บุ๋ม วอนสมาคมฯ แข่ง จยย. เปิดอกคุยปมสแตมป์-ติ๊งโน้ต

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก Youtube โพสต์โดย aeae193 , Youtube โพสต์โดย CiNNtv1 , Youtube โพสต์โดย CiNNtv1 

         นายกสมาคมฯ แข่งรถ จยย.แจง ปมสแตมป์-ติ๊งโน้ต ยันตัดสินถูกต้องแล้ว ด้านบุ๋มวอนสมาคมฯ มานั่งคุยกันทุกฝ่าย เพื่อเคลียร์ปัญหาที่เกิดขึ้น

          ยืดเยื้อกันมานานสำหรับกรณีที่ "แสตมป์ อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์" ใช้เท้าถีบรถจักรยานยนต์ของ "ติ๊งโน้ต ฐิติพงศ์ วโรกร" แฟนหนุ่มนักบิดของสาวบุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี ขณะกำลังแข่งขัน ทำให้สาวบุ๋มไม่พอใจ เพราะการกระทำดังกล่าวดูเสี่ยงอันตรายต่อชีวิตของ "ติ๊งโน้ต" จึงได้ยื่นเรื่องไปยังสมาคมกีฬาแข่งรถจักรยานยนต์แห่งประเทศไทย สุดท้ายแล้วทางสมาคมฯ จึงสั่งปรับ "แสตมป์ อภิวัฒน์" ผู้กระทำผิด 10,000 บาท พร้อมกับออกแถลงข่าวว่า ยืนยันจะลงโทษนักบิดหนุ่มตามคำตัดสินเดิม แม้สาวบุ๋มจะมีทีท่าว่าจะยื่นเรื่องอุทธรณ์ ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

          ล่าสุด ดูท่าว่ากรณีนี้คงจะไม่จบง่าย ๆ เมื่อนายธงชัย วงษ์สวรรค์ นายกสมาคมกีฬาแข่งรถจักรยานยนต์ ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ถึงกรณีดังกล่าวผ่านรายการเรื่องเด่นเย็นนี้ เมื่อวันอังคารที่ 2 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยระบุว่า ตามปกติแล้วในการแข่งขันจะมี "เรซซิ่งไลน์" คือ ใครสามารถเข้าไลน์ได้ก่อนก็จะเป็นผู้ได้เปรียบ และเมื่อดูจากเทปการแข่งขันจะพบว่า รถของสแตมป์และติ๊งโน้ตเบียดกันมาทั้งคู่ ก่อนที่รถของสแตมป์จะเข้าไลน์ได้ก่อน แต่ถูกรถของติ๊งโน้ตกระแทกจากด้านหลังตรงช่วงโค้ง ทำให้คันเกียร์รถของสแตมป์หลุดออกไป ซึ่งตรงนี้อาจทำให้สแตมป์เริ่มมีอารมณ์

          "ทีนี้ พอถึงโค้งเกิดเหตุ สแตมป์เห็นว่า รถของติ๊งโน้ตพยายามจะเข้าไลน์ในแซงรถสแตมป์ตรงช่วงโค้ง ทำให้สแตมป์ต้องถีบรถของติ๊งโน้ตออก เพราะรถของสแตมป์คันเกียร์หักไปแล้ว หากรถของติ๊งโน้ตมากระแทกอาจเกิดอันตรายได้ แต่หากสแตมป์เก๋ากว่านี้ ก็คงไม่จำเป็นต้องไปถีบรถติ๊งโน้ต แค่เอารถตีคู่กัน บี้กันไปแล้วเบียดรถของติ๊งโน้ตออกนอกไลน์ไปก็ทำได้" นายกสมาคมฯ ชี้แจง




          นายธงชัย ยืนยันด้วยว่า นักแข่งทั้งสองคนได้ขับรถกระทบกระทั่งกันมาตลอด ตั้งแต่ออกสตาร์ทจนถึงเส้นชัย ซึ่งก็อาจทำให้เกิดอารมณ์ด้วยกันทั้งคู่ และนำไปสู่เหตุการณ์ดังที่เกิดขึ้นได้ ซึ่งทางสแตมป์เองก็ผิด ทางสมาคมฯ จึงลงโทษปรับ 10,000 บาท และให้บำเพ็ญประโยชน์ 1 วัน โดยส่วนตัวมองว่า ไม่ใช่โทษที่เบาไป เนื่องจากสแตมป์ไม่ได้ทำให้ติ๊งโน้ตเสียผลประโยชน์ หรือได้รับบาดเจ็บ เพราะสุดท้ายแล้ว ตัวติ๊งโน้ตก็เข้าเส้นชัยเป็นที่ 1

