x close

สตรอเบอร์รี่หวานฉ่ำ หลากหลายพันธุ์พระราชทาน


ธรณีนี่นี้ใครครอง

ธรณีนี่นี้ใครครอง

ธรณีนี่นี้ใครครอง

ธรณีนี่นี้ใครครอง

ธรณีนี่นี้ใครครอง

ธรณีนี่นี้ใครครอง


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก ละคร ธรณีนี่นี้ ใครครอง The Official, ช่อง 3, thairoyalprojecttour.com

            เรียกได้ว่ากระแสตอบรับดีสุด ๆ สำหรับละคร "ธรณีนี่นี้ใครครอง" ที่ได้พระ-นางคู่ขวัญ ณเดชน์ คูกิมิยะ และ ญาญ่า-อุรัสยา เสปอร์บันด์ มาประกบคู่ในบทบาทคู่กัดสุดน่ารัก ที่ขโมยหัวใจแฟน ๆ ไปครองกันทั่วบ้านทั่วเมือง นอกจากนี้ ละครยังสอดแทรกสาระความรู้และแง่คิดดี ๆ ที่ปลูกจิตสำนึกให้ทุกคนรักแผ่นดินเกิดและภาคภูมิใจในอาชีพเกษตรกรรมอีกด้วย

ธรณีนี่นี้ใครครอง ย่าแดง (รับบทโดย ดวงตา ตุงคะมณี)
ย่าแดง (รับบทโดย ดวงตา ตุงคะมณี)

            โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากใครที่ได้ติดตามชมละครเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา คงจะได้รับความรู้เกี่ยวกับการปลูกสตรอเบอร์รี่กันมากขึ้น หลังจากที่ ย่าแดง (รับบทโดย ดวงตา ตุงคะมณี) ได้แนะนำความรู้เกี่ยวกับสตรอเบอร์รี่พันธุ์ต่าง ๆ และการปลูกสตรอเบอร์รี่มาสอนหลาน ๆ ซึ่งนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างสูง ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ได้พระราชทานต้นพันธุ์สตรอเบอร์รี่ที่คัดสรรมาแล้วอย่างดี เพื่อส่งเสริมอาชีพและสร้างรายได้ให้กับเกษตรกร และเพื่อไม่ให้ตกเทรนด์ วันนี้กระปุกดอทคอมจึงได้รวบรวมสาระน่ารู้เกี่ยวสตรอเบอร์รี่พันธุ์ต่าง ๆ มาฝากเพื่อน ๆ กัน


 
คลิป ธรณีนี่นี้ใครครอง ตอนที่ ย่าแดง แนะนำความรู้เกี่ยวกับสตรอเบอร์รี่ โพสต์โดย คุณ nirvanafact


            สตรอเบอร์รี่ ถือเป็นผลไม้ชนิดแรก ๆ ที่มีการนำเข้ามาขยายพันธุ์เพื่อปลูกทดลอง และส่งเสริมให้เกษตรกรในที่สูงปลูกทดแทนฝิ่นและการทำไร่เลื่อนลอยของชาวเขาเผ่าต่าง ๆ ตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และเนื่องจากเป็นผลไม้ที่ได้รับพระราชทานพันธุ์มาเพื่อการวิจัยปรับปรุงพันธุ์ และเสาะหาพันธุ์ที่เหมาะสมต่อสภาพพื้นที่และภูมิอากาศของประเทศไทย การตั้งชื่อนำหน้าพันธุ์ที่ได้จากทุกงานวิจัยจึงใช้ชื่อว่า "พันธุ์พระราชทาน" แล้วจึงตามด้วยหมายเลขพันธุ์ หรือหมายเลขแปลง เช่น สตรอเบอร์รี่พันธุ์พระราชทาน 16 หรือ 20 เป็นต้น และในขณะนี้ได้พัฒนาจนได้พันธุ์พระราชทาน 80 ซึ่งตรงกับปีที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระชนมายุครบ 80 พรรษา

            ปัจจุบันประเทศไทยมีพื้นที่เพาะปลูกสตรอเบอร์รี่โดยรวมทั้งประเทศประมาณ 3,000 ไร่ โดยมีพื้นที่ปลูกมากที่สุดที่ อ.สะเมิง จ.เชียงใหม่ และมีตลาดรับซื้อขนาดใหญ่ทั้งภายในและภายนอกประเทศในสัดส่วนที่เท่า ๆ กัน ตลาดต่างประเทศที่สำคัญคือ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งจะรับซื้อในลักษณะสตรอเบอร์รี่แช่แข็งในช่วงปลายฤดูกาล

