ผล DNA รู้ตัวคนใส่กระสุนฆ่านายกตุ่นแล้ว

ผบก.ภ.จว.สมุทรสาครขอสภานำครรชิตสอบ (ไอเอ็นเอ็น)

          ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรสาคร ยัน คดียิงนายกฯตุ่น หลักฐานเพียงพอที่จะฟ้อง ส.ส.ครรชิต ได้แล้ว แม้ไร้ปืนกับรถที่ใช้ก่อเหตุ เชื่อ ประจักษ์พยานชัด

          เมื่อวันที่ 8 มกราคม พล.ต.ต.ธยาน์ฤทธิ์ เอกเผ่าพันธุ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรสาคร เปิดเผยความคืบหน้าคดี นายครรชิต ทับสุวรรณ ส.ส.สมุทรสาคร เขต 1 พรรคประชาธิปัตย์ ที่ตกเป็นผู้ต้องหาใช้อาวุธปืนยิง นายอุดร ไกรวัตนุสสรณ์ นายก อบจ.สมุทรสาคร เสียชีวิตว่า หลังจากที่พนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียก นายครรชิต ให้ทำการส่งมอบอาวุธปืนและรถยนต์คันที่ใช้ก่อเหตุเป็นครั้งที่ 3 แล้ว แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีการตอบรับ และไม่ได้รับความร่วมมือจากนายครรชิตแต่อย่างใด

          ทั้งนี้ ในวันจันทร์ที่ 9 ม.ค.นี้ คณะพนักงานสอบสวนจะมีการประชุมหารือ เพื่อหาข้อสรุปว่าจะทำหนังสือส่งถึงประธานสภาผู้แทนราษฎรในการขอตัวนายครรชิต มาทำการสอบสวนหรือไม่ จากข้อมูลเชื่อว่า ขณะนี้นายครรชิตยังคงอยู่ในพื้นที่

          อย่างไรก็ตาม ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรสาคร ระบุว่า พยานหลักฐานเกี่ยวกับคดีนี้ มีอยู่พอสมควรแล้ว และแม้ว่าท้ายที่สุดทางพนักงานสอบสวนจะไม่ได้อาวุธปืนและรถยนต์ที่นายครรชิตใช้ก่อเหตุ แต่พนักงานสอบสวนก็มีประจักษ์พยานยืนยันได้ว่า นายครรชิต เป็นผู้ก่อเหตุจริง ซึ่งจากหลักฐานที่มีอยู่นั้น เชื่อว่า พอที่จะยื่นฟ้องนายครรชิตได้แล้ว






[7 มกราคม] ตำรวจเผยคดีฆ่านายก อบจ.สมุทรสาคร คืบ 80%

ผบก.สมุทรสาครยัน คดีฆ่านายกตุ่นคืบ 80% (ไอเอ็นเอ็น)

          ผบก.ภ.จว.สมุทรสาคร เผย คดีสังหาร นายก อบจ.สมุทรสาคร คืบ 80% ยัน ปมส่วนตัว ไร้การเมืองเอี่ยว ขณะที่ ส.ส.ครรชิต ยังไม่นำวัตถุพยานส่งมอบ หลังตำรวจออกหมายเรียกครั้งที่ 3 แล้ว

          เมื่อวันที่ 7 มกราคม พล.ต.ต.ธยาน์ฤทธิ์ เอกเผ่าพันธุ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรสาคร เปิดเผยความคืบหน้าคดีนายครรชิต ทับสุวรรณ ส.ส.สมุทรสาคร เขต 1 พรรคประชาธิปัตย์ ที่ตกเป็นผู้ต้องหาใช้อาวุธปืนยิง นายอุดร ไกรวัตนุสสรณ์ นายก อบจ.สมุทรสาคร เสียชีวิต ว่า เมื่อวานที่ผ่านมา (6 มกราคม) เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการออกหมายเรียกพยานวัตถุจากนายครรชิต เป็นครั้งที่ 3 แล้ว โดยให้นำปืนกล็อกขนาด .40 และรถกระบะโตโยต้า หมายเลขทะเบียน กฉ-4124 นครศรีธรรมราช มาตรวจสอบ แต่จนถึงขณะนี้ยังคงไม่มีการนำมามอบให้กับพนักงานสอบสวน

          ทั้งนี้ เชื่อว่าในสัปดาห์หน้า ทางคณะกรรมการสอบสวนคดีนี้ก็จะมีการหารือกันอีกครั้ง เพื่อหาข้อสรุปว่าจะต้องมีการทำหนังสือถึงประธานสภา เพื่อประสานไปยังนายครรชิตให้นำวัตถุพยานมาให้พนักงานสอบสวนหรือไม่ ขณะที่สาเหตุในการสังหารในครั้งนี้ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรสาคร ยืนยันเป็นเรื่องส่วนตัว ไม่ใช่ปมเหตุทางการเมืองแต่อย่างใด

          อย่างไรก็ตาม ล่าสุดถือว่าคดีมีความคืบหน้าไปมาก โดยสำนวนแล้วเสร็จไปประมาณ 80% แล้ว เหลือเพียงการตรวจพิสูจน์วัตถุพยานเพิ่มเติมในบางส่วนเท่านั้น ซึ่งในส่วนของการสอบปากคำพยาน ก็แล้วเสร็จไปกว่า 20 ปากแล้ว แต่เบื้องต้นยังไม่สามารถระบุได้ว่า พยานทั้งหมดนั้น มีใครรวมอยู่บ้าง เนื่องจากมีความเป็นห่วงในเรื่องของความปลอดภัยของพยาน







[5 มกราคม] ตำรวจเตรียมยื่นสภาฯ ขอตัว ครรชิต สอบเพิ่ม


สรุปประเด็นข่าวโดยกระปุกดอทคอม

          ผกก.สมุทรสาครยัน เดินทางสอบแหล่งซุกปืนยิง นายกฯ ตุ่น หลังนำกำลังค้นบ้าน ที่ทำการพรรค ยังไร้วี่แววหลักฐาน ขณะที่ผู้กำกับการ สภ.มหาชัย เตรียมเสนอ ผบ.ตร. ขอตัว ครรชิต จากสภาฯ มาสอบเพิ่ม

          พ.ต.อ.จำแรง สุดใจ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองสมุทรสาคร เปิดเผยกับ ไอ.เอ็น.เอ็น. หลังการนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจากชุดสืบสวนภาค 7 กว่า 50 นาย เข้าค้นที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ของนายครรชิต ทับสุวรรณ ส.ส. จังหวัดสมุทรสาคร และที่บ้านพัก จากการตรวจค้นกว่า 30 นาที เจ้าหน้าที่ยังไม่พบปืนหรือรถ รวมถึงหลักฐานใด ๆ ที่อาจจะเชื่อมโยงคดียิงนายอุดร ไกรวัตนุสรณ์ นายก อบจ.สมุทรสาคร

          นอกจากนี้ ผู้กำกับการสถานีตำรจวภูธรเมืองสมุทรสาคร ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ได้คาดการณ์ไว้ล่วงหน้าอยู่แล้วว่า การตรวจค้นจะไม่พบหลักฐานดังกล่าว ซึ่งไม่ได้กระทบกับรูปคดีมากนัก แต่อย่างไรหลังจากนี้ จะดำเนินการสืบสวนต่อไป ถึงสถานที่ต่าง ๆ ที่อาจจะเป็นแหล่งซุกซ่อนปืนและรถ หากพบข้อมูล จะดำเนินการขอหมายค้นจากศาลเพิ่มเติมอีก

          อย่างไรก็ตาม ได้ตรวจสอบบุคคลที่มีอาวุธปืน .40 อยู่ในครอบครองภายในจังหวัด ซึ่งมีทั้งหมด 7 ราย และได้นำมาให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบแล้ว จำนวน 3 ราย ส่วนอีก 3 กระบอก เจ้าของแจ้งว่าได้ขายต่อให้ผู้อื่นแล้ว ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ รวมถึงกระบอกของนายครรชิตที่ยังไม่นำมาให้ด้วย

          เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า คดีนี้ถึงทางตันหรือยัง พ.ต.อ.จำแรง ยืนยันว่า คดีนี้ไม่ถึงทางตันแน่ เพราะพยานหลักฐานอื่นนั้นมีน้ำหนักอยู่แล้ว ซึ่งทางพนักงานสอบสวนจะทำหนังสือต่อผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อแจ้งต่อสภาฯ ขอตัวผู้ต้องหามาสอบปากคำเพิ่มเติมในเร็ว ๆ นี้ เพราะเรื่องนี้เป็นอำนาจของ ผบ.ตร. โดยตรง ที่สามารถขอตัวได้ แม้จะมีเอกสิทธิ์คุ้มครอง ส.ส. อยู่ก็ตาม

          ส่วนพยานปากสำคัญทั้งหมดนั้น ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธร เมืองสมุทรสาคร ระบุว่า พยานปากสำคัญยังอยู่ดี ทั้งสภาพจิตใจและความเป็นอยู่ ซึ่งอยู่ในความดูแลของตำรวจกองบังคับการปราบปราม และตำรวจท้องที่ ส่วนสำนวนคดีนั้น คาดว่าภายใน 1 เดือน คงไม่สามารถทำเสร็จทันกำหนดแน่

[3 มกราคม] ตำรวจขีดเส้นตายวันนี้ ครรชิต ต้องมอบปืนตรวจสอบ

 
ผกก.สมุทรสาครขีดเส้นครรชิตบ่ายนี้มอบปืน (ไอเอ็นเอ็น)
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ครอบครัวข่าว 3

         ตำรวจ เร่งสางคดีสังหาร "นายก อบจ.สมุทรสาคร" ขีดเส้น "ครรชิต" บ่ายนี้ หากไม่มาส่งมอบปืน พรุ่งนี้ เรียกอีกรอบ

         วันนี้ (3 มกราคม) พ.ต.อ.จำแรง สุดใจ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองสมุทรสาคร เปิดเผยในรายการเปิดข่าวเด่นเจาะประเด็นดัง FM 102.75 MHz ถึงความคืบหน้า คดีสังหาร นายอุดร ไกรวัตนุสสรณ์ นายก อบจ.สมุทรสาคร เสียชีวิต เมื่อวันที่ 25 ธันวาคมที่ผ่านมา ว่า คดีมีความคืบหน้าไปมาก และไม่ได้มีความซับซ้อน ขณะที่สอบปากคำพยานได้จำนวนหลายปากแล้ว แต่ยังเหลือเพียงบางส่วนเท่านั้น

         ส่วนกรณีการเรียกตรวจวัตถุพยานหรือ อาวุธปืนนั้น พ.ต.อ.จำแรง  กล่าวว่า ทางเจ้าหน้าที่ ได้ทำหนังสือเรียกตรวจไป 7 กระบอก ซึ่งหนึ่งในนั้นมีของ นายครรชิต ทับสุวรรณ ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ จ.สมุทรสาคร ที่ตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาด้วย และขณะนี้ มีคนนำมาให้แล้ว 1 กระบอก ส่วนกรณีที่ นายครรชิต ปฏิเสธว่า ยังไม่ได้รับหนังสือเรียกสอบปืนจากตำรวจนั้น ตนยืนยันว่า ส่งไปให้แล้ว ทั้ง 2 ฉบับ ซึ่งภายในบ่ายวันนี้ หากยังไม่มีการส่งมอบปืนมาให้อีก ทางเจ้าหน้าที่ จะออกหมายเรียกอีกครั้ง ในวันพุธที่ 4 มกราคม 2555 อีกทั้ง คาดว่าอาจจะมีการพิจารณา เพื่อเรียกตัว นายครรชิต เข้ามาให้ปากคำเพิ่มเติม ภายในสัปดาห์นี้

         ทั้งนี้ พ.ต.อ.จำแรง  ยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ทำงานเพื่อเร่งคลี่คลายคดีอย่างเต็มที่ โดยไม่รู้สึกกดดันจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง  อีกทั้ง พยานที่ได้ให้ปากคำไปแล้ว ก็ยังคงยืนยันในการให้ปากคำเดิม ซึ่งถือเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีอย่างมาก

         อย่างไรก็ตาม ในการสอบสวนคดีนี้ พ.ต.อ.จำแรง กล่าวว่า เป็นห่วงเรื่องของวัตถุพยาน หรือ ปืนที่เรียกไป ซึ่งขณะนี้ได้มาเพียง 1 กระบอกเท่านั้น ซึ่งจะส่งผลให้การติดตามคดีเกิดความล่าช้า เนื่องจากจะต้องรอวัตถุพยานที่มาส่งมอบ และส่งต่อไปให้ กองพิสูจน์หลักฐาน เพื่อตรวจสอบ ซึ่งจะต้องเสียเวลาพอสมควร ขณะที่สำนวนของคดีดังกล่าวพร้อมแล้ว เหลือเพียงสรุปวัตถุพยาน เท่านั้น

[2 มกราคม] ตำรวจยื่นหมายตรวจถึงบ้าน แม่ครรชิต ไม่ยอมเซ็นรับ

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ครอบครัวข่าว 3

          รอง ผบ.ตร. เตรียมส่งหนังสือถึงประธานสภา ยกเลิกเอกสิทธิ์ขอตัว ส.ส. ครรชิต ทับสุวรรณ มาดำเนินคดี ขณะที่ตำรวจมหาชัยถือหมายเรียกขอดูปืน-รถที่บ้านแต่ไม่เจอตัว เจอแม่แต่ไม่ยอมเซ็นรับหมาย

          จากกรณีคนร้ายสังหาร นายอุดร ไกรวัตนุส สรณ์ หรือ นายกตุ่น นายกอบจ. สมุทรสาคร ซึ่งต่อมา นายครรชิต ทับสุวรรณ ส.ส.สมุทรสาคร พรรคประชาธิปัตย์ ตกเป็นผู้ถูกกล่าวหา โดยก่อนหน้านี้พนักงานสอบสวน สภ.เมืองสมุทรสาคร เคยส่งหมายเรียกพยานวัตถุเพื่อขอตรวจปืนขนาด .40 และรถยนต์ของ นายครรชิต แล้วครั้งหนึ่ง แต่ติดขัดปัญหาบางอย่าง เจ้าหน้าที่จึงทำหนังสือเรียกพยานวัตถุเป็นครั้งที่ 2 นั้น

          ล่าสุดเมื่อวันที่ 1 มกราคม เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ถือหมายเรียกพยานวัตถุ (ครั้งที่2) ไปยังบ้านเลขที่ 560/182 ตำบลมหาชัย อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร เพื่อแจ้งให้ นายครรชิต นำรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า สีน้ำตาล ทะเบียน กฉ 4124 นครศรีธรรมราช และอาวุธปืนยี่ห้อ กล็อก ขนาด.40 หมายเลขทะเบียน กท 542227 47 ที่มีอยู่ในความครอบครอง มาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบ ในวันที่ 3 มกราคม เวลา 13.00 น. แต่พบเพียง นางทัศนีย์ ทับสุวรรณ มารดาของนายครรชิต อยู่บ้านตามลำพัง ซึ่งระบุว่านายครรชิตไม่อยู่บ้าน และไม่ประสงค์จะรับหมายเรียกแต่อย่างใด อีกทั้งยังไม่ประสงค์จะลงลายมือชื่อใด ๆ ในหมายเรียกด้วย

          ขณะที่ พ.ต.อ.จำแรง สุดใจ ผกก.สภ.เมืองสมุทรสาคร ระบุว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำหมายเรียกของกลางด้านวัตถุในคดี ไปมอบให้กับผู้ที่ครอบครองอาวุธปืน ขนาด .40 ทั้ง 7 คน ในจังหวัดสมุทรสาคร และกำลังรอดูว่าจะมีใครนำอาวุธปืนมาให้ตรวจสอบบ้าง หากใครบริสุทธิ์ใจก็ต้องนำอาวุธปืนมาให้ตรวจสอบ ซึ่งจะขีดเส้นตายให้จนถึงวันที่ 4 มกราคมนี้ นอกจากนี้ พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รอง ผบ.ตร. ยังเตรียมทำหนังสือถึงประธานสภาผู้แทนราษฎรอีกครั้ง เพื่อขอตัวนายครรชิตมาสอบปากคำดำเนินคดี และขอให้ละเว้นการให้เอกสิทธิ์คุ้มครองกับนายครรชิต

          ทางด้าน นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง ที่ปรึกษาด้านกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ และเป็นทีมทนายนายครรชิต ออกมาระบุถึงการสู้คดีของนายครรชิต ว่า ขณะนี้นายครรชิตไม่ได้รับหมายเรียกพยานวัตถุแต่อย่างใด แต่ถ้าได้ก็พร้อมส่งทุกอย่างที่ครอบครองให้ตรวจสอบ ไม่ต้องกลัว นายครรชิตจะไม่หลบหนีคดีเหมือนผู้ต้องหาคดีอื่นแน่นอน ส่วนกระแสเรียกร้องเรื่องการงดใช้เอกสิทธิ์ ส.ส.คุ้มครองนั้น นายครรชิตยืนยันว่าไม่ได้หวังใช้เอกสิทธิ์เป็นเกราะกำบัง แต่การพิจารณางดใช้เอกสิทธิ์เป็นเรื่องของสภาผู้แทนราษฎร ที่จะพิจารณาให้สมาชิกไปดำเนินคดี หรือไม่ให้ไปเมื่อมีการบรรจุวาระพิจารณาเรื่องเอกสิทธิ์เข้าที่ประชุม แต่ทั้งหมดขึ้นอยู่กับเสียงโหวตในสภา และเสียงข้างมาก คือ ฝ่ายรัฐบาล ทั้งนี้ จะมีเอกสิทธิ์คุ้มครองหรือไม่มี ก็คงไม่สำคัญ เพราะนายครรชิตยืนยันให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในการสอบสวนทุกเรื่อง


อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
         

[31 ธันวาคม] ตร.เผยศาลยกคำร้องหมายค้นครรชิตไร้ผลคดี

          ผกก.สภ.สมุทรสาคร เผย ศาลจังหวัดสมุทรสาคร ยกคำร้องหมายค้น ส.ส.ครรชิต แล้ว แต่ไร้ผลต่อรูปคดี เชื่อถ้าหากปล่อยเวลานานประจักษ์พยานถูกทำลายไปหมดแล้ว หวั่นเลือกตั้งซ่อม นายกฯ เดือด

          พ.ต.อ.จำแรง สุดใจ ผกก.สภ.เมืองสมุทรสาคร เปิดเผยถึงความคืบหน้าคดีสังหาร นายอุดร ไกรวัตนุสสรณ์ นายก อบจ.สมุทรสาคร ว่า แม้ศาลจังหวัดสมุทรสาคร ได้ยกคำร้องการที่ตำรวจขออำนาจศาลออกหมายค้นบ้าน นายครรชิต ทับสุวรรณ ส.ส.สมุทรสาคร พรรคประชาธิปัตย์ หลังพิเคราะห์แล้วว่า ผู้ต้องหาเข้ามอบตัวแล้ว ซึ่งกรณีดังกล่าว ไม่มีผลต่อรูปคดีเลย เพราะทางพนักงานสอบสวน มีประจักษ์พยานและวัตถุพยานมากเพียงพอ ประกอบกับเวลาที่เนิ่นนานหลายวัน แม้ตำรวจจะยึดอาวุธปืนและรถจากผู้ต้องหามาตรวจสอบ ก็อาจจะไม่พบหลักฐานอะไรเหลือแล้ว อาทิ เขม่าดินปืน ถ้าหากมีการยิง เพียงแค่ 6 ชั่วโมงก็หายไปหมดแล้ว แต่ว่าอย่างไรก็ตามทางพนักงานสอบสวน ก็สามารถขอออกหมายค้นต่อศาลได้อีก หากมีเหตุผลนำเสนอต่อศาล

          พ.ต.อ.จำแรง กล่าวอีกว่า จากการประชุมร่วมกับ รอง ผบก.ป. เกี่ยวกับการคุ้มครองพยานในคดีนี้นั้น ซึ่งเห็นตรงกันว่า เป็นห่วงการเลือกตั้งซ่อม นายก อบจ. ที่จะต้องจัดขึ้นภายใน 60 วัน หลังจากที่ นายก อบจ.คนเก่าเสียชีวิตลง คือ ประมาณเดือน ก.พ. 2555 จะแข่งขันกันหาเสียงอย่างดุเดือดมากขึ้น เพราะเหลือเวลาอีกไม่นาน อาจจะมีเหตุกระทบกระทั่ง และเกิดการแก้แค้นกันเกิดขึ้นได้