          เมื่อถามว่าที่บุ๋ม ปนัดดา ออกมาระบุว่า หากติ๊งโน้ตประคองตัวไม่ดีในช่วงที่ถูกถีบรถ อาจทำให้รถเสียหลักล้มจนเกิดอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ เพราะขณะนั้นรถวิ่งด้วยความเร็ว 150 กิโลเมตรต่อชั่วโมง นายธงชัย ได้ชี้แจงถึงประเด็นนี้ว่า ขณะนั้นรถทั้งสองคันใช้ความเร็วไม่น่าเกิน 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเท่านั้น เพราะต้องเข้าโค้งแคบ ๆ เป็นไปไม่ได้เลยที่จะวิ่งด้วยความเร็ว 150 กิโลเมตรต่อชั่วโมงอย่างที่คุณบุ๋มอ้าง และสุดท้ายแล้วติ๊งโน้ตก็เป็นฝ่ายชนะ ไม่ได้เสียคะแนนใด ๆ ตนจึงไม่เข้าใจว่า คุณบุ๋มต้องการอะไร

          นายธงชัย กล่าวต่อว่า หลังจากรถทั้งสองคันเข้าเส้นชัย ได้เกิดเหตุการณ์วุ่นวายกระทบกระทั่งกันขึ้นระหว่างทีมงานของทั้งสองทีม โดยช่างเครื่องของทีมบุ๋ม ปนัดดา ไปตะโกนด่าทีมสแตมป์ และถือประแจตัวใหญ่อยู่ในมือ จึงถูกสมาคมฯ ลงโทษปรับเงิน 10,000 บาท ซึ่งตนมองว่า เป็นการลงโทษที่ดูน้อยไปด้วยซ้ำ เพราะช่างเครื่องพกประแจตัวใหญ่เข้ามาในสนาม แม้จะอ้างว่าช่างก็ต้องมีเครื่องมือติดตัว แต่ในที่เกิดเหตุไม่ได้อยู่ในบริเวณที่มีการซ่อมแซมรถ จึงไม่ควรจะพกเครื่องมือเข้ามา



          "เครื่องมือมันต้องอยู่ในสถานที่ทำงาน อยู่ในพิตของนักแข่ง หากพกเครื่องมืออันขนาดนี้เดินเข้ามา แล้วกรรมการต้องเข้ามาดึง มาห้ามไม่ให้ไปตีเขา ก็ตายไหม อย่างเช่นกีฬายิงปืน ถือปืนอยู่ในสนามก็ถือเป็นอุปกรณ์กีฬา แต่ถ้าพกออกมาเดินถนน ปืนก็คืออาวุธใช่ไหม นี่คุณเอาออกมานอกที่ทำงานของคุณ ก็เท่ากับเป็นอาวุธ" นายธงชัย ชี้แจง และย้ำว่า จากเหตุการณ์นี้ ทางสมาคมฯ จึงเห็นว่า ช่างเครื่องคนดังกล่าวมีเจตนาทำร้ายร่างกาย แม้จะยังไม่ได้ทำร้ายใคร แต่ก็ถือว่าเป็นความผิดที่อาจจะดูหนักกว่าคนทำผิดในสนามเสียอีก

          "ผมยกตัวอย่างเหตุการณ์คล้าย ๆ กันนี้ที่เคยเกิดขึ้นในเมืองนอก มีภรรยาของนักแข่งคนหนึ่งไปร้องเรียนสมาคมฯ ว่า สามีของเขาถูกรถจักรยานยนต์อีกคันชนจนกระดูกไหปลาร้าแตก แต่สุดท้ายทางสมาคมฯ ของประเทศนั้นก็ไม่ได้ลงโทษอะไรคู่กรณี เพราะมองว่าเป็นการแข่งขันในสนาม กรณีของติ๊งโน้ต และสแตมป์ก็ไม่ได้แตกต่างกัน" นายกสมาคมฯ ยืนยัน

          สุดท้าย นายธงชัย ยังยืนยันว่า ทางสมาคมฯ จะยืนยันคำสั่งลงโทษสแตมป์ และช่างเครื่องทีมบุ๋ม ปนัดดา ตามเดิม และคงจะไม่มีการตัดคะแนนสแตมป์อย่างที่ บุ๋ม ปนัดดา พยายามเรียกร้อง เพราะเห็นว่าตัดสินอย่างเป็นธรรมแล้ว




          ขณะที่บุ๋ม ปนัดดา เมื่อได้ฟังคำชี้แจงของนายกสมาคมฯ ก็ได้ออกมาให้สัมภาษณ์อีกครั้ง โดยย้ำว่า ที่ตนออกมาพูดเพื่อต้องการทวงถามความยุติธรรม และไม่เข้าใจว่า ทำไมในงานแถลงข่าววันที่ 27 กรกฎาคมที่ผ่านมา ทางสมาคมฯ ไม่ได้แจ้งให้ทีมของตนทราบเลย แต่กลับแจ้งให้อีกทีมทราบและไปมีภาพยืนจ่ายเงินค่าปรับ

