เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก รายการ วู้ดดี้เกิดมาคุย โพสต์โดย คุณ DuangAesthetic สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม
"สมอง" ถือว่าเป็นอวัยวะสำคัญที่สั่งการให้เราแสดงถึงความรู้สึกนึกคิด หรือแสดงพฤติกรรมต่าง ๆ ทั้งด้านดี ด้านไม่ดี รู้สึกทุกข์ หรือสุข สมองเป็นตัวกำหนดในทุก ๆ อย่าง แล้วอยากรู้กันไหมคะว่า ทำไมเรื่องบางเรื่องเราอยากจะลืมแต่สมองกลับจำ บางเรื่องอยากจะจำแต่สมองกลับลืม... รายการวู้ดดี้เกิดมาคุย (12 สิงหาคม) จึงได้พาเพื่อน ๆ ทุกคนมาทำความรู้จักกับสมอง และใช้สมองให้ถูกต้อง กับ "หนูดี วนิษา เรซ" ผู้เชี่ยวชาญทางด้านสมองและการเรียนรู้ ดีกรีปริญญาโทเกียรตินิยมด้านวิทยาการทางสมอง ในโปรแกรม Mind มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สหรัฐอเมริกา มาพูดถึงเรื่องราวดังกล่าวให้ฟังกัน
เริ่มต้นหนูดีได้เปรียบเทียบสมองว่าให้ฟังว่า... สมองก็เหมือนเพื่อนที่อยู่กับเราเสมอ บางครั้งขยัน บางครั้งขี้เกียจ และเดานิสัยยาก มีการเปลี่ยนแปลงตลอดไม่หยุดนิ่ง ซึ่งอาจจะเปลี่ยนแปลงไปได้ในทางที่ดีหรือแย่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมที่เราปฏิบัติ หรือบางครั้งก็ทำตัวแปลก ๆ แบบที่เราไม่สามารถเข้าใจได้
ธรรมชาติของสมองมีหน้าที่สำคัญเพียงหนึ่งเดียวก็คือ ทำให้เรามีชีวิตอยู่รอดให้มากที่สุด แต่อีกนัยหนึ่งสมองก็จะเห็นแก่ตัวมากที่สุด โดยมนุษย์เรานั้นจะเหมือนมีสองชีวิต กล่าวคือ มีเราและสมองแยกออกจากกัน และสมองก็จะไม่ค่อยแคร์เราสักเท่าไร เพราะถ้าเขาแคร์เรา เขาจะลบลืมเรื่องราวที่เราไม่อยากจำ หรือเรื่องราวที่นึกแล้วเจ็บ แต่นี่ไม่เลย เรื่องแบบนี้สมองจะชอบแล้วจะทำให้เราจำได้ตลอด
สำหรับสมองนั้น จะมีส่วนเล็ก ๆ ที่ซ่อนอยู่ลักษณะคล้ายเมล็ดอัลมอนด์ เรียกว่า "อมิกดาลา" ซึ่งเป็นส่วนที่ไม่เคยหยุดทำงาน และเป็นจุดเชื่อมโยงที่สำคัญระหว่างการประเมินข้อมูลจากประสาทรับรู้ต่าง ๆ ของสมองบริเวณ "คอร์ติคัล คอร์เท็กซ์" (Cortical cortex) กับการแสดงออกด้านพฤติกรรมของอารมณ์ต่าง ๆ โดยเฉพาะเมื่อเราเข้าสู่ภาวะอันตราย อมิกดาลา ก็จะเกิดภาวะ ไฮแจ็ค หรือเรียกง่าย ๆ คือ อมิกดาลา จะเอาพลังงานทั้งก้อนมาใช้ทั้งหมด เพื่อให้เราตัดสินใจรับมือต่อสิ่ง ๆ อย่างรวดเร็ว ด้วยการใช้สัญชาตญาณแบบที่คาดไม่ถึง ทำให้การตัดสินใจไม่แม่นยำ อาทิ เกิดเหตุแผ่นดินไหว อมิกดาลา ก็จะกระตุ้นให้ร่างกายของเราทำอะไรที่เราคาดไม่ถึง เช่น การยกโอ่งหนี ขนโซฟาทั้งอัน หรือว่าจะเป็นการวิ่งหนีออกมาทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ใส่เสื้อผ้าอะไรเลย
