือน ลั่นไม่กลัวณัฐวุฒิ-จตุพร


ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์
ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์


คลิป ให้โอกาสชูวิทย์ ตอนที่ 1


คลิป ให้โอกาสชูวิทย์ ตอนที่ 2


คลิป ให้โอกาสชูวิทย์ ตอนที่ 3


คลิป ให้โอกาสชูวิทย์ ตอนที่ 4


คลิป ให้โอกาสชูวิทย์ ตอนที่ 5


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก taa-fanclub.com , Youtube โพสต์โดย CiNNtv1 , เฟซบุ๊ก ชูวิทย์ รักประเทศไทย

          "ใครไม่มีเมีย รัฐจะจัดหาให้"

          "ใครไม่มีความสุขเรื่องเมีย จะเปลี่ยนเมีย จะมีเมียใหม่ มายื่นคำร้องได้"

          "ประเทศของเราจะยิ้มแย้มแจ่มใส ไม่ต้องใช้ 30บาทรักษาทุกโรค แต่เรารักษาฟรีแถมให้ตังอีก 30 บาท"

          "ถึงเวลาที่ใครสักคนที่จะทำให้พวกเราอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข"

          "น้ำท่วมทำให้ลดได้ แต่น้ำลายอ่ะพอเหอะ ถึงเวลาเลิกพ่นเลิกเพ้อ แล้วลงมือทำ"

          "มีแรงเหลือใช่ไหม มาช่วยผมทำงานดีกว่า ถึงเวลาต้องร่วมกันดูแลบ้านเมืองแล้ว ช่วยผม"

ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์

ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์

          เหล่านี้...ล้วนเป็นวาจาอันเชือดเฉือน ดุดัน ตรงไปตรงมา แกมตลกนิด ๆ ของผู้ชายที่ก้าวเข้ามารับใช้พี่น้องประชาชนอย่าง  "ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์" หัวหน้าพรรครักประเทศไทย ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และจริงอยู่ที่คนอย่าง ชูวิทย์ ไม่ใช่หน้าใหม่ในวงการการเมืองไทยของเรา หลายครั้งแล้วที่ ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ลงสมัครรับเลือกตั้งเพื่อขอรับใช้พี่น้องประชาชน ไล่ตั้งแต่เวทีใหญ่ระดับชาติไปจนถึงเวทีกลาง ๆ อย่างเวทีผู้ว่าฯ กทม. ชูวิทย์ ก็ลงสมัครมาหมดแล้ว แต่คราวนี้ถือว่าเป็นการก้าวเข้าลงเล่นการเมืองอย่างเต็มตัว ในฐานะฝ่ายค้าน ซึ่ง ชูวิทย์ เคยประกาศกร้าวเอาไว้ว่าจะแฉทุกอย่างที่ขวางหน้า หากไม่ชอบมาพากล!
 
          อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าคงมีหลาย ๆ คนชื่นชอบในตัวผู้ชายคนนี้ เพราะความสด ใหม่ และเบื่อนักการเมืองแบบเดิม ๆ  ทำให้ชื่อของ "ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์" เป็นที่รู้จัก ได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนไทยเป็นอย่างมาก และตอนนี้เขาคนนี้ก็เข้าไปอยู่ในหัวใจของใครหลาย ๆ คน ว่าแล้ววันนี้กระปุกเราจะพาไปล้วงลึก เพื่อทำความรู้จักกับ ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ กันอีกสักครั้ง...

ชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์

ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์



          ชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ เกิดเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2504 ในครอบครัวที่ทำธุรกิจนำเข้าและผลิตเสื้อผ้ายีนส์ยี่ห้อ ฮาร่า ซึ่งปัจจุบัน เลิศชัย กมลวิศิษฎ์ พี่ชายของชูวิทย์ เป็นผู้ดูแลกิจการดังกล่าวอยู่ ทางด้านการศึกษา ชูวิทย์ จบการศึกษาระดับปริญญาตรีจากคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และจบการศึกษาระดับปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยซานดิเอโก ประเทศสหรัฐอเมริกา

          ต่อมา ชูวิทย์ ก็หันมาทำธุรกิจของตัวเอง ด้วยการเปิดอาบอบนวดชื่อ วิคทอเรีย ซีเคร็ท รวมทั้งขยายกิจการจนเป็นเจ้าของอาบอบนวด 6 แห่ง ในเครือเดวิสกรุ๊ป และก่อตั้งมูลนิธิต้นตระกูลกมลวิศิษฎ์ ให้การสนับสนุนก่อสร้างป้อมยามที่พักเจ้าหน้าที่ตำรวจตามแยกไฟแดง แต่เกิดความขัดแย้งกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เขาจึงออกมาเปิดเผยเรื่องส่วย ซึ่งทำให้ชื่อของ ชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ กลายเป็นที่รู้จัก จนได้รับฉายาว่า เสี่ยอ่าง หรือ จอมแฉ ก่อนจะเกิดผลกระทบกับธุรกิจอาบอบนวด ทำให้เขาถูกคดีค้าประเวณีเด็กหญิง อายุต่ำกว่า 18 ปี ในสถานอาบอบนวด

          จนเมื่อกลางปี พ.ศ. 2546 ชูวิทย์ ตกเป็นข่าวใหญ่อีกครั้ง เมื่อเขาหายตัวไปอย่างลึกลับ ขณะมีคดีรื้อบาร์เบียร์ย่านสุขุมวิท ซึ่งเป็นคดีที่มีคู่ความเป็นตำรวจนครบาล แต่ไม่กี่วันต่อมา ชูวิทย์ ก็ปรากฏตัวข้างถนน ย่านชานเมืองแห่งหนึ่ง ด้วยสภาพอิดโรย ทั้งนี้ เขาได้แฉว่าถูกตำรวจกลุ่มหนึ่งอุ้มตัวไป จากนั้น ชูวิทย์ ก็เริ่มยึดพื้นที่ข่าวได้เป็นระยะ ๆ ด้วยการแฉพฤติกรรมการทุจริตของตำรวจ ด้วยท่าทางดุดัน ดุเดือด จริงจัง พูดจาชนิดถึงลูกถึงคน ไม่เกรงกลัวอำนาจมืด แต่แฝงไปด้วยความขี้เล่น สนุกสนาน จนทำให้กลายเป็นที่นิยมชมชอบของผู้คนจำนวนหนึ่ง


ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์

ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์

          แต่แล้ววันหนึ่ง... ผู้ชายคนนี้ก็ประกาศตัวจะลงเล่นการเมือง!!! โดยการตั้ง "พรรคต้นตระกูลไทย" เพื่อแย่งชิงที่นั่งทางการเมืองในสภาต่าง ๆ ทั้งเวทีเล็กและใหญ่ แต่หลังจากนั้นไม่นาน ชูวิทย์ ก็ตัดสินใจนำพรรคต้นตระกูลไทย เข้าควบรวมกับพรรคชาติไทยในตอนนั้น (ปัจจุบันเป็นพรรคชาติไทยพัฒนา) แล้วลงสมัคร ส.ส. ในตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคและปาร์ตี้ลิสต์อันดับที่ 2 หลังจากนั้น ชูวิทย์ ได้ลาออกจากพรรคชาติไทย ด้วยเหตุผลที่ว่า นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย เปลี่ยนแนวทางทางการเมืองไปเข้ารวมกับพรรคไทยรักไทย ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ทำให้ ชูวิทย์ เลือกที่จะออกมาจากพรรคโดยการประกาศลาออก เนื่องจากไม่เห็นด้วยกับแนวทางการทำงานของ บรรหาร ศิลปอาชา และได้ใช้วาจาเชือดเฉือน ต่อว่าต่อขานแบบตัดบัวไม่เหลือใยนับแต่นั้นเป็นต้นมา

          จากนั้น นายชูวิทย์ ก็ได้มาก่อตั้ง "พรรคสู้เพื่อไทย" เมื่อวันที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2551 ซึ่งมีสโลแกนว่า "แตกต่างแต่ไม่แตกแยก" พร้อมประกาศก้องว่าจะติดตามและตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล ก่อนจะถูกยุบพรรคไป แต่ ชูวิทย์ ก็ไม่เคยละความพยายามที่จะลงเล่นการเมือง เพราะเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553 คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้รับรอง "พรรครักประเทศไทย" และรับรองสถานะ ชูวิทย์ ให้เป็นหัวหน้าพรรครักประเทศไทย ภายใต้สโลแกน "ฉันรักคุณ" ซึ่งในการเลือกตั้งทั่วไปในปี พ.ศ. 2554 ชูวิทย์ได้แถลงข่าวเปิดตัวพรรครักประเทศไทยอย่างเป็นทางการ พร้อมประกาศว่าจะเป็นฝ่ายค้านเพื่อตรวจสอบรัฐบาล และเขาก็สามารถทำได้สำเร็จ เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในรัฐสภา เพื่อตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล!



คลิปเพลงชูวิทย์มาแล้วจ้า


ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์


          ต่อมา เมื่อช่วงเย็นวันที่ 5 กรกฎาคม นายชูวิทย์ ก็ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ผ่านรายการเรื่องเด่นเย็นนี้ ในช่วงเจาะข่าวเด่น ซึ่งดำเนินรายการโดย สรยุทธ สุทัศนะจินดา ถึงการทำหน้าบทบาทฝ่ายค้าน

          โดยนายสรยุทธ ได้เริ่มถามถึงกรณีที่นายชูวิทย์ไปมอบดอกไม้ให้นายอภิสิทธิ์ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังด่าประชาธิปัตย์อยู่นั้น นายชูวิทย์ กล่าวว่า ตนทำตามหน้าที่เป็นฝ่ายค้าน ตอนนั้นประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล ตนก็ต้องด่ารัฐบาล ว่านโยบายรัฐบาลทำได้หรือไม่ แต่วันนี้การหาเสียงจบลง ตนมีสถานะเป็นฝ่ายค้าน เมื่อพรรคเพื่อไทยขึ้นมาเป็นรัฐบาล ตนก็ต้องมีการเตรียมการเช่นเดียวกัน พรรคประชาธิปัตย์ไม่ใช่ศัตรู เพราะตนมาทำหน้าที่เพื่อประเทศชาติ และวันนี้ตนเอาดอกไม้ไปมอบให้ด้วยความจริงใจ เพื่อเป็นการให้กำลังใจคุณอภิสิทธิ์สู้ต่อไป ถึงจะเป็นฝ่ายค้าน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าแพ้

          เมื่อนายสรยุทธ ถามว่า ประชาชนให้โอกาสพรรคเพื่อไทยเกินครึ่ง คุณชูวิทย์ให้โอกาสเขาหรือไม่ เพราะไม่ทันไรคุณชูวิทย์ก็เริ่มค้านแล้ว นายชูวิทย์ กล่าวว่า สำหรับตนแล้ว หากได้รับฉันทามติมาแล้ว ก็ต้องทำเลย เพราะพรรคเพื่อไทยยังตั้ง ครม.ปูจ๋าเลย จะให้ฝ่ายค้านนั่งรอดูเขาเอาลูก เอาภรรยาใครมาหรือเปล่า เป็นนอมินีหรือเปล่า พรรคเพื่อไทยไม่รอ ตนก็ไม่รอ เพราะปากท้องชาวบ้านเป็นเรื่องสำคัญ

