x close

เปิดขุมทรัพย์ เสี่ยตา เวิร์คพอยท์ รวยอู้ฟู่ แต่มีหนี้เพียบ





เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

         สำนักข่าวอิศรา เปิดเซฟ เสี่ยตา ปัญญา ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของเวิร์คพอยท์ เผยทำกำไรได้หลายร้อยล้าน แต่ก็ยังมีหนี้สินเพียบ

         เป็นปมร้อนในสังคมขณะนี้ สำหรับกรณีที่รายการไทยแลนด์ก๊อตทาเลนต์ 2012 ผลิตโดย บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) ที่มี เสี่ยตา ปัญญา นิรันดร์กุล เป็นผู้บริหาร ปล่อยให้สาวขึ้นไปโชว์เปลือยอกวาดรูปบนผืนผ้าใบ แม้จะเซ็นเซอร์ภาพไม่ให้ผู้ชมทางบ้านเห็นแล้ว แต่ก็ยังถูกคนวิจารณ์เละว่า เป็นภาพที่ไม่เหมาะสมอยู่ดี ร้อนถึง เสี่ยตา ปัญญา ต้องออกมาขอโทษผ่านสื่อ และยอมรับผิดในเรื่องที่เกิดขึ้น

         ทั้งนี้ เป็นที่รู้กันว่า บริษัทเวิร์คพอยท์ฯ ของ เสี่ยตา ปัญญา ได้ผลิตรายการโทรทัศน์ออกสู่สายตาผู้ชมเป็นจำนวนมาก และส่วนใหญ่เป็นรายการดังที่มีเรตติ้งสูงแทบทั้งนั้น ทำให้หลายคนสงสัยว่า เสี่ยตา มีรายได้จากการผลิตรายการโทรทัศน์ รวมทั้งสื่ออื่น ๆ มากน้อยเพียงใด ซึ่งเมื่อวันที่ 22 มิถุนายนที่ผ่านมา สำนักข่าวอิศรา ก็ได้เปิดเผยข้อมูลเรื่องนี้ให้ทราบกัน

         โดย บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) จดทะเบียนเป็น บมจ. เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2547 มีทุนเดิม 200 ล้านบาท ก่อนจะเพิ่มเป็น 210,800,000 บาท ในวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ.2553 และเพิ่มมูลค่าเป็น 263,500,000 บาท ในวันที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ.2554

         ทั้งนี้ บริษัท เวิร์คพอยท์ฯ มีผู้ถือหุ้นทั้งหมด 13 ราย โดยนายปัญญา นิรันดร์กุล เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุด คือ 37.1% รองลงมาคือ นายประภาส ชลศรานนท์ 37.02% ขณะเดียวกัน บริษัทเวิร์คพอยท์ก็ยังมีบริษัทในเครืออีก 10 แห่ง ได้แก่

         - บริษัท เวิร์คพอยท์ พับลิชชิ่ง จำกัด ก่อตั้งวันที่ 12 ธันวาคม พ.ศ.2545 ทุน 4 ล้านบาท

         - บริษัท โต๊ะกลมโทรทัศน์ จำกัด ก่อตั้งวันที่ 19 มีนาคม พ.ศ.2547 ทุน 10 ล้านบาท (นายธีรวัฒน์ อนุวัตรอุดม ถือหุ้น 25%)

         - บริษัท คำพอดี จำกัด ก่อตั้งวันที่ 17 มกราคม พ.ศ.2548 ทุน 8.5 ล้านบาท (นายธงชัย ประสงค์สันติ ถือหุ้น 35%)

         - บริษัท บ้านอิทธิฤทธิ์ จำกัด ก่อตั้งวันที่ 17 มกราคม พ.ศ.2548 ทุน 20 ล้านบาท (นายปรัชญา ปิ่นแก้ว ถือหุ้น 28 %)

         - บริษัท หัวฟิล์ม ท้ายฟิล์ม จำกัด ก่อตั้งวันที่ 7 ตุลาคม 2548 ทุน 5 ล้านบาท

         - บริษัท บั้งไฟ สตูดิโอ จำกัด ก่อตั้งวันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ.2548 ทุน 10 ล้านบาท (นายเพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา หรือหม่ำ จกม๊ก ถือหุ้น 40% )

          บริษัท กราว จำกัด ก่อตั้งวันที่ 17 ตุลาคม พ.ศ.2549 ทุน 2 ล้านบาท

         - บริษัท บริษัท กำกับการดี จำกัด ก่อตั้งวันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ.2551 ทุน 5 ล้านบาท

         - บริษัท ซิกซ์เนเจอร์ อินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (โฆษณา จัดหานักแสดง) ก่อตั้งวันที่ 27 ตุลาคม พ.ศ.2551 ทุน 5 ล้านบาท (นายทศเทพ วงศ์หนองเตย ถือหุ้น 35%)

         - บริษัท หญ้านุ่ม จำกัด กิจการอสังหาริมทรัพย์ ก่อตั้งวันที่ 8 มิถุนายน พ.ศ.2552 ทุน 1 ล้านบาท

         ขณะที่เมื่อตรวจสอบผลกำไรขาดทุนจากการประกอบธุรกิจ ก็พบว่า

         - ปี พ.ศ.2547 มีรายได้รวม 858,886,374.19 บาท มีรายจ่ายรวม 565,607,965.08 บาท กำไรสุทธิ 205,636,946.29 บาท

         - ปี พ.ศ.2548 มีรายได้รวม 1,069,443,129.39 บาท มีรายจ่ายรวม 665,335,963.63 บาท กำไรสุทธิ 302,382,201.81 บาท

         - ปี 2549 มีรายได้รวม 1,176,212,430.87 บาท มีรายจ่ายรวม 772,380,615.80 บาท กำไรสุทธิ 304,882,558.73 บาท

         - ปี 2550 มีรายได้รวม 1,143,408,950.52 บาท มีรายจ่ายรวม 822,752,584.49 บาท กำไรสุทธิ 232,985,726.96 บาท

         - ปี 2551 มีรายได้รวม 1,016,732,986.22 บาท มีรายจ่ายรวม 815,722,596.20 บาท กำไรสุทธิ 150,829,950.59 บาท

         - ปี 2552 มีรายได้รวม 873,006,519.36 บาท มีรายจ่ายรวม 766,094,711.44 บาท กำไรสุทธิ 81,448,481.05 บาท

         - ปี 2553 มีรายได้รวม 1,104,238,837.75 บาท มีรายจ่ายรวม 875,619,005.93 บาท กำไรสุทธิ 168,614,816.18 บาท

         - ปี 2554 มีรายได้รวม 1,592,457,026.46 บาท มีรายจ่ายรวม 1,144,244,354.15 บาท กำไรสุทธิ 312,115,530.64 บาท

         เมื่อรวมทั้งหมดจะพบว่า ตัวเลขกำไรสะสม ณ ปัจจุบัน อยู่ที่ 332,387,012.34 บาท

         อย่างไรก็ตาม ในแต่ละปี บริษัท เวิร์คพอยท์ฯ ก็ได้แจ้งตัวเลขหนี้สินไว้เช่นกัน โดยในปี พ.ศ.2547 มีหนี้สิน 110,219,028.28 บาท และมีหนี้สินเพิ่มขึ้นอีกในปี พ.ศ.2548 ที่ 168,767,565.65 บาท ขณะที่ในปี พ.ศ.2549 หนี้สินก็ได้ปรับเพิ่มเป็น 230,636,195.93 บาท

         กระทั่งในปี พ.ศ.2550 หนี้สินปรับลดลงเป็น 154,498,597.09 บาท และยังลดลงอีกในปี พ.ศ.2551 ที่มีหนี้สิน 143,249,451.34 บาท เรื่อยมาจนถึงปี พ.ศ.2552 หนี้สินลดลงอีกเป็น 111,721,231.85 บาท แต่หนี้สินมาขยับขึ้นในปี พ.ศ.2553 อยู่ที่ 153,237,424.36 บาท ส่วนในปี พ.ศ.2554 หนี้สินขยับเพิ่มขึ้นอีกเป็น 237,501,248.37 บาท


อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
isranews.org




เรื่องที่คุณอาจสนใจ
เปิดขุมทรัพย์ เสี่ยตา เวิร์คพอยท์ รวยอู้ฟู่ แต่มีหนี้เพียบ โพสต์เมื่อ 23 มิถุนายน 2555 เวลา 10:42:24 54,222 อ่าน
TOP