            สำหรับการพัฒนาสายพันธุ์สตรอเบอร์รี่นั้น ต้องใช้ระยะเวลาประมาณ 5 ปี จึงจะพัฒนาได้ 1 สายพันธุ์ ปัจจุบันมีพันธุ์ที่กำลังส่งเสริมคือ พันธุ์พระราชทาน 60 และ 80 ซึ่งมีข้อแตกต่างกันที่ พันธุ์พระราชทาน 60 จะให้ผลผลิตต่อไร่ดีกว่า แต่ในด้านคุณภาพของผลนั้น พันธุ์พระราชทาน 80 จะให้สีและรสชาติที่ดีกว่า ซึ่งทั้ง 2 พันธุ์ถือเป็นสายพันธุ์ทางเลือกที่ดี และคาดว่าจะใช้เป็นแม่พันธุ์ในการพัฒนาสายพันธุ์ต่อไปในอนาคต


สายพันธุ์

พันธุ์พระราชทานเบอร์ 16 (Tioga)

            สามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้อย่างกว้างขวาง ผลขนาดปานกลางถึงใหญ่ มีจำนวนผลต่อช่อมาก ผลแข็ง ผลผลิตสูง สีแดง ค่อนข้างทนต่อสภาพอุณหภูมิสูง ทนทานต่อการขนส่ง ค่อนข้างอ่อนแอต่อโรคใบจุด เหมาะสำหรับการแปรรูป

พันธุ์พระราชทาน 20 (Sequoia)

            สามารถเจริญได้ดีในสภาพอุณหภูมิตํ่า ให้ผลขนาดใหญ่ถึง 50 กรัม มีจำนวนผลต่อช่อน้อย ผลนิ่ม สีแดงสด กลิ่นหอม รสหวาน ทนทานต่อโรคใบจุด และ สภาพที่มีความชื้นสัมพัทธ์สูง ไม่ทนทานการขนส่ง

พันธุ์เนียวโฮ (Nyoho)

            ใช้รับประทานผลสด รสชาติหวานอมเปรี้ยว กลิ่นหอม เนื้อแข็งปานกลาง

พันธุ์เซลวา (Selva)

            ใช้รับประทานผลสด เนื้อแข็ง

พันธุ์พระราชทาน 50 (B5) (พระราชทานเมื่อปี พ.ศ. 2539 ซึ่งเป็นปีฉลองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี)

            เป็นพันธุ์ที่เกิดจากการผสมในประเทศสหรัฐอเมริกา แล้วนำเข้ามาคัดเลือกโดยการผสมตัวเองตั้งแต่ปี พ.ศ.2536 สามารถเจริญเติบโตและให้ผลผลิตดีในสภาพอากาศเย็นปานกลาง ทรงพุ่มปานกลางถึงค่อนข้างแน่น ผลผลิตมีคุณภาพดีโดยเฉพาะใกล้สุกเต็มที่ น้ำหนัก/ผล 12-18 กรัม รูปร่างเป็นลิ่มสีแดงถึงสีแดงเข้ม ค่อนข้างแข็งไม่ต้านทานต่อไร แต่ต้านทานราแป้งได้ดี

พันธุ์พระราชทาน 70 (Toyonoka) (ตรงกับปี พ.ศ.2540 ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงมีพระชนมพรรษาครบ 70 พรรษา)

            เป็นสายพันธุ์จากประเทศญี่ปุ่น ใบมีลักษณะกลมใหญ่ และสีเขียวเข้มไม่ทนต่อราแป้ง แต่ทนต่อโรคเหี่ยว ให้ผลผลิตค่อนข้างสูง น้ำหนัก/ผล 11.5-13.0 กรัม ผลมีลักษณะทรงกลมหรือทรงกรวย สีแดงสดใสแต่ไม่สม่ำเสมอ เนื้อและผลค่อนข้างแข็ง มีกลิ่นหอม มีความฉ่ำและรสหวาน

พันธุ์พระราชทาน 72 (ตรงกับปี พ.ศ.2542 ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงมีพระชนมพรรษาครบ 72 พรรษา)

            เป็นสายพันธุ์นำเข้ามาจากประเทศญี่ปุ่นชื่อพันธุ์ TOCHIOTOME ตั้งแต่ปี พ.ศ.2542 น้ำหนัก/ผล 14 กรัม เนื้อผลแข็งกว่าพันธุ์พระราชทาน 70 แต่มีความหวานน้อยกว่า มีกลิ่นหอมเมื่อเริ่มสุก เนื้อภายในผลมีสีขาว ผิวผลเมื่อสุกเต็มที่จะมีสีแดงถึงแดงจัด เงาเป็นมันที่ผิวผล ทนต่อการขนส่งมากกว่าพันธุ์อื่น


พันธุ์พระราชทาน 80

พันธุ์พระราชทาน 80 (ตรงกับปี พ.ศ.2550 ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงมีพระชนมพรรษาครบ 80 พรรษา)

            เป็นพันธุ์รับประทานผลสด และเป็นพันธุ์ที่ต้องการอากาศหนาวเย็นมากกว่าพันธุ์อื่น ๆ คือ ต้องปลูกในพื้นที่สูงตั้งแต่ 800 เมตรขึ้นไป อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 16-20 องศาเซลเซียสไม่น้อยกว่า 30 วัน ซึ่งสถานีวิจัยเกษตรหลวงอ่างขางจะเป็นพื้นที่ปลูกได้ผลดี เพราะมีความสูงประมาณ 1,400 เมตร เพื่อกระตุ้นการสร้างตาดอกอย่างต่อเนื่อง และให้ได้ผลผลิตในปริมาณมากและยาวนานขึ้น และยังเป็นพันธุ์ที่ต้านทานต่อโรคแอนแทรคโนสและราแป้งได้ดี นอกจากนี้ยังมีลักษณะเด่นกว่าพันธุ์อื่น ๆ ตรงที่ผลสุกมีกลิ่นหอม และมีรสชาติหวานกว่า เนื้อผลแน่น สีแดงสด รูปร่างของผลสวยงาม โดยทั่วไปเป็นรูปทรงกรวยถึงทรงกลมปลายแหลม ผิวไม่ขรุขระ ราก ลำต้นโตเร็วสมบูรณ์ ความสูงของทรงพุ่ม 20-30 เซนติเมตร ความกว้างทรงพุ่มเฉลี่ย 27 เซนติเมตร

สายพันธุ์นิยม                                          

            สายพันธุ์บริโภคสด : พันธุ์พระราชทานเบอร์ 60, 70, 80, 50, 20 และเนียวโฮพันธุ์เบอร์ 60 เป็นสายพันธุ์ที่ผสมในไทยโดยตรง จึงเหมาะสมต่อสภาพอากาศของประเทศไทยมากกว่าสายพันธุ์อื่น ๆ ส่วนสายพันธุ์เบอร์ 70 จากญี่ปุ่น กำลังอยู่ในขั้นพัฒนาสายพันธุ์ให้เหมาะสมต่อสภาพอากาศของประเทศไทย

            สายพันธุ์แปรรูป : พันธุ์พระราชทานเบอร์ 16 และเซลวา


การปลูกสตรอเบอร์รี่ในประเทศไทย

            สำหรับการปลูกสตรอเบอร์รี่จะใช้วิธีปลูกต้นไหลสตรอเบอร์รี่ ซึ่งไหลสตรอเบอร์รี่ก็คือ ส่วนของลำต้นเหนือดินที่ทอดนอนไปตามพื้นและแตกหน่อใหม่พร้อมกับรากเพื่อเจริญเติบโตเป็นต้นสตรอเบอร์รี่ใหม่นั่นเอง โดยการปลูกต้นไหลจะต้องนำไปปลูกไว้ที่สูงเพื่อให้เกิดการพัฒนาของตาดอกและเพื่อความแข็งแรงก่อนปลูก โดยจะปล่อยให้ได้รับอุณหภูมิเย็นในเวลากลางคืนบนที่สูงซึ่งจะทำให้ออกดอกได้เร็วกว่าต้นไหลที่ผลิตบนพื้นราบ

