เจเน็ต เขียว แจ้งความถูกตุ๋นเงิน-เบี้ยวค่าซื้อรีสอร์ท

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

          เจเน็ต เขียว แจ้งความถูกสาวใหญ่ตีสนิทขอซื้อรีสอร์ท 15 ล้าน แต่ทำทีขอลองบริหาร 3 เดือน สุดท้ายเชิดเงินรายได้หายจ้อย เงินค่ารีสอร์ตก็ไม่ได้

          วันนี้ (26 มิถุนายน) เวลา 12.30 น. ที่ สภ.เกาะช้าง จ.ตราด นางสาวนงนุช สมบูรณ์ หรือ เจเน็ต เขียว นักแสดงวัย 44 ปี ได้เข้าแจ้งความให้ดำเนินคดีกับ นางสมนึก พิมพ์ทอง อายุ 40 ปี ในข้อหาฉ้อโกง โดยเจเน็ต เขียว เล่าว่า ตนประกาศขายรีสอร์ต กรีน คอทเทจ บีช รีสอร์ท อ.เกาะช้าง ในราคา 15 ล้านบาท เมื่อช่วงกลางปี พ.ศ. 2554 เนื่องจากต้องการนำเงินมาใช้หนี้ธนาคารที่กู้มาลงทุน และต้องการนำเงินมารักษาคุณแม่ที่ป่วยเป็นกระดูกทับเส้น สมองตีบ กระทั่งในช่วงเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา นางสมนึกได้เข้ามาพักที่รีสอร์ทของตนประมาณ 2-3 สัปดาห์ เพราะต้องการหนีน้ำท่วมจากบ้านที่ จ.พระนครศรีอยุธยา และพยายามตีสนิทกับญาติพี่น้องของตนหลายคน พอรู้ว่าตนขายรีสอร์ทนางสมนึกก็บอกจะขอซื้อ

          เจเน็ต เขียว ให้การต่อว่า นางสมนึก อ้างว่าทำธุรกิจหลายอย่างมีเงินหมุนเวียนกว่า 10 ล้าน และรู้จักกับนักการเมืองระดับชาติหลายคน ตนจึงตัดสินใจขายรีสอร์ตให้ในราคา 13.5 ล้านบาท แต่นางสมนึก บอกจะให้เพิ่มในราคา 15 ล้านบาท โดยจะจ่ายให้ในระยะเวลา 2-3 สัปดาห์ ซึ่งทุกคนก็เชื่อเพราะนำเงินมาแสดงอยู่หลายครั้ง อย่างไรก็ตาม นางสมนึกมีข้อแม้ว่า ขอลองบริหารงานก่อน 3 เดือน ส่วนรายได้ทั้งหมดจะนำมาแบ่งให้ ซึ่งตนต้องการเงินเรื่องคุณแม่ จึงได้รีบตัดสินใจ ยอมให้เข้ามาบริหาร

          แต่ในช่วงที่นางสมนึกบริหารรีสอร์ทของตน เป็นช่วงไฮซีซั่น ทำให้มีรายได้เฉลี่ยประมาณ 2 แสนบาทต่อเดือน ซึ่งตอนแรกก็นำเงินมาแบ่งให้กับน้องสาวตนครึ่งหนึ่ง แต่ตอนหลังไม่ให้เลย ตนจึงถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ไป ซึ่งนางสมนึกก็บอกว่า จะนำเงินมาให้ในวันปีใหม่ อย่างไรก็ตาม เมื่อนางสมนึกเข้าบริหารได้ 3 เดือน มีรายได้หลายแสนบาท ก็ยังไม่ให้เงินตนอยู่ดี ตนจึงทวงถามไปหลายครั้ง และสอบถามถึงเงินค่าซื้อรีสอร์ท นางสมนึกก็บ่ายเบี่ยงต่าง ๆ นานา จนปิดโทรศัพท์หนีหายไปในที่สุด

          เจเน็ต เขียว บอกด้วยว่า ที่ซ้ำร้ายที่สุดคือ นางสมนึกไปบอกคนอื่นว่าจ่ายเงินให้ตนครบแล้ว และยังไปหลอกเงินน้องสะใภ้ที่ จ.นครราชสีมา อีก 8 แสนบาท จับได้ช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา นอกจากนี้ตนเพิ่งสืบทราบมาว่า นางสมนึกได้หลอกเจ้าของรีสอร์ทในเกาะช้างคนอื่น ๆ ในลักษณะคล้ายกันกับตนด้วย คือขอยืมเงินเจ้าของรีสอร์ทรายหนึ่ง 30,000 บาท แต่นำมาคืนให้ 50,000 บาท เจ้าของเงินเลยไว้ใจ ให้ยืมอีก 500,000 บาท ก่อนจะถูกเชิดเงินหายไปเช่นกัน และอีกหนึ่งครอบครัว ได้เงินไปกว่า 2.4 ล้านบาท


 
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก