เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคมที่ผ่านมาว่า บราซิลกำลังประสบปัญหาภัยแล้งขั้นรุนแรง ประชาชนแย่งชิงแหล่งน้ำดื่มถึงขั้นฆ่ากันตายเฉลี่ยวันละ 1 ศพ นับเป็นภัยแล้งที่รุนแรงที่สุดในรอบ 50 ปี
รายงานระบุว่า ภัยแล้งหนักที่สุดนี้ เกิดขึ้นทางตะวันออกเฉียงเหนือของบราซิล ประชาชนมากกว่า 1,100 เมือง ต้องประสบกับภาวะขาดแคลนน้ำดื่มน้ำใช้ ขณะที่แม่น้ำลำคลองหลายสาย รวมถึงเขื่อนกักเก็บน้ำก็เหือดแห้ง และเมื่อน้ำหาได้ยาก ประชาชนก็ต้องแย่งชิงน้ำดื่มกันเพื่อเอาชีวิตรอด ทำให้เกิด "สงครามแย่งชิงน้ำ" กันขึ้นในหลายพื้นที่ ประชาชนถึงกับต่อสู้กันจนบาดเจ็บสาหัส หรือถึงขั้นเสียชีวิต โดยมีรายงานว่า ในแต่ละวันจะมีผู้เสียชีวิตจากสงครามแย่งชิงน้ำ เฉลี่ยวันละ 1 ศพเลยทีเดียว
นอกจากนี้ ปัญหาภัยแล้งยังส่งผลต่อปศุสัตว์ที่ประชาชนเลี้ยงไว้ เพราะหลังจากภัยแล้งทวีความรุนแรงมากขึ้น ประชาชนก็ละทิ้งปศุสัตว์และสัตว์เลี้ยงของตัวเอง จนสัตว์เหล่านี้ต้องทยอยตายอันเนื่องมาจากการขาดแคลนน้ำ โดยเกษตรกรในหลายฟาร์มได้เปิดเผยว่า ปศุสัตว์ในฟาร์มของตัวเองนั้นตายไปแล้วกว่าครึ่งจากปัญหาภัยแล้ง และปศุสัตว์ที่รอดชีวิตอยู่ก็ไม่อาจจะให้ผลผลิตได้ตามปกติ
ส่วนทางด้านพืชผลทางการเกษตรก็ได้รับผลกระทบอย่างหนักไม่แพ้กัน เมื่อขาดแคลนน้ำ พืชผลทางการเกษตรทั้งหลายก็ถูกปล่อยทิ้งให้ตาย หรือดีหน่อยก็พอจะให้ผลผลิตได้บ้าง แต่ก็ต่ำกว่าที่เคยเป็นอยู่มาก ซึ่งทางการบราซิลได้คาดการณ์ว่า ภัยแล้งครั้งนี้จะทำให้ผลผลิตทางการเกษตรอย่าง ข้าวโพด ถั่วเหลือง และถั่ว ลดลงอย่างมาก
อย่างไรก็ดี ทางการบราซิลได้เร่งประสานเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นเพื่อหามาตรการแก้ปัญหาภัยแล้งอย่างเร่งด่วนแล้ว โดยในเบื้องต้นได้มีการส่งน้ำดื่มน้ำใช้ฉุกเฉินไปยังประชาชนใน 66 ตำบล แต่ก็ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการที่มีมากเกินกว่านั้น
ทั้งนี้ นอกจากในบราซิลแล้ว ยังมีรายงานว่า ทางตอนเหนือของเม็กซิโกก็เป็นอีกพื้นที่หนึ่งที่กำลังประสบปัญหาภัยแล้งไม่ต่างกัน ประชาชนเริ่มจะขาดแคลนน้ำดื่มน้ำใช้ และผลผลิตทางการเกษตรก็ลดน้อยลงอย่างน่าตกใจ
