ดร.แจ๊ค เคโวเกี้ยน
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก zimbio.com, flynetpictures.com
ดร.แจ๊ค เคโวเกี้ยน หมอฉาวชื่อก้องโลก ที่ช่วยผู้ป่วยให้เสียชีวิตอย่างสงบนับ 100 กว่าราย เสียชีวิตอย่างสงบแล้ว
เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน เว็บไซต์เทเลกราฟ ของอังกฤษ รายงานว่า ดร.แจ๊ค เคโวเกี้ยน (Jack Kevorkian) หรือ "ดร.เดธ" นายแพทย์ฉาวก้องโลก ผู้ซึ่งช่วยเหลือให้ผู้ป่วยระยะสุดท้าย ได้เสียชีวิตสมใจอยากเป็นจำนวนกว่า 130 ราย ได้เสียชีวิตอย่างสงบ จากอาการปอดบวมและอาการไตวาย
สำหรับการเสียชีวิตของ ดร.แจ๊คนั้น ทางด้านนางอีวา เจนัส และนายมอร์แกนรอธ โคเวเกี้ยน หลานสาวและหลานชาย บอกว่า ปู่ของพวกเขาเสียชีวิตอย่างสงบ ไม่ได้ตายอย่างทุรนทุราย อีกทั้ง ทนายความก็เปิดเผยเช่นเดียวกันว่า ดร.แจ๊ค ได้ฟังเพลงคลาสสิกของ"เซบาสเตียน บาค" ก่อนจะสิ้นลมหายใจด้วย
สำหรับ ดร.แจ๊ค เคโวเกี้ยน กลายเป็นแพทย์ผู้มีข่าวฉาวไปทั่วโลก หลังจากที่ตกเป็นข่าวพาดหัวหนังสือพิมพ์ ในฐานะแพทย์ผู้สนับสนุนการกระทำ "การุณยฆาต" ซึ่งก็คือ การทำให้บุคคลตายโดยเจตนา ด้วยวิธีการที่ไม่รุนแรงหรือวิธีการที่ทำให้ตายอย่างสะดวก โดยมีผู้ป่วยจำนวนมากได้รับการช่วยเหลือให้ตายผ่านรูปแบบของ "เครื่องจักรสังหาร" หรือวิธีการให้ยาหลายประเภทกินเพื่อเสียชีวิต นอกจากนี้ เขายังเป็นผู้ที่สนับสนุนกฎหมายเกี่ยวกับ "การมีสิทธิที่จะเสียชีวิต" ซึ่งทำให้มีคนออกมาวิพากษ์วิจารณ์เขาเป็นอย่างมาก แต่เขาก็ไม่สนใจ ยังคงแสดงจุดยืนให้ความช่วยเหลือผู้ป่วยที่ต้องการเสียชีวิต หรือต้องการหลีกหนีจากความเจ็บป่วยจากโรคร้ายต่อไป
ทั้งนี้ ตลอดช่วงทศววรษ 1990 (พ.ศ.2533) ดร.แจ๊ค ถูกตั้งข้อหาฆาตกรรมจากการช่วยผู้ป่วยระยะสุดท้ายให้เสียชีวิตสมใจ และในที่สุดปี 1999 (พ.ศ.2542) เขาก็ถูกตัดสินโทษจำคุก 10-20 ปี หลังจากสถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่งได้เผยแพร่วีดีโอ ดร.แจ๊ค ให้ยาพิษแก่ผู้ป่วยวัย 52 ปี กินจนถึงแก่ความตาย เขาจึงถูกตัดสินว่ามีความผิด ฐานฆ่าคนตาย แต่เขาอุทธรณ์จนศาลสั่งลดโทษเหลือจำคุก 8 ปี อย่างไรก็ตาม ภายหลังเขาได้รับการปล่อยตัว ในปี 2007 (พ.ศ.2550) ดร.แจ๊ค ได้กล่าวว่า เขาไม่เคยรู้สึกเสียใจที่ได้ช่วยให้ผู้ป่วยฆ่าตัวตาย
อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ประเทศที่กฎหมาย “การมีสิทธิที่จะเสียชีวิต" อนุมัติ ได้แก่ สวิสเซอร์แลนด์ เนเธอร์แลนด์ และ รัฐ Northern Territory ประเทศออสเตรเลีย นอกจากนี้ ยังมีรัฐโอเรกอน ซึ่งเป็นรัฐแรกของสหรัฐอเมริกาที่อนุญาตให้แพทย์สามารถกระทำ "การุณยฆาต" ต่อผู้ป่วยที่ตกลงใจอยากเสียชีวิตได้