ผู้เชี่ยวชาญด้านสมอง กล่าวต่อว่า ยกตัวอย่างให้เห็นง่าย ๆ อย่างเช่น สมมติเราทะเลาะกับแฟน อมิกดาลา ก็จะส่งสัญญาณมาอย่างรุนแรงว่า คนคนนี้อันตราย เราต้องป้องกันตัว บางครั้งทะเลาะกันแรง ๆ จนบางครั้งลืมไปเลยว่าคนนี้เป็นแฟน เป็นต้น สำหรับความโกรธนั้น ถ้าเราถูกกระตุ้นมาก ๆ เชื่อไหมว่าเพียง 2 นาที เราก็สามารถโกรธระดับขั้นสุดได้แล้ว จากนั้นสมองจะใช้เวลาประมาณ 6 ชั่วโมง สารเคมีตรงนี้ถึงจะหายไป ถ้าหากเราไม่สามารถครอบครองสติได้ ก็อาจจะเกิดความรุนแรงขึ้นตามมา เพราะฉะนั้น ถ้าอยากจะหยุดสัญชาตญาณดิบทำได้ง่าย ๆ เพียงแค่หายใจเข้าครั้งหนึ่ง เท่านี้ก็จะชนะส่วนสัญชาตญาณดิบได้แล้ว
ทางด้านพิธีกร เลยขอถามคำถามที่เชื่อกันมานานว่า... รอยหยักในสมองของมนุษย์เยอะหรือน้อยมีผลต่อความฉลาดหรือไม่... ทางด้านหนูดี ตอบกลับว่า ขอยืนยันตรงนี้เลยว่า รอยหยักของสมองไม่มีผลที่จะทำให้ฉลาดขึ้นเลย ส่วนอีกเรื่องที่ได้ยินบ่อย ๆ ก็คือ ยิ่งแก่สมองยิ่งเสื่อม เรื่องนี้ก็ไม่เป็นความจริง เพราะสมองถูกสร้างมาให้ใช้งานได้ถึง 120 ปี แต่ที่เชื่อกันเช่นนั้น อาจจะเป็นเพราะว่างานวิจัยส่วนใหญ่ วิจัยกับกลุ่มตัวอย่างที่เป็นอัลไซเมอร์ ทำให้สมองบางส่วนอาจจะยุบตัวไปแล้ว
นอกจากนี้ หนูดี ยังกล่าวต่อว่า สำหรับวิถีชีวิตที่ทำให้สมองเสื่อมได้ง่าย สาเหตุหลัก ๆ ก็คือความเครียด ซึ่งความเครียดก็มีหลายแบบ ถ้าหากเป็นความเครียดระยะสั้นนั้นส่วนมากจะส่งผลดีต่อตัวเรา เช่น ถ้าเรากังวลเรื่องขับรถ เราก็จะขับรถได้ดีขึ้น แต่ถ้าเป็นการเครียดระยะยาว อย่างเช่น การแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รัก ทำงานในที่ที่ไม่ชอบ มันก็จะก่อให้เกิดความเครียดสะสม เรื้อรัง มันจะมาทำลายสมองที่ช่วยบันทึกความจำ
หนูดี บอกอีกว่า ถึงแม้เราจะเป็นเจ้าของร่างกาย และเป็นเจ้าของสมอง แต่อย่างไรสมองก็ฉลาดกว่าคน... สมองมักจะเสพติดกิจวัตรประจำวันของเรา ที่เราทำทุก ๆ วันเป็นอัตโนมัติ ถ้าเราอยากเป็นอะไร ก็พยายามทำสิ่งนั้นซ้ำ ๆ กันทุกวัน สมมติถ้าเราอยากมีแรงบันดาลใจในการทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง แนะนำให้พกกระดาษไร้เส้น เวลาเจออะไรก็วาด ก็บันทึก ซึ่งวิธีนี้เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้เกิดแรงบันดาลใจได้ นอกจากการวาด และการเขียนแล้ว การอ่านก็มีผลกับสมองในเรื่องของการจำ จากงานวิจัยที่ตนทราบมา เกี่ยวกับเด็กกับการดูโทรทัศน์ เชื่อไหมว่า การดูโทรทัศน์เพียง 1 ชั่วโมง ทำให้เด็กเกิดโอกาสสมาธิสั้นได้ถึง 10 เปอร์เซ็นต์ ถ้าหากดู 5 ชั่วโมง ก็มีโอกาสสมาธิสั้นได้ถึง 50 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นสิ่งที่น่ากังวลมาก