การปลูกบนพื้นราบ

            หลังจากเก็บเกี่ยวผลผลิตหมดแล้ว ตอนปลายเดือนมีนาคมถึงต้นเดือนเมษายน ต้นไหลทั้งหมด ที่ออกมาจะถูกปลูกลงในถุงพลาสติกเล็กที่บรรจุดินแล้วขนาด 3 x 5 ซม. และปล่อยให้เจริญเติบโตในแปลงจนกระทั่งเดือนมิถุนายน จึงขนขึ้นไปปลูกบนที่สูงประมาณ 1,200-1,400 เมตร เพื่อผลิตต้นไหลต่อไปซึ่งจะตรงกับช่วงฤดูฝน (มิถุนายน-ตุลาคม)


            หลังจากที่ปล่อยให้ต้นไหลที่เจริญอยู่ในถุงพลาสติก และได้รับความหนาวเย็นบนที่สูงจนเพียงพอแล้วจะนำลงไปปลูกในแปลงที่พื้นราบไม่เกินต้นเดือนตุลาคม เพราะถ้าหากปลูกช้าเกินไปจะทำให้ผลผลิตออกช้าตามไปด้วย ต้นไหลที่ผลิตได้จากบนที่สูงนี้จะสามารถตั้งตัวและออกดอกได้เร็วกว่า (ประมาณเดือนธันวาคม) ปกติเกษตรกรจะใช้ระยะปลูก 30 x 40 เซนติเมตร สำหรับการปลูกแบบสองแถว และระยะปลูก 25 x 30 เซนติเมตร สำหรับการปลูกแบบสี่แถว ดังนี้จะใช้จำนวนต้นไหลทั้งหมดประมาณ 8,000-10,000 ต้นต่อไร่

            การคลุมแปลงนั้นจะใช้ ฟางข้าว ใบตองเหียง หรือใบตองตึง อย่างใดอย่างหนึ่ง หรือร่วมกันก็ได้คลุมระหว่างแถวในแปลงยกร่อง (โดยจะทำการคลุมก่อนหรือ หลังจากปลูกได้ 1-2 สัปดาห์แล้วแต่พื้นที่) ดอกแรกจะบานได้ในราวต้นเดือนพฤศจิกายน และสามารถเก็บเกี่ยวได้ตั้งแต่เดือนธันวาคม ถึงเดือนมีนาคมในพื้นที่ปลูกของจังหวัดเชียงใหม่ ส่วนจังหวัดเชียงรายซึ่งมีสภาพอากาศที่เย็นกว่าจะเก็บเกี่ยวต่อไปได้อีกจนถึงเดือนเมษายน เมื่อถึงปลายฤดูการเก็บเกี่ยวซึ่งเป็นช่วงที่อุณหภูมิสูงขึ้น ต้นไหลที่เจริญออกมาก็จะถูกบังคับให้เจริญเติบโตในถุงพลาสติกขนาดเล็กใส่ดิน เหมือนที่กล่าวมาแล้วข้างต้น และเตรียมไว้ใช้เป็นต้นแม่สำหรับการขนขึ้นไปขยายต้นไหลบนที่สูงต่อไปเป็นวงจรเหมือนกันทุก ๆ ปี

การปลูกบนที่สูง

            เมื่ออากาศร้อนขึ้นในปลายช่วงของการเก็บเกี่ยวคือประมาณปลายเดือนพฤษภาคม ต้นสตรอเบอร์รี่จะมีการสร้างไหลและต้นไหลออกมา ต้นไหลเหล่านี้จะถูกขุดขึ้นมาปลูกลงในถุงพลาสติกเหมือนในพื้นที่ราบราวกลางเดือนสิงหาคม และปล่อยให้เจริญอยู่ในแปลง จนกระทั่งปลายเดือนกันยายนเพื่อให้แน่ใจว่าต้นไหลเหล่านี้ได้รับความหนาวเย็นจนเพียงพอต่อการเกิดตาดอกสำหรับเป็นต้นที่ใช้ปลูกในคราวต่อไป



