ตำนาน คิวปิด คือใคร ประวัติคิวปิด เกี่ยวข้องกับความรัก วันวาเลนไทน์ และดอกกุหลาบ อย่างไร วันนี้เรามีข้อมูลมาฝาก
ใกล้
วันวาเลนไทน์ (14 กุมภาพันธ์) เข้ามาแล้ว
หนุ่มสาวคู่รักทั้งหลายคงจะนับวันรอที่จะได้ฉลองเทศกาลอันแสนพิเศษนี้กับคนรักอย่างสวีตหวานแหวว
จนกลายเป็นอีกหนึ่งเทศกาลสำคัญสำหรับคนไทยไปแล้ว
ซึ่งสิ่งแรกที่ทุกคนคิดถึงในวันนี้คงจะหนีไม่พ้น
ดอกกุหลาบสีแดง ที่สื่อถึงความรักของผู้ให้ได้เป็นอย่างดี
และนอกจากนี้สัญลักษณ์อีกอย่างหนึ่งที่มีความสำคัญต่อเทศกาลนี้ไม่แพ้กัน
นั่นคือ คิวปิด ซึ่งหลาย ๆ คนคงจะจินตนาการภาพของเด็กน่ารักที่มีปีก
ในมือถือคันธนูกับลูกศร เพื่อยิงศรรักปักหัวใจของใครต่อใคร
แล้วรู้หรือไม่ว่า
เทพเจ้าคิวปิด ก็มีตำนานความรักอมตะสุดคลาสสิกไม่แพ้โรมิโอ-จูเลียต
หรือ แจ็ค-โรส ในไททานิค เช่นกัน เอาล่ะค่ะ
วันนี้กระปุกดอทคอมก็มีเรื่องราวตำนานความรักสุดซึ้งของคิวปิดมาฝากเพื่อน ๆ
กันค่ะ
ตำนานคิวปิด เทพเจ้าแห่งความรัก
เทพคิวปิด (Cupid) หรือ เทพอีรอส (Eros) ในภาษากรีก
และ เทพอามอร์ (Amor) ในภาษาโรมัน เป็นกามเทพ หรือเทพแห่งความรัก
เป็นโอรสของเทพเจ้ามาร์และเทพีวีนัส โดยคิวปิด
ถือกันว่าเป็นเทพเจ้าที่มีรูปลักษณ์งามที่สุดในบรรดาเทพทั้งหลาย
และมีฤทธิ์ที่จะบันดาลให้ใครรักใครก็ได้ และตำนานความรักครั้งนี้เกิดขึ้น
เมื่อนางไซคี ผู้มีรูปโฉมงดงาม เป็นที่เลื่องลือ
ผู้ที่ได้พบเห็นต่างก็ลุ่มหลงเทิดทูนจนลืมที่จะบูชาเทพีวีนัส
เทพีแห่งความงาม มารดาของคิวปิด ทำให้เทพีวีนัสเกิดความไม่พอใจ
จึงสั่งให้คิวปิดทำให้ไซคีไปหลงรักชายที่เลวทรามต่ำช้าสักคนหนึ่ง
คิวปิดได้ฟังดังนั้นจึงรีบไปทำตามคำสั่งแม่
โดยลอบเข้าไปในห้องนอนของไซคี ขณะนางกำลังหลับอยู่
ตั้งใจจะยิงศรตามคำสั่งแม่ แต่เมื่อเห็นรูปโฉมของนาง คิวปิดกลับตกตะลึง
และกลับทำลูกศรในมือทิ่มแทงตัวเอง คิวปิดจึงหลงรักไซคีนับแต่บัดนั้น แต่ก็ทำอะไรเปิดเผยไม่ได้ เพราะกลัวแม่
จนกระทั่งพี่สาวของนางไซคีออกเรือนกันไปหมด พ่อแม่ของนางจึงต้องอ้อนวอนบวงสรวง เทพอพอลโล เทพแห่งการพยากรณ์ ว่า
เมื่อไรนางไซคีจึงจะได้พบเนื้อคู่ และเนื้อคู่เป็นใคร อยู่ที่ไหน เทพอพอลโล
ก็พยากรณ์ว่า คู่ครองของนางไซคีไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นอมนุษย์
และรอคอยนางที่ยอดเขา แต่นางจะต้องไม่มองดูคู่ครองของนางโดยเด็ดขาด
ทั้งพ่อและแม่จึงไปส่งนางไซคีที่ยอดเขาและทิ้งไว้เพียงลำพัง
เทพเซฟไฟรัส (Zephyrus) เทพประจำลมตะวันตก
จึงพัดพาเธอไปยังปราสาทที่กามเทพคิวปิดเนรมิตไว้
ห้อมล้อมด้วยหุบเขาซึ่งมีธรรมชาติอันสวยงาม
ตกกลางคืนคิวปิดก็มาครองคู่อยู่กับไซคี
โดยนางมองไม่เห็นว่าเขามีหน้าตาเป็นอย่างไร ทั้งนี้
เนื่องจากคิวปิดขอคำมั่นสัญญาจากนางไซคีว่า
จะไม่จุดไฟหรือพยายามมองเห็นตัวเขาว่าหน้าตาเป็นอย่างไร ไซคีก็รับปาก
พอรุ่งสางคิวปิดก็จากไป
ต่อมานางไซคีได้เชื้อเชิญพี่สาวทั้งสองของนางมาเที่ยวยังปราสาท
แต่เมื่อพี่สาวของนางมาพบเห็นปราสาทที่งดงาม
ก็รู้สึกอิจฉาในโชคลาภวาสนาของน้องสาว จึงยุยงให้ไซคีลอบดูตัวสามี
โดยวางแผนไว้ว่า หากพบเห็นว่าเป็นอมนุษย์ที่น่าเกลียดก็ให้ฆ่าเสีย
นางก็เชื่อในคำยุยงนั้น โดยซ่อนตะเกียง และมีดเอาไว้ใต้เตียง
เมื่อคิวปิดหลับไป นางจึงลอบจุดตะเกียงส่องดูสามี และพบว่าสามีของนาง
เป็นชายหนุ่มรูปงามกว่าชายใด ๆ ที่นาง
เคยพบมา
แต่ทันใดนั้น
น้ำมันตะเกียงก็หยดลงต้องกาย คิวปิดจึงตื่นขึ้น และเมื่อเห็นว่าภรรยาของตนละเมิดคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้ คิวปิดจึงบอกนางว่า "ความรักไม่อาจดำรงอยู่ได้ ถ้าปราศจากความไว้วางใจ ข้าจะลงโทษเจ้า ด้วยการจากเจ้าไปตลอดกาล" จากนั้นคิวปิดก็บินจากไป พร้อมกันนั้นปราสาทและอุทยานที่งดงาม ก็พลันอันตรธานไปด้วย
ไซคีเสียใจมากกับเรื่องที่เกิดขึ้น
นางพร่ำโทษตัวเองที่ผิดคำสัญญา นางจึงตัดสินใจละทิ้งบ้านเกิดเมืองนอน
เพื่อติดตามหาคิวปิด ซึ่งยากลำบากมากสำหรับผู้หญิงอ่อนแอและบอบบางอย่างไซคี
นางจึงซัดเซพเนจรรอนแรมจนพบเข้ากับวิหารเทพีดิมิเทอร์ เทพีแห่งพืชผล
ซึ่งของบูชานั้นวางระเกะระกะไม่มีระเบียบ เพราะชาวไร่ต่างเหนื่อยล้าจากการทำงาน
ไซคีจึงจัดระเบียบของเซ่นสรวงจนเรียบร้อย
เทพีดิมิเทอร์พอใจมาก จึงบอกให้ไซคีไปที่วิหารของเทพีวีนัสเพื่อขออภัยโทษ
แต่เทพีวีนัส ผู้ซึ่งมีความริษยาแรง กลับหาทางกลั่นแกล้งไซคีต่าง ๆ นานา
โดยให้ไซคีผ่านภารกิจทั้ง 3 อย่างเสียก่อน โดยภารกิจแรก
นางไซคีต้องแยกเมล็ดข้าว ข้าวบาร์เลย์ ข้าวโพด ถั่ว และธัญญาหารชนิดต่าง ๆ
ที่ปะปนอยู่ในฉางออกมาให้เสร็จก่อนค่ำ เพื่อให้นกพิราบของพระนางกิน
ไซคีถึงกับท้อแท้ใจ เพราะนางเป็นแค่หญิงมนุษย์ธรรมดา
ไม่มีทางจะทำสิ่งที่เกินความสามารถเช่นนี้ได้แน่นอน
ในขณะนั้นคิวปิดที่คอยเฝ้ามองดูแลไซคีอยู่ห่าง ๆ
ตลอดเวลา ก็ส่งมดฝูงใหญ่มาช่วยงานไซคี
โดยมดทั้งหมดต่างแยกธัญญาหารอย่างเรียบร้อย และรีบกลับไปก่อนค่ำ
เทพีวีนัสกริ้วมาก เพราะรู้ว่าไซคีไม่ได้ทำเอง และคนที่ช่วยเหลือนางก็คือโอรสของพระนางนั่นเอง
จึงสั่งให้ไซคีไปเก็บขนแกะทองคำมาให้พระนาง ซึ่งแกะขนทองฝูงนั้นโหดร้ายมาก
แต่เทพประจำแม่น้ำก็ช่วยเหลือไซคี
บอกเคล็ดลับจนไซคีสามารถผ่านภารกิจที่สองได้สำเร็จ
เมื่อไซคีผ่านทั้งสองภารกิจมาได้ เทพีวีนัสถึงกับกริ้วและคิดแผนการร้ายกาจที่สุดขึ้นมาได้
โดยรับสั่งให้ไซคีนำผอบไปขอเครื่องประทินโฉมจากเทพีเพอร์เซโฟนี มเหสีของเทพฮาเดส แห่งยมโลก มาถวายพระนาง ซึ่งหมายถึงการส่งไซคีไปตายนั่นเอง
ไซคีท้อถอยหมดกำลังใจอย่างมากเมื่อรู้ความหมายของเทพีวีนัส นางจึงคิดว่า
ดีเหมือนกัน ในเมื่อสามีไม่เหลียวมองนางอีกต่อไปแล้ว
ก็ไม่มีประโยชน์อันใดที่จะมีชีวิตอยู่อีก ดังนั้น
ไซคีจึงขึ้นไปยังยอดผา เตรียมตัวกระโดดฆ่าตัวตายไปสู่ยมโลก
แต่ยังไม่ทันที่ไซคีจะทำตามความตั้งใจ
คิวปิดที่เฝ้ามองนางอยู่จึงเอ่ยปลอบประโลมนางอย่างอ่อนโยนด้วยความรักและสงสาร
ทว่าทิฐิก็ยังทำให้คิวปิดไม่ยอมปรากฏกาย
เมื่อไซคีได้ยินเสียงปลอบใจปริศนานั้นก็ทำให้มีกำลังใจสู้ต่อ
คิวปิดบอกวิธีต่าง ๆ ในการไปนรกอย่างปลอดภัยให้กับไซคี
พร้อมกับย้ำเตือนนางไม่ให้นางเปิดผอบเครื่องประทินโฉมนั้นเป็นอันขาด
แต่ไซคีไม่สามารถห้ามใจได้
เพราะคิดว่าเครื่องประกอบความงามนั้นจะทำให้เธองดงามกว่าเดิม
เพื่อว่าสามีของเธอจะเกิดความยินดีเมื่อได้พบหน้าเธออีกครั้ง
เมื่อเปิดผอบขึ้นเธอก็ล้มสลบลงทันที
เพราะเครื่องประกอบความงามที่อยู่ในผอบก็คือเวทมนตร์แห่งความหลับใหลในยมโลก
เมื่อนางไซคีสลบไปแล้ว
เทพคิวปิดก็รีบเข้ามาช่วยเหลือนำเวทมนตร์แห่งความหลับใหลนั้นเก็บใส่ผอบอย่างเดิมและปลุกไซคีให้ฟื้นขึ้น
และชี้ให้ไซคีเห็นโทษของความอยากรู้อยากเห็นที่เกิดขึ้นกับนางถึงสองครั้งแล้ว
จากนั้นคิวปิดได้ทูลขอมหาเทพซุส ช่วยเกลี้ยกล่อมให้เทพีวีนัสยกโทษให้ไซคี
และบันดาลให้นางไซคีได้ความเป็นอมตะ เซ่นเหล่าทวยเทพทั้งหลาย
ตั้งแต่นั้นเทพคิวปิดและนางไซคีจึงได้ครองคู่อย่างเป็นสุข
สำหรับตำนานรักของคิวปิดและไซคีนี้ หากเราถอดความหมายจริง ๆ ก็จะพบว่า
คู่รัก
หรือแม้แต่สามีภรรยา จะสามารถดำรงชีวิตอยู่ด้วยกันได้ก็ต่อเมื่อมีความไว้วางใจซึ่งกันและกัน
และหากเกิดอุปสรรคใด ๆ ขึ้นมา ก็ต้องฝ่าฟันอุปสรรค
และในที่สุดก็จะพบกับความสุขที่แท้จริงนั่นเอง
ขอขอบคุณข้อมูลจาก

,
variety.phuketindex.com