          ส่วนกรณีที่สแตมป์ไปเขียนเฟซบุ๊กทำนองว่า สาเหตุที่ถีบรถจักรยานยนต์ของติ๊งโน้ตในวันเกิดเหตุเป็นเพราะเหม็นขี้หน้านั้น ตนยังไม่ได้อ่านในเฟซบุ๊กของสแตมป์ แต่ก็รู้สึกเสียใจที่สแตมป์เขียนอย่างนี้ เพราะเจ้าตัวกลับไปบอกทางสมาคมฯ ว่า ที่ถีบรถติ๊งโน้ตเพื่อป้องกันตัว ส่วนที่อ้างเหตุการณ์ทีเกิดขึ้นในต่างประเทศนั้น จริง ๆ แล้วเป็นเหตุการณ์ที่ไปชนกันจนเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งเป็นคนละกรณีกับสแตมป์ และติ๊งโน้ต จึงนำมาเทียบกันไม่ได้

          บุ๋ม ปนัดดา ยังยืนยันด้วยว่า ตนเองไม่เคยพูดว่า "หน้าตัวเมีย" แต่พูดเพียงว่า "ขอความแมน" และขอให้ทุกฝ่ายออกมาเปิดอกพูดคุยกันพร้อม ๆ กันทุกฝ่าย เพราะไม่เข้าใจว่า ทำไมทางสมาคมฯ จึงไม่กล้าออกมานั่งคุยด้วยกัน

          ด้าน ติ๊งโน้ต ก็ระบุว่า ตนเป็นนักแข่งมืออาชีพ สามารถรับได้ทุกสถานการณ์อยู่แล้ว ยังไงก็ต้องแข่งขันต่อไป ไม่ว่าสมาคมจะว่าอย่างไร อย่างเช่นในการแข่งขันนัดที่เกิดปัญหาขึ้น ตนไม่ได้ผิดอะไร แต่ไป ๆ มา ๆ เรื่องเหมือนกับว่า ตนอาจจะเป็นคนผิดไปแล้ว ตนก็ไม่เข้าใจว่าจะทำอย่างนี้ไปเพราะอะไร













[30 กรกฎาคม] บุ๋ม ปลง แสตมป์ ไม่จบเรื่อง โพสต์เย้ยอีกในเฟซบุ๊ก

          กลายเป็นประเด็นร้อนในแวดวงนักบิดมาได้พักหนึ่งแล้ว สำหรับกรณีที่อดีตนางสาวไทย "บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี" เจ้าของทีม "ปนัดดา เรซซิ่ง" ร้องเรียนไปยังสมาคมกีฬาแข่งรถจักรยานยนต์แห่งประเทศไทย ให้ลงโทษ "แสตมป์ อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์" นักบิดหนุ่ม ทีมฮอนด้า เอลฟ์ สมาร์ท สปอร์ตทีม ที่ใช้เท้าถีบรถจักรยานยนต์ของ "ติ๊งโน้ต ฐิติพงศ์ วโรกร" แฟนหนุ่มนักบิดของสาวบุ๋ม ขณะรถกำลังเข้าโค้ง หลังจากรถจักรยานยนต์ทั้งสองคันเบียดตีโค้งกันมา ในการแข่งขันรถจักรยานยนต์รุ่นซุปเปอร์ไบค์ 1000 โปร ณ สนามแข่งรถไทยแลนด์เซอร์กิต นครชัยศรี เมื่อวันที่ 19 มิถุนายนที่ผ่านมา แม้ว่าในท้ายที่สุดแล้ว ติ๊งโน้ต ฐิติพงศ์ จะเป็นฝ่ายชนะการแข่งขัน แต่บุ๋ม ปนัดดา ก็ขอเอาเรื่อง เพราะการกระทำดังกล่าวของแสตมป์ อภิวัฒน์ ดูแล้วอาจก่อให้เกิดอันตรายถึงแก่ชีวิตได้

          จากนั้น ทางสมาคมกีฬาแข่งรถจักรยานยนต์แห่งประเทศไทยได้รับพิจารณาเรื่องดังกล่าว ก่อนจะสั่งปรับ "แสตมป์ อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์" เป็นเงิน 10,000 บาท พร้อมให้บำเพ็ญประโยชน์ ด้วยการไปเป็นครูสอนอีก 1 วัน ขณะที่ช่างเครื่องของทีมสาวบุ๋มเอง ก็ถูกสมาคมฯ สั่งปรับ 10,000 บาท และสั่งให้ไปเป็นกรรมการสนาม 1 วัน หลังจากจบเกมแล้วไปมีปากเสียงกับอีกฝ่าย ซึ่งสาวบุ๋ม ปนัดดา เห็นว่า บทลงโทษนี้ไม่ยุติธรรมที่ตัดสินให้ผู้ที่ทำผิดพยายามฆ่าคนกับคนที่โมโหด่าทอมีโทษเท่ากัน ทั้งที่ฝ่ายแสตมป์เป็นคนก่อเรื่องก่อน จึงได้เตรียมทำเรื่องอุทธรณ์อีกครั้ง