          นายชูวิทย์ กล่าวต่อไปว่า ทั้งนี้ตนจะให้โอกาสเพื่อไทย 6 เดือน เพราะพรรคเพื่อไทยพูดถึงวิสัยทัศน์ 2020 แต่กลับยังเลือกคนเก่า ๆ เข้ามาใน ครม. และถ้าเขาเอาคนในครอบครัว เอาตัวแทนมา ตนบอกตรง ๆ เลยว่า กลับไปบริหารบริษัทตัวเองดีกว่า เพราะนี่เป็นประเทศชาติ จะเอาคนไม่มีความรู้ ความสามารถมาบริหารประเทศได้อย่างไร หากเลือกคนที่ไม่มีความสามารถ ตนก็มีสิทธิค้าน เพราะประชาชนเลือกตนเข้ามา ทั้งนี้ตนพูดดักไว้ก่อน เพราะยังไงก็คิดว่าคงไม่พ้นวงเวียนเดิม 

          สำหรับวาระเร่งด่วนของฝ่ายค้าน นายชูวิทย์ กล่าวว่า ตนจะต้องจี้ให้พรรคเพื่อไทยทำตามนโยบายภายใน 5-6 เดือนนี้ เช่น เรื่องความปรองดอง สลายสีเสื้อแดง ปัญหาปากท้อง นโยบายตอนหาเสียง ซึ่งพรรคเพื่อไทยต้องทำให้ได้ หากทำได้ ตนก็จะไม่แย้ง

ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์


          เมื่อถามถึงสภาวะการเมืองในปัจจุบันนี้ที่ทุกอย่างผิดเพี้ยนไปหมด  จนเรียกได้เป็น "สึนามิทางการเมือง" ทำให้พรรคเพื่อไทยกระแสแรง พรรคประชาธิปัตย์แพ้ พรรคขนาดกลางเละ ทุกอย่างผิดเป้า เกิดจากอะไร นายชูวิทย์ กล่าวว่า ประการแรกคิดว่า ประชาชนหิว อยากไปใช้สิทธิ, ประการที่สอง การบริหารงานของพรรคประชาธิปัตย์อาจจะมีผิดพลาด ทำแล้วไม่ประทับใจ เศรษฐกิจไม่ดี ข้าวของแพง, ประการที่สาม เรื่องทะเลาะกัน ทำให้คนเบื่อ, ประการที่สี่ พรรคร่วมไม่ได้แสดงจุดยืน การเมืองไทยเป็นระบบสองพรรคใหญ่ พรรคเล็กไม่มีบทบาท

          เมื่อถามว่า นายชูวิทย์คิดว่ารัฐบาลปูจ๋าจะอยู่ได้นานหรือไม่ นายชูวิทย์ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับการทำงานของพรรคเพื่อไทย ซึ่งจากวิสัยทัศน์ ควรจะเอาคนที่มีความรู้ความสามารถเข้ามา และปัจจัยที่ตัวของคุณปูด้วย เขามีเบื้องหลังที่จะทำอะไรให้คุณทักษิณหรือไม่ ตนเชื่อว่าเขายังไม่ทำตอนนี้ แต่ 6 เดือนขึ้นไปไม่แน่ และวิธีการต้องแนบเนียนด้วย

          และสำหรับกรณีที่นายอภิสิทธิ์ลาออกจากหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายชูวิทย์ กล่าวว่า คุณอภิสิทธิ์ต้องกลับมา ออกตามสัญญาได้แล้วค่อยกลับมา มุ่งหน้าทำงานใหม่ มาเป็นฝ่ายค้านกับตน รับประกันว่าสนุกแน่

          เมื่อถามถึงการอภิปรายในสภา ที่นายชูวิทย์จะต้องถูกจำกัดเวลา อีกทั้งยังต้องเจอกับคนฝีปากคมอย่าง ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ หรือ จตุพร พรหมพันธุ์ จะไหวหรือไม่นั้น นายชูวิทย์กล่าวว่า ตนเคยเป็น ส.ส.ปี 2548 มาแล้ว และอยู่ฝ่ายค้านด้วย ตอนนั้นคุณณัฐวุฒิยังอยู่สภาโจ๊กอยู่เลย ส่วนคุณจตุพรยังขี่รถกระบะอยู่หรือเปล่า เพราะปี 2548 พวกนี้ยังเป็นวุ้นอยู่เลย ตนยังไม่รู้จักเขา แต่เจอกันในสภาได้ ไม่มีปัญหา แต่หากเป็นเรื่องผลประโยชน์ของประเทศชาติ ตนยอมไม่ได้



ครอบครัวชูวิทย์

ครอบครัวชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์

ครอบครัวชูวิทย์

ครอบครัวชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์


          ส่วนชีวิตครอบครัว ปัจจุบัน ชูวิทย์ แต่งงานอยู่กินกับ สุรัชฎา แววศรี แต่ก่อนหน้านี้เขาเคยแต่งงานมาแล้ว 2 ครั้ง โดยมีบุตร-ธิดากับภรรยาเก่าคนแรก 2 คน และกับภรรยาเก่าคนที่ 2 ถึง 4 คน คือ ต้นตระกูล กมลวิศิษฏ์ (ต้น), เติมตระกูล กมลวิศิษฏ์ (เติม), ตระการตา กมลวิศิษฏ์ (ต๊ะ) และต่อตระกูล กมลวิศิษฏ์ (ต่อ) ซึ่งหลาย ๆ คนคงเคยได้เห็นหน้าค่าตากันมาแล้ว บ้างว่าหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูกันทั้ง 4 พี่น้อง ถึงขั้นมีกระแสนิยมชมชอบ ในความหล่อสวยของลูกชายลูกสาวชูวิทย์กันอย่างมากมายเลยทีเดียว


น้องต๊ะ ลูกสาวชูวิทย์

น้องต๊ะ ลูกสาวชูวิทย์

น้องต๊ะ ลูกสาวชูวิทย์

น้องต๊ะ ลูกสาวชูวิทย์

ลูกสาวชูวิทย์

น้องต๊ะ ลูกสาวชูวิทย์

          โดยเฉพาะกับ ลูกสาวชูวิทย์ หรือ น้องต๊ะ ตระการตา กมลวิศิษฏ์ สาวสวยวัย 18 ปี ที่เรียกได้ว่ากลายเป็นขวัญใจโลกไซเบอร์แบบไม่รู้ตัว อาจเพราะความน่ารักสดใส ดูแล้วสบายตาสบายใจ ทำให้ทุกความเคลื่อนไหวของเธอ จะถูกนำมาโพสต์เพื่อบอกเล่าเสมอ ๆ และถึงแม้ว่าตอนนี้เธอจะบินไปเรียนต่อต่างประเทศ แต่เรื่องราวของ น้องต๊ะ ตระการตา ก็ยังถูกนำมาอัพเดตความเป็นไปตลอด ก็แหม...น่ารักขนาดนี้ แถมยังเป็นลูกสาวสุดที่รักของเฮียชูวิทย์อีก แบบนี้ใครจะไปไม่อยากรู้เรื่องราวของเธอกัน (จริงไหม) อะ ๆ แต่หนุ่ม ๆ คนไหนอยากสมัครเป็นลูกเขยชูวิทย์ ก็ต้องเตรียมใจกันหน่อย เพราะมีข่าวแว่ว ๆ มาว่า ชูวิทย์หวงลูกสาวสุด ๆ

          และนี่คือตัวตนของผู้ชายที่ชื่อ ชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ...




คลิป ชูวิทย์ ให้สัมภาษณ์เจาะข่าวเด่น ตอนที่ 1



คลิป ชูวิทย์ ให้สัมภาษณ์เจาะข่าวเด่น ตอนที่ 2





เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ชูวิทย์ ให้เวลาเพื่อไทย 6 เดือน ลั่นไม่กลัวณัฐวุฒิ-จตุพร อัปเดตล่าสุด 6 กรกฎาคม 2554 เวลา 18:11:18 88,811 อ่าน
TOP
x close