จากนั้น หนูดี ก็ได้ทำการทดลองให้เห็นภาพการกลลวงของสมองให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น โดยการให้จ้องภาพภาพหนึ่ง ที่มีกากบาทอยู่ตรงกลาง และมีวงกลมสีชมพูเล็ก ๆ ล้อมรอบอยู่ในระยะห่างพอสมควร แต่วงกลมมีไม่ครบ หายไป 1 อัน และเมื่อเปิดภาพดังกล่าวซ้อน ๆ กัน ก็จะเห็นภาพวงกลมสีเขียวเข้ามาทดแทน โดยหนูดี อธิบายถึงภาพที่เห็นว่า กลไกสมองได้สร้างวงกลมดังกล่าวขึ้นมาทดแทนในจุดที่มันหายไป เพื่อเติมเต็มให้ครบ ทั้ง ๆ ที่ความเป็นจริงมันไม่มีอยู่ เพราะฉะนั้นอย่าเชื่อในสิ่งที่สมองบอกตลอดเวลา อย่าเชื่อว่าสิ่งที่เห็นมันเป็นจริง ควรตรวจสอบอยู่เสมอ
หนูดี ได้ยกตัวอย่างอีกกรณีเกี่ยวกับสมองที่พยายามจะใช้กลไกในการหลอกเราให้ฟังอีกว่า สมมติในอดีต เราเคยอกหักกับผู้ชายมีหนวด ... ซึ่งสมองก็จะจดจำแล้วว่า ผู้ชายมีหนวดทำเราทุกข์ ทำให้เราไม่ไว้ใจเขาในแว้บแรกโดยอัตโนมัติ มันบงการตัวเราแบบลึกลับซับซ้อน โดยที่เราไม่รู้ตัวเลย หรือไม่ก็เวลาเราทำอะไรสักอย่างแล้วเลิกไม่ได้ อย่างเช่น ติดบุหรี่ ในสองสามนาทีแรกที่สูบร่างกายจะหลั่งสารความสุขออกมาในจำนวนมาก จนเราเสพติดสารนี้ และทำให้เราอยากจะสุขไปเรื่อย ๆ
สำหรับความรู้สึกระหว่างสุข กับทุกข์ สมองชอบความทุกข์มากกว่า เพราะความทุกข์คือสิ่งจำเป็นสำหรับสมอง ส่วนความสุขนั้นสมองจะมองว่าเป็นความฟุ่มเฟือย อย่างเช่น ถ้าเราอกหัก จนกินยาฆ่าตัวตาย และพ่อกับแม่พาไปล้างท้องทัน สมองก็จะจำเหตุการณ์นี้จนขึ้นใจ และครั้งต่อไปเราก็จะไม่กล้ามีความรัก เพราะกลัวการกินยาฆ่าตัวตาย กลัวเหตุการณ์ร้าย ๆ เกิดขึ้นอีก
ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ หนูดี ยังได้ทดลองว่า สมองสามารถเชื่อมต่อกับความรู้สึกได้ โดยการนำแขนปลอมมาวางไว้บนบ่าข้างขวาของพิธีกร และทำการใช้แปรงปัดแขนจริง และแขนปลอมพร้อม ๆ กัน จากนั้นก็ใช้ค้อนทุบลงในแขนปลอมเข้าอย่างจัง ผลที่ได้ก็คือ พิธีกรชักแขนจริง ๆ ออก พร้อมอุทานด้วยความตกใจ
นอกจากนั้นแล้ว หนูดี ยังได้เล่างานวิจัย ให้ฟังว่า สิ่งที่จะทำให้เราเป็นอัจฉริยะก็คือ การสื่อสารกับสมอง หลัก ๆ มีสองวิธีคือ จิตใต้สำนึก และสำนึก ยกตัวอย่างงานวิจัยเกี่ยวกับการแข่งขันเทนนิสของสองนักกีฬา โดยคนหนึ่งให้ซ้อมจริง เล่นจริง ก่อนการแข่งขันสองสัปดาห์ ส่วนอีกคนให้นั่งอยู่ในห้อง ไม่ให้แตะไม้แร็กเก็ตเลย แต่ให้นึกภาพในขณะที่ตีเทนนิส ว่าจะรับลูกอย่างไร ตีท่าไหน สรุปสุดท้าย เมื่อครบกำหนด ทั้งสองคนตีเทนนิสได้คะแนนสูสีกันมาก ซึ่งเราสรุปได้ว่า เราสามารถใช้ประโยชน์จากจิตใต้สำนึกได้ และจิตใต้สำนึกก็มีความจุมากกว่าสำนึกด้วย โดยสมองจะไม่จำเรื่องกระบวนการ ไม่ว่าเราจะทำจริง หรือแค่คิดจริง แต่ในเมื่อเป้าหมายเราหวังในจุดเดียวกัน สมองมันก็จะจำจนเรานำไปใช้ในชีวิตจริงได้
เมื่อถามว่า เราควรรักษาและถนอมสมองอย่างไร หนูดี บอกว่า เราต้องศึกษาธรรมชาติของตัวเอง อย่างเช่นตัวของตนนั้น ใช้เวลาสองชั่วโมงหลังจากกลับบ้านกว่าจะนอน เพราะฉะนั้น ถ้าตนต้องการนอนสี่ทุ่ม ตนก็ต้องพยายามกลับบ้านให้ทันสองทุ่ม เพื่อที่จะสงบตัวเอง และการนอนนั้น กิจกรรมขณะตอนที่เราหลับใช้พลังงานมากกว่าเราตื่นอีก เพราะสมองจะแอคทีฟตลอดเวลา และบันทึกการทำงานในแต่ละวันจัดสรรปันส่วนให้ลงล็อก แต่ถ้าเรานอนไม่พอ สมองก็จะรวนได้ สำหรับบางคนที่บอกว่า บางวันนอนตอนกลางวันมากกว่าตอนกลางคืนอีก อย่างเช่น นอนตีสี่ตื่นบ่ายสอง การนอนแบบนี้ไม่ได้ช่วยให้สมองพักผ่อน หรือจัดเก็บบันทึกเรื่องราวได้ตามระบบ เพราะสมองเราทำตามวงจรของพระอาทิตย์ ซึ่งช่วงที่พีคที่สุดสำหรับการนอนนั้นก็คือเวลาเที่ยงคืน แต่ถ้าเราฝืนทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งก่อน พอเลยเวลาเที่ยงคืนไปแล้ว เราก็จะไม่ง่วง อีกทั้งยังเป็นการทำลายสมองด้วย
สุดท้าย หนูดี วนิษา เรซ ยังฝากบอกนักเรียน-นักศึกษา ที่จะต้องอ่านหนังสือสอบด้วยว่า อย่าฝืนอ่านท่อง ๆ จำ ๆ ตอนกลางคืน ให้นอนหลับแล้วตื่นมาอ่านตอนเช้า ตื่นสักตีสี่ก็ได้ เพราะสมองเริ่มทำงานช่วงเวลานั้น และการจดจำก็จะดีมากกว่าอ่านตอนกลางคืนอีกด้วย ที่สำคัญ สมองเป็นอวัยวะที่สำคัญที่สุด เพราะฉะนั้นจงดูแลและรักษาเขาให้มาก ๆ เพราะเขาทำงานตลอด 24 ชั่วโมง แล้วเราก็จะได้อยู่กับสมองเฟรช ๆ ใช้งานได้ดีไปอีกนาน
คลิป วู้ดดี้เกิดมาคุย 1/5 หนูดี วนิษา 12 Aug 2012 : เครดิต รายการ วู้ดดี้เกิดมาคุย โพสต์โดย คุณ DuangAesthetic
คลิป วู้ดดี้เกิดมาคุย 2/5 หนูดี วนิษา 12 Aug 2012 : เครดิต รายการ วู้ดดี้เกิดมาคุย โพสต์โดย คุณ DuangAesthetic
คลิป วู้ดดี้เกิดมาคุย 3/5 หนูดี วนิษา 12 Aug 2012 : เครดิต รายการ วู้ดดี้เกิดมาคุย โพสต์โดย คุณ DuangAesthetic
คลิป วู้ดดี้เกิดมาคุย 4/5 หนูดี วนิษา 12 Aug 2012 : เครดิต รายการ วู้ดดี้เกิดมาคุย โพสต์โดย คุณ DuangAesthetic
คลิป วู้ดดี้เกิดมาคุย 5/5 หนูดี วนิษา 12 Aug 2012 : เครดิต รายการ วู้ดดี้เกิดมาคุย โพสต์โดย คุณ DuangAesthetic
คลิป วู้ดดี้เกิดมาคุย 2/5 หนูดี วนิษา 12 Aug 2012 : เครดิต รายการ วู้ดดี้เกิดมาคุย โพสต์โดย คุณ DuangAesthetic
คลิป วู้ดดี้เกิดมาคุย 3/5 หนูดี วนิษา 12 Aug 2012 : เครดิต รายการ วู้ดดี้เกิดมาคุย โพสต์โดย คุณ DuangAesthetic
คลิป วู้ดดี้เกิดมาคุย 4/5 หนูดี วนิษา 12 Aug 2012 : เครดิต รายการ วู้ดดี้เกิดมาคุย โพสต์โดย คุณ DuangAesthetic
คลิป วู้ดดี้เกิดมาคุย 5/5 หนูดี วนิษา 12 Aug 2012 : เครดิต รายการ วู้ดดี้เกิดมาคุย โพสต์โดย คุณ DuangAesthetic