            ก่อนปลูกนั้นเกษตรกรบนที่สูงซึ่งส่วนมากเป็นชาวไทยภูเขาจะทำการยกแปลงปลูก และคลุมแปลงด้วยใบตองเหียงหรือใบตองตึง ต่อจากนั้นจึงเจาะรูโดยใช้กระป๋องนมที่ทำการเปิดปากออกแล้วกดลงไปบนวัสดุคลุมแปลงให้เป็นรู ช่วงเวลาปลูกที่เหมาะสมเพื่อให้ได้รับผลผลิตสูงที่สุดคือ ก่อนปลายเดือนกันยายนเป็นอย่างช้า ปกติจะปลูกเป็นแบบแถวเดี่ยว หรือแถวคู่โดยใช้ระยะปลูก 25 x 30 เซนติเมตร บางพื้นที่จะทำการปลูกเป็นแบบขั้นบันไดจึงทำให้แถวแคบกว่าการปลูกในพื้นราบ

            ผลผลิตจะเริ่มเก็บเกี่ยวได้ระหว่างต้นเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนพฤษภาคม โดยในระหว่างกลางเดือนธันวาคมถึงกลางเดือนมกราคม ต้นสตรอเบอร์รี่อาจจะชะงักการเจริญเติบโตเล็กน้อยและไม่ให้ผลผลิตเนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นเกินไปในเวลากลางคืน (ต่ำกว่า 10 ํC) เป็นเวลาหลาย ๆ ชั่วโมง

            การปลูกทั้งในพื้นที่ราบและบนที่สูงจะให้น้ำโดยปล่อยให้ไหลผ่านไปตามร่องของแปลงปลูก (Furrow irrigation) แหล่งน้ำที่ได้อาจมาจากบ่อ สระ หรือคลองเล็ก ๆ ซึ่งไม่จัดว่าเป็นน้ำที่สะอาดและอาจมีเชื้อโรคต่าง ๆ สะสมอยู่ในน้ำนั้น อย่างไรก็ดีมีบางพื้นที่มีการให้น้ำแบบสปริงเกอร์ (Sprinkle system) โดยใช้น้ำบาดาลที่สูบขึ้นมาซึ่งนับว่าเป็นระบบที่ดีกว่าที่กล่าวข้างต้น เพราะทำให้ลดการแพร่ระบาดของเชื้อโรคที่จะไหลไปยังแปลงอื่น ๆ โดยมีน้ำเป็นตัวพา

            ปกติเกษตรกรจะทำแปลงปลูกต้นสตรอเบอร์รี่ให้อยู่ในแนวเหนือ-ใต้ ทั้งนี้เพื่อให้ต้นได้รับแสงเต็มที่เป็นการเพิ่มการเจริญเติบโต และสีของผลก็จะพัฒนาได้ดีขึ้น สภาพพื้นที่ปลูกสตรอเบอร์รี่โดยทั่วไปจะอยู่ใกล้ตลาดหรือโรงงานแปรรูป หรือเป็นพื้นที่เดิมที่ใช้ต่อเนื่องกันมาทุก ๆ ปี โดยมีการปลูกพืชอื่นหมุนเวียนเป็นส่วนใหญ่

            โดยทั่วไปก่อนทำการปลูกสตรอเบอร์รี่นั้น เกษตรกรไม่ได้ทำการอบดินในแปลงปลูกด้วยสารเคมีเพื่อควบคุมโรคในดิน ไส้เดือนฝอย หรือวัชพืชแต่อย่างใด นอกจากนี้ยังขาดความรู้ความเข้าใจในการปฏิบัติเกี่ยวกับวิธีการปลูกสตรอเบอร์รี่ที่ถูกต้อง ตลอดจนถึงการดูแลรักษา และการควบคุมศัตรูพืชด้วย เนื่องมาจากการขยายตัวอย่างรวดเร็วของตลาดที่ใช้ผลผลิตสตรอเบอร์รี่ในเชิงอุตสาหกรรมทำให้มีความต้องการต้นไหลในปัจจุบันมากกว่า 25-30 ล้านต้นต่อปี ราคาของต้นไหลที่จำหน่ายจะขึ้นกับปริมาณมากน้อยของแต่ละปี รวมทั้งขนาดของต้นไหลเองอีกด้วย ซึ่งส่วนใหญ่จะจำหน่ายกันในราคา 1-1.50 บาทต่อต้น



ขอขอบคุณข้อมูลจาก
cm-fruit.com, kehakaset.com, thaigoodview.com, ku.ac.th





เรื่องที่คุณอาจสนใจ
สตรอเบอร์รี่หวานฉ่ำ หลากหลายพันธุ์พระราชทาน โพสต์เมื่อ 4 กรกฎาคม 2555 เวลา 14:19:08 41,827 อ่าน
TOP