ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก Chanarin Kanta, เฟซบุ๊ก หมออั้ม อิราวัต อารีกิจ
เมื่อสถานการณ์ไฟใต้ยังไม่สงบ ความสูญเสียก็ยังคงเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า เจ้าหน้าที่ผู้กล้าที่ประจำการอยู่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ต่างไม่มีใครรู้ว่า วันใดที่ตัวเองจะต้องประสบเหตุการณ์เหล่านี้ และหากประสบกับเหตุการณ์เช่นนั้น จะรอดชีวิตกลับมาหาครอบครัวที่รออยู่ข้างหลังได้หรือไม่...
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ชาวไซเบอร์จำนวนมาก ได้แชร์รูปภาพของ ส.อ.ชเนรินทร์ กันทะ ชายชาติทหารที่พลีชีพจากเหตุการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมกับเขียนข้อความร่วมไว้อาลัยให้ ส.อ.ชเนรินทร์ กันทะ ไปสู่สุคติ จากคุณงามความดีที่ช่วยปกป้องประเทศชาติ
ย้อนกลับไปในช่วงเช้ามืดของวันที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2554 ส.อ.ชเนรินทร์ กันทะ อายุ 25 ปี หัวหน้าชุดลาดตระเวน สังกัดกองร้อย ร.9011 ฉก.นราธิวาส 34 นำกำลังรวม 8 นาย ขี่รถจักรยานยนต์รวม 4 คัน ออกจากฐานปฏิบัติการ ในอำเภอจะแนะ จังหวัดนราธิวาส เพื่อไปตรวจดูความสงบเรียบร้อยของเส้นทางให้กับผู้ที่สัญจรผ่านไปมา
เมื่อขับรถมาได้ประมาณ 1 กิโลเมตร ณ บริเวณบ้านไอร์ซือระ หมู่ 3 ตำบลช้างเผือก ซึ่งเป็นถนนสายเปลี่ยว และเป็นเนินดินสูง ส.อ.ชเนรินทร์ กันทะ ได้สั่งให้หยุดรถ และแบ่งกำลังเป็น 2 ชุด ขึ้นไปตรวจสอบบริเวณเนินดินทั้งสองฟากถนน เนื่องจากที่ผ่านมา คนร้ายมักจะดักซุ่มทำร้ายเจ้าหน้าที่อยู่ตรงเนินดินแห่งนี้
แต่ทว่า...คนร้ายที่ดักซุ่มอยู่หลังเนินดินนั้นอยู่ก่อนแล้ว ได้กราดอาวุธสงคราม เอ็ม 16 และอาก้า ยิงถล่มใส่เจ้าหน้าที่ จนเกิดการปะทะกันอย่างดุเดือดนานกว่า 10 นาที ส.อ.ชเนรินทร์ กันทะ พร้อมด้วยลูกน้อง ได้ใช้อาวุธปืนยิงต่อสู้คนร้ายอย่างไม่คิดชีวิต ก่อนที่คนร้ายจะอาศัยความชำนาญพื้นที่หนีเข้าป่าไป
เมื่อสิ้นเสียงปืน การปะทะกันสิ้นสุดลง เจ้าหน้าที่ได้เข้ามาเคลียร์ที่เกิดเหตุและพบว่า ส.อ.ชเนรินทร์ กันทะ ถูกคนร้ายยิงอาวุธสงครามเข้าใส่บริเวณลำตัว ศีรษะ และใบหน้าจนพรุน เสียชีวิตอยู่บนเนินดินแห่งนั้น พร้อมกับพลทหารนเรศ เพชรรัตน์ อายุ 22 ปี ส่วนทหารที่เหลือปลอดภัย
อีก 2 วันถัดมา ร่างไร้วิญญาณของ ส.อ.ชเนรินทร์ กันทะ ที่แต่งกายด้วยเครื่องแบบเต็มยศ และถูกปกคลุมด้วยผืนธงชาติไทยอย่างสมเกียรติ ถูกนำขึ้นเครื่องบินซี-130 เพื่อเดินทางจากสนามบินบ้านทอน จังหวัดนราธิวาส มายังสนามบินจังหวัดน่าน ก่อนที่ทหารกองเกียรติยศจะเคลื่อนศพ ส.อ.ชเนรินทร์ กันทะ จากสนามบินจังหวัดน่าน ไปจัดพิธีบำเพ็ญกุศลที่วัดนาทะนุง ตำบลนาทะนุง อำเภอนาหมื่น จังหวัดน่าน อันเป็นบ้านเกิดของ ส.อ.ชเนรินทร์ กันทะ ท่ามกลางความเศร้าโศกของญาติพี่น้องที่ต้องสูญเสียทหารผู้กล้าไปอย่างไม่มีวันกลับ
นารี กันทะ มารดาของ ส.อ.ชเนรินทร์ กันทะ เล่าให้ฟังว่า ลูกชายรักอาชีพทหารมาก หลังจากเรียนจบชั้น ม.6 ก็ได้สมัครสอบเข้าเป็นนักเรียนนายสิบ หลักสูตร 1 ปี เหล่าทหารราบ กระทั่งได้รับการบรรจุที่ ร.9 พัน.2 ค่ายสุรสีห์นาถ ตำบลลาดหญ้า อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี
ต่อมา ส.อ.ชเนรินทร์ กันทะ ตัดสินใจสมัครไปปฏิบัติหน้าที่ชายแดน 3 จังหวัดภาคใต้ เพราะต้องการนำเงินเบี้ยเลี้ยงมาส่งเสียน้องสาว โดยหวังจะให้น้องสาวสอบเข้าเป็นนักเรียนพยาบาลของกองทัพบก เพื่อที่เรียนจบออกมาแล้วจะได้รับใช้ชาติเจริญรอยตามเขา และจะได้นำเงินเบี้ยเลี้ยงอีกส่วนที่ได้มาสร้างบ้านใหม่ให้พ่อและแม่ แต่สุดท้ายแล้ว ส.อ.ชเนรินทร์ กันทะ ก็ต้องมาพลีชีพเพื่อชาติ ซึ่งครอบครัวก็ภูมิใจมากที่ลูกชายได้ทำหน้าที่รับใช้ประเทศชาติสมศักดิ์ศรีชายชาติทหาร
นี่เป็นอีกหนึ่งเรื่องราวความสูญเสียจากเหตุการณ์ความไม่สงบในภาคใต้ ที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น และก็คงไม่มีใครบอกได้ว่า เหตุการณ์เหล่านี้จะสิ้นสุดลงเมื่อใด และจะต้องเกิดความสูญเสียอีกมากมายเพียงไหน...
ขอไว้อาลัยให้กับเหล่าผู้กล้า และผู้เสียสละทุกท่าน หลับให้สบายเถิด...