          สาวบุ๋ม ปนัดดา ได้ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการเรื่องเด่นเย็นนี้ วันที่ 22 กรกฎาคมว่า การที่แสตมป์ใช้เท้าถีบรถติ๊งโน้ต ขณะรถกำลังเบียดกันเข้าโค้ง เป็นการกระทำที่อันตรายมาก เพราะหากรถล้ม อาจกลายเป็นอุบัติเหตุใหญ่ และรุนแรงถึงแก่ชีวิตได้ ซึ่งตัวของแสตมป์เองก็น่าจะทราบดีอยู่แล้ว อีกทั้ง แสตมป์ก็เคยก่อเรื่องทำนองนี้มาแล้วครั้งหนึ่งและเคยถูกคาดโทษไว้ว่า หากมีกรณีเช่นนั้นอีกจะถูกลงโทษหนัก แต่สุดท้ายมาก่อเรื่องอีกในครั้งนี้ กลับเจอบทลงโทษเพียงแค่ปรับ และให้ไปเป็นครูสอนคนอื่น ซึ่งคนที่ทำผิดเช่นนั้น จะไปเป็นครูสอนคนอื่นได้อย่างไร ตนจึงไม่พอใจ

          ขณะที่นายธงชัย วงษ์สวรรค์ นายกสมาคมกีฬาแข่งจักรยานยนต์แห่งประเทศไทย ก็ได้ออกแถลงข่าวอีกครั้งในวันที่ 27 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยยืนยันบทลงโทษของ "แสตมป์ อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์" ตามเดิม พร้อมชี้แจงว่า เหตุการณ์ใช้เท้าถีบคงจะไม่เกิดขึ้นหากคู่แข่งขันขับขี่ในไลน์ของตัวเอง ซึ่งนักแข่งทั้ง 2 ขี่กันอย่างทันเกมซึ่งกันและกัน ตั้งแต่ออกสตาร์ทจนถึงเส้นชัย โดยไม่มีใครเสียตำแหน่งผลการแข่งขัน
         
          "จากการวิเคราะห์ของนายสนามเห็นว่า ณ จุดเกิดเหตุ (โค้ง 1) ใช้ความเร็วสูง เนื่องจากเป็นโค้งยูเทิร์นแคบ ติ้งโน้ตซึ่งพยายามจะแซงออกนอกได้เบียดเข้าไลน์แสตมป์ซึ่งอยู่ไลน์ด้านใน หากแสตมป์ไม่ใช้เท้าถีบ ก็อาจถูกชนจนล้ม และก็อาจถึงแก่ชีวิต" นายธงชัย กล่าว

          นอกจากนี้ นายธงชัยยังกล่าวอีกว่า ไม่มีใครอยากเห็นนักแข่งเสียชีวิตในสนาม ไม่ว่าคนคนนั้นจะเป็นสามี หรือบุตรของใคร น้องใคร หลานใคร สำหรับติ๊งโน้ตแล้ว เป็นนักแข่งที่มีความสามารถสูง ซึ่งทางสมาคมก็ให้การสนับสนุนมาตั้งแต่เป็นยุวชนอายุ 6 ขวบ ในการแข่งขันโมโตครอส จึงไม่มีเหตุผลใดที่สมาคมจะไม่ให้ความเป็นธรรม จึงยืนยันคำตัดสินแก่นักแข่งทั้งคู่เช่นเดิม




          ด้าน "แสตมป์ อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์" ก็ได้ส่งผู้จัดการทีมมาจ่ายค่าปรับเรียบร้อยแล้ว แต่ดูท่าว่า เจ้าตัวจะยังไม่จบเรื่อง เพราะล่าสุดได้ไปโพสต์ข้อความแซวถึงกรณีดังกล่าวแบบสนุกปาก และใชถ้อยคำที่ไม่สุภาพผ่านเฟซบุ๊กของตัวเอง

          ขณะที่สาวบุ๋ม ปนัดดา เมื่อได้รับฟังคำชี้แจงล่าสุดจากสมาคมฯ และเห็นถ้อยคำของแสตมป์ในเฟซบุ๊กแล้ว เธอได้ให้สัมภาษณ์ว่า ไม่ต้องการจะยุ่งเรื่องนี้อีกแล้ว เพราะยิ่งยุ่งก็ยิ่งทำให้เสียความรู้สึก จึงจะขอพยายามสร้างทีมแข่งให้ดีดีกว่า






อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก