x close

เปิดชีวิต สิน เด็กชายผู้พิการสายตา กับลูกที่แม่ไม่ต้องการ


สิน

สิน

สิน


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ทีวีบูรพา

          การตั้งครรภ์โดยไม่พร้อมในวัยรุ่นกำลังเป็นปัญหาใหญ่ที่เกิดขึ้นในสังคมไทย เด็กจำนวนมากไม่ได้มีโอกาสแม้แต่จะลืมตาดูโลก เพราะแม่ตัดสินใจทำแท้ง แม้จะยังมีเด็กอีกหลายคนที่รอดชีวิตจากการทำแท้งราวปาฏิหาริย์ แต่ทว่า...เด็ก ๆ เหล่านั้นกลับไม่ได้รับการเอาใจใส่ และถูกผลักไสจากพ่อแม่แท้ ๆ เพราะส่วนใหญ่เด็กที่รอดชีวิตจากการทำแท้งมักจะพิการตั้งแต่กำเนิด ทำให้ถูกมองว่าเป็นภาระของครอบครัว

          เรื่องราวชีวิตของ น้องสิน เด็กชายน้อย มีเมตตา เด็กผู้ชายรูปร่างผอมบาง วัย 10 ขวบ ที่นำเสนอผ่านรายการคนค้นฅน ก็ไม่แตกต่างอะไรกับสิ่งที่ได้กล่าวมา เพราะน้องสินเป็นลูกของแม่ที่ตั้งครรภ์ตั้งแต่อายุเพียง 14 ปี ด้วยความไม่พร้อมหลาย ๆ อย่างของชีวิต แม่จึงตัดสินใจทำแท้งตอนตั้งครรภ์ได้ 6 เดือน แต่ น้องสิน กลับรอดชีวิตราวปาฏิหาริย์

          ไม่รู้ว่าเป็นโชคดี หรือโชคร้าย เมื่อ น้องสิน ต้องกลายเป็นเด็กพิการตั้งแต่กำเนิด จากการที่น้องสินคลอดก่อนกำหนด ดวงตาข้างขวาของ น้องสิน บอดสนิท ส่วนดวงตาข้างซ้ายสั้นถึง 2,100 ที่น่าเศร้าก็คือ แพทย์ตรวจพบว่า ยิ่งนานวันดวงตาข้างซ้ายของน้องจะมืดลงเรื่อย ๆ จนกระทั่งตาบอดในที่สุด และไม่มีทางรักษาได้ เนื่องจากเป็นความผิดปกติตั้งแต่กำเนิด

          แม้ว่าแม่แท้ ๆ ของ น้องสิน จะไม่สามารถเลี้ยงดูลูกชายที่ไม่ได้ตั้งใจให้เกิดมาได้ แต่ น้องสิน ก็ยังโชคดีที่ได้รับความรักจาก "แม่ชีเพ็ญ ชญาณ์พิมพ์ ชินปิติวงษ์" อดีตเศรษฐีนีที่รับน้องสินมาเลี้ยงดูตั้งแต่ยังแบเบาะ และให้น้องสินเรียกแม่ชีว่า "แม่"


สิน

สิน

          แม่ชีเพ็ญ เล่าว่า ได้ไปเห็นน้องสินที่โรงพยาบาล น้ำหนักเพียง 7 ขีด แขนเล็กเท่านิ้วโป้ง และดวงตาข้างขวาบอดสนิท เนื่องจากแม่ทำแท้งก่อนที่ม่านตาจะสร้าง แม่ชีจึงพาน้องสินไปรักษาที่โรงพยาบาลเด็ก และหมอก็บอกว่า น้องสินจะตาบอดสนิทในอายุไม่เกิน 20 ปี

          "แม่ชีบอกกับน้องสินว่า นี่คือสิ่งที่มันเกิดขึ้นกับเรา เราไม่มีทางหลีกเลี่ยงมัน มันเกิดแล้วเราต้องยอมรับมัน และต้องใช้ชีวิตอยู่กับมันให้ได้ คนที่เกิดมาบางคนตาบอด แขนขาขาดก็มี สินเกิดมา ตามองไม่เห็น แต่อย่างน้อยตอนที่สินเห็น สินยังเห็นพี่ เห็นน้อง ถ้าวันข้างหน้า สินยังมีความรู้สึกและคิดได้ เรายังโชคดีกว่าคนอื่นหลาย ๆ คน" แม่ชีเพ็ญพูดสิ่งนี้ เพื่ออธิบายให้น้องสินฟัง

          แม้จะรู้ว่าเด็กคนนี้พิการก็ไม่รังเกียจ ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา แม่ชีเพ็ญ เลี้ยงดูลูกชายคนนี้ด้วยความเมตตา และให้ความรักความอบอุ่นประดุจเลือดในอก ไม่เพียงเท่านั้น แม่ชีก็ยังรับอุปการะเด็กคนอื่น ๆ ที่ถูกพ่อแม่ทอดทิ้งด้วย ซึ่งวันเวลาที่ล่วงเลยไป ก็ทำให้ร่างกายของแม่ชีทรุดโทรมลง แต่แม่ชีก็ยังดูแลเด็ก ๆ ทุกคนได้เป็นอย่างดี

          สำหรับ สิน คือเด็กที่แม่ชีดูแลเป็นพิเศษ เพราะสายตามองไม่เห็น และไม่ได้ไปเรียนในโรงเรียนประจำเหมือนเด็กคนอื่น แม่ชี บอกว่า สินเป็นเด็กซื่อสัตย์ มารยาทงาม นุ่มนวล ไม่ก้าวร้าว ไม่พูดคำหยาบ มีความรักเอื้ออาทร ไม่เอาเปรียบคนอื่น เสียสละทุกอย่าง เป็นเด็กที่ดีมาก ๆ นอกจากนี้ แม่ชีก็ได้ปลูกฝัง น้องสิน ให้มีธรรมะในหัวใจ เพื่อวันที่น้องสินเติบโตขึ้น จะได้สามารถดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้ และไม่ต้องเจ็บปวดจากภูมิหลังที่แสนโหดร้าย

          อย่างไรก็ตาม เมื่อไม่สามารถหลีกเลี่ยงความจริงได้ว่า ในอนาคตน้องสินจะต้องอยู่ในโลกมืด แม่ชี จึงตัดสินใจพาน้องสินเข้าเรียนในโรงเรียนสอนคนตาบอดกรุงเทพฯ เพื่อให้น้องสินได้เตรียมความพร้อมในอนาคตข้างหน้า ซึ่งนั่นหมายความว่า น้องสิน จะต้องใช้ชีวิตกินนอนอยู่ในโรงเรียนแห่งนี้ และกลับบ้านได้เฉพาะช่วงปิดเทอมใหญ่เท่านั้น

สิน

สิน


          การมาเรียนโรงเรียนประจำครั้งนี้ของน้องสินสร้างความเสียใจให้เขาไม่น้อย เพราะนี่คือครั้งแรกที่เด็กวัย 10 ขวบ ต้องจากลากับแม่ชีเพ็ญเป็นระยะเวลานาน เนื่องจากปกติน้องสินจะติดแม่ชีมาก นอนด้วยกันทุกคืน ขณะที่แม่ชีเพ็ญเองก็เจ็บปวดไม่แพ้กัน ที่เห็นน้องสินเสียใจ แต่เธอก็ยอม เพราะสิ่งที่รอน้องสินอยู่ในอนาคตคือความมืด...ในวันที่น้องสินต้องสูญเสียดวงตาทั้งสองข้างไปตลอดกาล จึงต้องบังคับให้น้องสินไปโรงเรียนสอนคนตาบอด ซึ่งเป็นทางที่เหมาะสมและดีที่สุดที่เราเลือกให้เขา

          แม่ชี บอกว่า เธอจะสอนลูก ๆ ทุกคนว่า ไปที่ไหนอย่าทำตัวให้เป็นภาระคนอื่น ต้องเคารพกฎเกณฑ์ของโรงเรียน เชื่อฟังคุณครู ไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน น้องสินก็เช่นกันต้องปรับตัวให้ได้

          "เราถามเขาว่า สิ่งสุดท้ายที่อยากเห็นคืออะไร เขาบอกอยากเห็นหน้าแม่ ส่วนสิ่งสุดท้ายที่เราอยากให้เขาเห็นก็คือ ความอบอุ่นในครอบครัว ความผูกพันของครอบครัว" แม่ชี บอก

          เมื่อถึงวันที่ น้องสิน ต้องเข้าโรงเรียนประจำ น้องสิน ออกจะเศร้าอยู่ไม่น้อยที่ต้องจากลาแม่ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง เพื่อไปอยู่ในโลกใบใหม่ แต่แม่ชีก็กอดปลอบน้องสินที่ร้องไห้อย่างหนักด้วยความห่วงใย พร้อมกับสั่งสอนให้น้องสินจำคำที่แม่สอนเอาไว้

          "เขาเหมือนต้นไม้ ตอนนี้เขายังไม่รู้เลยว่าควรจะไปอยู่ดินแบบไหน เขาเป็นต้นอะไร ถ้าเขาเป็นต้นกระบองเพชร เขาก็ต้องไปอยู่ดินทราย เราจะเอาเขาไปอยู่ดินที่มีน้ำ เขาก็ตาย ตอนนี้เขากำลังไปหาดินที่เขาไปอยู่ ว่าเขาควรจะไปโตที่ไหน เราหาความเจริญเติบโตให้เขาได้แค่อาหาร แต่การที่เขาจะโตและดำรงชีวิตต่อไปเป็นหน้าที่ของเขา ถ้าเรารักและโอบอุ้มเขาอยู่ในบ้าน เราก็ได้แค่เด็กตาบอดคนหนึ่งที่อยู่ในบ้าน ถ้าแม่ตายก็ไปเป็นภาระให้คนอื่น สู้ให้เขาเป็นคนตาบอดที่มีศักยภาพ และดูแลตัวเองดีกว่า เพราะขนาดเราหลับตา เรายังทุกข์เลย แต่เขาต้องหลับตาไปตลอดชีวิต ทางโรงเรียนต้องสอนให้เขาดูแลตัวเองได้ได้ดีกว่าเราแน่" แม่ชี เผยความในใจที่ปรารถนาให้สินไปโรงเรียน

          ชีวิตในรั้วโรงเรียน น้องสิน ทำตัวเป็นเด็กดี เขาตื่นนอนแต่เช้ามาช่วยพี่เลี้ยงเก็บที่นอน ช่วยเก็บแก้ว เก็บจาน เช็ดโต๊ะ และดูแลเพื่อน ๆ เป็นอย่างดี เนื่องจาก น้องสิน ถือว่าเป็นเด็กที่ตาดี มองเห็นได้มากที่สุดในห้อง ซึ่งน้องสินบอกว่า แม่สอนไว้เสมอ ๆ ให้คอยช่วยเหลือเพื่อน ๆ แต่หากพูดถึงการเรียนแล้ว น้องสินต้องเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ เพราะไม่มีพื้นฐานมาเลย และอ่านหนังสือไม่ออก น้องสินจึงต้องเริ่มเรียนจากชั้นอนุบาล 3 และยังต้องเรียนพิเศษเพิ่มเติมเพื่อจะได้เรียนตามนักเรียนคนอื่น ๆ ทัน และสอบขึ้นชั้น ป.1 ได้
 
สิน

สิน

สิน


          น้องสิน เล่าว่า แม้การอยู่ที่นี่จะมีเพื่อนมากมาย แต่ก็ยังคิดถึงแม่ชีอยู่ โดยน้องสินจะโทรศัพท์ไปคุยกับแม่ชีทุกวันศุกร์ ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบ เพราะรู้ว่าแม่ชีไม่ค่อยสบาย และบอกรักแม่ชีทุกครั้งที่ได้โทรศัพท์คุยกัน นอกจากนั้น รุ่นพี่คนตาบอดที่รู้เรื่องน้องสินก็มักจะฝากเงินมาให้น้องสินด้วย ซึ่งน้องสินจะนำเงินที่ได้มาไปฝากให้คุณครูเก็บไว้ เพื่อจะนำไปให้แม่ชีเพ็ญเก็บไว้ใช้รักษาอาการป่วย

          ...เมื่อเวลาผ่านไป วันปิดภาคเรียนที่น้องสินรอคอยก็มาถึง น้องสินดีใจมากที่จะได้กลับบ้านไปพบหน้าแม่ชีเพ็ญ และพี่ ๆ น้อง ๆ อีกครั้ง ซึ่งเมื่อถึงบ้าน น้องสิน โผเข้ากอดแม่อย่างมีความสุข พร้อมกับนำขนมและของเล่นที่ได้มาจากโรงเรียนมาฝากพี่ ๆ น้อง ๆ ด้วยความคิดถึง

          แม้ว่ากาลเวลาข้างหน้าจะทำให้ดวงตาของ น้องสิน ต้องอยู่ในความมืดมิด ไม่สามารถมองเห็นความสวยงามของโลกใบนี้ได้อีก แต่เชื่อได้เลยว่า เด็กชายที่เปี่ยมไปด้วยจิตใจที่งดงามและใสสว่าง เพราะถูกปลูกฝังให้เป็นคนดีของสังคมมาตั้งแต่ยังเล็ก ๆ คนนี้ จะมีชีวิตที่สดใส และมีดวงใจที่ไม่มืดบอดเฉกเช่นดวงตาอย่างแน่นอน





คลิป รายการคนค้นฅน ตอน โลกของสิน


เรื่องที่คุณอาจสนใจ
เปิดชีวิต สิน เด็กชายผู้พิการสายตา กับลูกที่แม่ไม่ต้องการ โพสต์เมื่อ 15 มิถุนายน 2555 เวลา 16:52:17 11,746 อ่าน
TOP