เสี่ยร้องฝากเงิน 2 ล้าน ทิ้งไว้ 20 ปี แบงก์ไม่ให้ถอน

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

          เสี่ยใหญ่บ้านจัดสรรร้องกองปราบ ฝากเงิน 2 ล้านไว้เมื่อปี 2527 ผ่านไป 20 ปี ธนาคารไม่ให้ถอนเงิน อ้างไม่มีข้อมูลในระบบ ด้าน ผช.ผจก.ธนาคาร แจงกำลังตรวจสอบข้อมูล พร้อมรับผิดชอบ

          เมื่อวันที่ 16 กันยายน นายโชติชัย สิริกาญนุกูล อายุ 70 ปี อดีตเจ้าของหมู่บ้านจัดสรรชื่อดังแห่งหนึ่ง เข้าขอคำปรึกษากับ พ.ต.ท.พงษ์ไสว แช่มลำเจียก พงส. (สบ 3) กก.1 บก.ป. กรณีฝากเงินจำนวน 2 ล้านบาทไว้กับธนาคารกรุงเทพเมื่อปี พ.ศ.2527 กระทั่งเมื่อปี พ.ศ.2544 เพิ่งได้ไปทำเรื่องถอนเงินออกมา แต่ทางธนาคารกลับไม่ให้ถอนเงิน โดยอ้างว่า ไม่มีฐานข้อมูลอยู่ในระบบ จึงได้ทวงถามไปยังสำนักงานใหญ่ แต่ทางธนาคารกลับไม่แสดงความรับผิดชอบใด ๆ

          นายโชติชัย กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า เมื่อ 30 ปีก่อน ตนประกอบกิจการรับสร้างบ้าน และขายบ้านจัดสรร ซึ่งก็ได้ฝากเงินไว้กับธนาคารหลายแห่ง มีสมุดบัญชีหลายสิบเล่ม แต่ต่อมามีการย้ายสำนักงาน ทำให้สมุดบัญชีบางเล่มหายไป เพราะมีเอกสารจำนวนมาก กระทั่งเมื่อปี 2544 ตนเพิ่งพบสมุดบัญชีหลายเล่มที่ฝากเงินไว้แต่ยังไม่ได้เบิกเงินออกมา ตนจึงนำสมุดบัญชีไปเบิกเงินจากธนาคารต่าง ๆ ซึ่งแม้ว่าจะฝากไว้นานกว่า 10 ปี แต่ก็สามารถเบิกได้ไม่มีปัญหา ยกเว้นเพียงธนาคารแห่งนี้แห่งเดียวที่ไม่ให้ตนถอนเงิน

          อดีตเจ้าของหมู่บ้านจัดสรร กล่าวต่อว่า ตนเปิดบัญชีไว้ที่ธนาคารกรุงเทพ 2 เล่ม เป็นประเภทเงินฝากประจำ 12 เดือน รวมเป็นเงิน 2 ล้านบาท ซึ่งเมื่อให้เพื่อนที่ทำงานธนาคารคำนวณดอกเบี้ยให้ ก็น่าจะได้ดอกเบี้ยเกือบ 10 ล้านบาท เนื่องจากช่วงหลายสิบปีก่อนเงินฝากประจำให้ดอกเบี้ยสูงถึง 15-20% เมื่อรวมกับเงินที่ฝากไว้ 2 ล้านบา น่าจะได้ถึง 12 ล้านบาท

           ทั้งนี้ นายโชติชัย ยังกล่าวอีกว่า ที่ตนเดินทางมาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจครั้งนี้ ไม่ได้ต้องการแจ้งความดำเนินคดีใด ๆ เพียงแต่มาเพื่อขอคำปรึกษาในการดำเนินการเบิกเงินจำนวนดังกล่าวจากธนาคารแห่งนี้ เพราะตนมีเอกสารหลักฐานครบถ้วน อย่างไรก็ตาม เมื่อปี พ.ศ.2544 ตนเคยแจ้งลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานที่ สน.นางเลิ้งแล้ว แต่กรณีก็ไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด

          ด้าน พ.ต.ท.พงษ์ไสว ได้ขอสำเนาสมุดบัญชีที่มีปัญหารวมทั้งเอกสารที่เกี่ยวข้องมาตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวอีกครั้ง

          ต่อมาผู้สื่อข่าวเดลินิวส์ ได้สอบถามไปยังนายไชยฤทธิ์ อนุชิตวรวงศ์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงเทพจำกัด (มหาชน) ถึงกรณีดังกล่าว โดยนายไชยฤทธิ์ ระบุว่า สำหรับเรื่องนี้ทางธนาคารไม่ได้นิ่งนอนใจแต่อย่างใด และกำลังอยู่ในระหว่างการตรวจสอบข้อมูล คาดว่าจะสามารถชี้แจงรายละเอียดทั้งหมดได้ภายในสัปดาห์หน้า และธนาคารก็พร้อมจะรับผิดชอบทั้งหมด หากความเสียหายเกิดขึ้นจากธนาคาร



อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก