นักจิตวิทยาชม โต๊ด บอกครูอังคณา ดีกว่าใช้ความรุนแรง

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก เรื่องนี้ถึงครูอังคณาแน่

          นักจิตวิทยาชม เด็กชายโต๊ด บอกครูอังคณาเพื่อแก้ปัญหา ดีกว่าใช้กำลัง ชี้เป็นเรื่องปกติของวัยรุ่นในการระบายอารมณ์ แนะผู้ปกครองและครูดูแลเอาใจใส่อย่างใกล้ชิด

         จากกระแสวลีฮอต "เรื่องนี้ถึงครูอังคณาแน่" ที่เด็กชายโต๊ดได้บอกเพื่อนหลังจากที่เพื่อนไม่ให้เข้ากลุ่ม พวกเราชาว 1/9 จนกลายเป็นคำที่พูดติดปากกันในขณะนี้ และทำให้เป็นกระแสวิจารณ์อย่างกว้างขวาง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการใช้เทคโนโลยีของเด็กในสมัยปัจจุบัน หรือพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของเด็ก ตามที่ได้นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

         ล่าสุด ทางด้าน พ.ญ.วิมลรัตน์ วันเพ็ญ รองผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ สถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์ ได้ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า เป็นเรื่องที่ดีสำหรับเด็กในการเลือกวิธีแก้ปัญหา โดยเด็กชายโต๊ดเลือกที่จะไปฟ้องครู เพื่อให้สังคมเพื่อนยอมรับ และอยากให้มีคนเข้าใจ ซึ่งตนมองว่าเป็นพฤติกรรมที่ธรรมดาตามวัยของเขา แต่ในปัจจุบันมีเทคโนโลยีมากมาย เด็กชายโต๊ดเลยเลือกใช้วิธีบันทึกคลิป เป็นการระบายอารมณ์ ซึ่งถ้าเป็นสมัยก่อนคงเป็นการนั่งซุบซิบนินทากัน

        นักจิตวิทยาเด็ก กล่าวว่า ทุกวันนี้ปัญหาของเด็กในเรื่องแบบนี้ ตนคิดว่าเกิดขึ้นเป็นประจำอยู่แล้ว แต่เพียงไม่ได้มีการนำมาเผยแพร่ออกสื่อมากกว่า ซึ่งการที่เด็กชายโต๊ดบันทึกคลิป น่าจะเป็นการเลียนแบบจากบุคคลต่าง ๆ อย่างไรก็ตาม สำหรับกรณีดังกล่าวเกิดขึ้นในต่างประเทศหลายครั้ง และบางครั้งก็เป็นข่าวดัง ส่วนกรณีดังกล่าวที่เด็กเลือกที่จะมาระบายผ่านคลิป อาจจะเป็นเพราะว่าไม่มีที่ระบาย ซึ่งตนอยากฝากไปยังผู้ปกครองและคุณครูให้ดูแลเด็กอย่างใกล้ชิด พร้อมพูดคุยเพื่อให้เข้าใจซึ่งกันและกัน

        ขณะที่ นายวัลลภ ปิยะมโนธรรม นักจิตวิทยาชื่อดัง กล่าวว่า ตนมองว่า เด็กชายโต๊ดไม่ใช่เด็กที่มีปัญหา หรือเป็นเด็กก้าวร้าวในการใช้อารมณ์รุนแรงแต่อย่างใด ซึ่งในทางตรงกันข้าม การกระทำเช่นนี้อาจจะเป็นตัวอย่างและทางออกที่ดี สำหรับเด็กที่เมื่อเกิดปัญหาคับข้องใจ และต้องการหาที่ระบาย  เนื่องจากมีวิธีระบายอารมณ์ที่ไม่เดือดร้อนผู้อื่น เด็กชายโต๊ดไม่เลือกที่จะท้าต่อยเพื่อน หรือเลือกวิธีผิด ๆ โดยเด็กชายโต๊ดเลือกที่จะปรึกษาคุณครูที่เขาไว้ใจ และเลือกที่จะระบายอารมณ์ผ่านช่องทางเฟซบุ๊ก ถึงจะมีถ้อยคำรุนแรงบ้าง แต่ตนคิดว่ามันคงจะดีกว่าลงมือใช้ความรุนแรงเพื่อระบายอารมณ์

       นอกจากนี้ นายวัลลภ ยังกล่าวว่า หลังจากเหตุการณ์นี้เป็นข่าว คงทำให้สังคมได้ตระหนักแล้วว่า แม้แต่เด็กหรือเยาวชน ก็สามารถใช้ชื่อเพื่อเผยแพร่เรื่องราวออกไปสู่สังคมได้ ถ้าหากไม่ใช่เรื่องที่ไม่เหมาะสม หรือผิดศีลธรรม แต่ก็ต้องอยู่ในขอบเขตที่เหมาะสม

       ส่วนทางด้าน น.พ.สุริเดว ทรีปาตี ผอ.สถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวถึงกรณีนี้ว่า ตนถือว่าเรื่องเด็กน้อยใจกันเป็นเรื่องปกติธรรมดา ไม่ได้มีความผิดปกติทางด้านจิตใจแต่อย่างใด เป็นที่รู้กันว่าวัยรุ่นเป็นช่วงที่มีพัฒนาการด้านอารมณ์ และมีอารมณ์รุนแรง อีกทั้งยังแสดงความรู้สึกอย่างเปิดเผยและตรงไปตรงมา บางครั้งอาจจะเกินไป ซึ่งทำให้มีการขัดแย้งกับเพื่อนในกลุ่มบ้าง และอาจจะทำให้ต้องแยกตัวบ้าง เลยต้องพึ่งพาตัวเอง เพื่อให้เป็นที่ยอมรับอีกครั้ง ซึ่งเด็กชายคนดังกล่าว อาจจะเลียบแบบจากคนดัง เลยเลือกวิธีนี้ในการแสดงออก แต่ทั้งนี้ พ่อแม่ควรดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อเป็นที่ปรึกษาและให้คำแนะนำที่ดี และควรเอาใจใส่รับฟังเสมือนเพื่อน



อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก