เจาะลึกความสำเร็จ น้องเมย์ รัชนก นักตบขวัญใจชาวไทย


น้องเมย์ รัชนก อินทนนท์
น้องเมย์ รัชนก อินทนนท์


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก Ratchanok Intanon (รัชนก อินทนนท์), รายการ Vip โพสต์โดย คุณ LadyBimbettes สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม

            หลังจากที่ผ่านกีฬาโอลิมปิก ลอนดอนเกมส์ 2012 มาได้ไม่นาน ดูเหมือนว่าตอนนี้ ชื่อของ น้องเมย์ รัชนก อินทนนท์ คงจะเป็นที่รู้จักสำหรับคนไทยทุกคนอย่างแน่นอน เพราะจากผลงานที่ผ่านมาก็การันตีฝีมือการตบลูกขนไก่ของน้องเมย์ได้เป็นอย่างดี จากการโชว์ฟอร์มการตีแบดอย่างยอดเยี่ยมจนเป็นที่ประจักษ์แก่แฟน ๆ ชาวไทยและชาวต่างชาติอีกมากมาย และในที่สุดแววความสามารถที่โดดเด่นนี้เองก็ได้เตะตาสโมสรชิงเต่า จาก "ไชนา ซูเปอร์ลีก" ของประเทศจีน ซึ่งทาบทามให้น้องเมย์ไปเล่นแบดอาชีพอย่างน่าภาคภูมิใจด้วยเช่นกัน

            ดังนั้น รายการวีไอพี เมื่อวันจันทร์ ที่ 13 สิงหาคม จึงไม่รอช้ารุดไปสัมภาษณ์ น้องเมย์ รัชนก อินทนนท์ นักแบดมินตันคนเก่งวัย 17 ปี พร้อมเจาะลึกเรื่องราวความสำเร็จที่กว่าจะมาถึงจุดนี้ของน้องเมย์ต้องฝึกซ้อมและผ่านประสบการณ์อะไรมาบ้าง ลองไปชมกันเลยค่ะ

            ณ โรงเรียนแบดมินตันบ้านทองหยอด  น้องเมย์กำลังฝึกซ้อมแบดมินตันอย่างขะมักเขม้น ซึ่งเมื่อเห็นพิธีกรจากรายการวีไอพี น้องเมย์ก็มานั่งเปิดใจว่า ซ้อมหนัก ๆ แบบนี้ตั้งแต่กลับจากแข่งที่โอลิมปิกแล้ว ช่วงนี้ต้องซ้อมทุกวันเพื่อเตรียมตัวไปแข่งขันที่ประเทศจีน ซึ่งตนได้เซ็นสัญญาไปอยู่ในสโมสรชิงเต่า เป็นเวลา 1 ปี โดยได้ค่าจ้าง 7 หลัก และจะเดินทางไปในวันที่ 23 สิงหาคมนี้

            ย้อนไปเมื่อการแข่งขันโอลิมปิก 2012 ในเกมที่น้องเมย์ต้องพ่ายให้กับ หวัง ซิน มือ 2 ของโลกจากจีน ในรอบ 8 คนสุดท้ายอย่างน่าเสียดายนั้น น้องเมย์ เปิดเผยว่า สาเหตุที่ หวัง ซิน พลิกกลับมาเอาชนะได้ เพราะในเกมที่ 2 ซึ่งตนนำอยู่ 16-9 ตนรีบปิดเกมมากเกินไป และพะวงว่าจะมีเกมที่ 3 จึงตีผิดพลาดไป

            เมื่อถามถึงความรู้สึกของเมย์ที่สามารถเอาชนะ จูเลียน แชงก์ มือ 6 ของโลกจากเยอรมัน ในรอบ 16 คนสุดท้ายได้เป็นอย่างไร เจ้าตัว กล่าวว่า รู้สึกดีใจมาก ๆ เพราะตนเป็นรองเขา แต่ก็คิดว่าทำให้ดีที่สุดก็พอ เพราะนี่เป็นการแข่งขันโอลิมปิกครั้งแรกของตน ก็ถือว่าได้มาหาประสบการณ์ก่อน

เจาะลึกความสำเร็จ น้องเมย์ รัชนก นักตบขวัญใจชาวไทย

            หลังจากนั้น น้องเมย์ก็ได้พาพิธีกรไปพบกับ คุณแม่คำผัน สุวรรณศาลา ซึ่งเป็นแม่บ้านและทำครัวอยู่ที่โรงเรียนแบดมินตันบ้านทองหยอด พร้อมกับเยี่ยมเยียนบ้านของแม่และน้องเมย์ด้วยเช่นกัน ซึ่งเมื่อเข้าไปพิธีกรก็ต้องแปลกใจที่ได้พบกับแผ่นกระดาษ ซึ่งเขียนข้อความเตือนใจของน้องเมย์ที่บริเวณหน้าประตู มีทั้ง "ให้ถามตัวเองทุกวันว่าทำอะไรอยู่?, พยายามถึงที่สุดแล้วหรือยัง?, ทำเพื่อครอบครัวเต็มที่แล้วหรือยัง?, ทำเพื่อประเทศชาติเต็มที่แล้วหรือยัง?, ตัวเองมีเป้าหมายหรือเปล่า?, จริง ๆ แล้วเราควรทำได้ แต่ทำไมยังไม่ได้, ต้องตอบตัวเองให้ได้ ชนะใจตัวเองให้ได้ จึงจะชนะผู้อื่น" โดยน้องเมย์ กล่าวว่า กระดาษนี้ติดไว้ตั้งแต่ก่อนไปโอลิมปิกแล้ว ในช่วงเริ่มต้นเก็บคะแนน เพื่อสร้างกำลังใจให้กับตัวเอง

            เมื่อพิธีกรถามว่าวันที่แข่งแพ้ หวัง ซิน จากจีน ได้โทรศัพท์มาคุยกับแม่เป็นคนแรกเลย คุยอะไรบ้าง เจ้าตัวตอบว่า วันนั้นพูดไปพร้อมด้วยน้ำตา และรู้สึกเสียดาย ซึ่งตอนนั้นเกมเพิ่งจบ ความรู้สึกของตนยังค้างอยู่ ส่วนทางด้านแม่ของน้องเมย์ ก็กล่าวให้กำลังใจเช่นกันว่า ไม่เป็นไร อีก 4 ปี ค่อยสู้ใหม่อีกที แต่ถ้ายังไม่ได้เหรียญจริง ๆ ก็ไม่เป็นไร ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว

            อย่างไรก็ตาม แม้น้องเมย์จะชวดเหรียญทองโอลิมปิกที่ผ่านมา แต่ฝีมือการเล่นแบดมินตันก็เป็นที่ประจักษ์ไปทั่วโลกซึ่งการันตีด้วยแชมป์เยาวชน 3 สมัยนั้น น้องเมย์ ระบุว่า ตำแหน่งแชมป์เยาวชนที่ตนได้ครั้งแรกตอนอายุ 14 ปี ก็ไม่คิดว่าตนเองจะได้แชมป์ เพราะตนเล่นข้ามรุ่นไป 4 ปี จากนั้นก็ได้แชมป์มาตลอด และในปีนี้ตนก็จะเข้าแข่งขันอีกครั้งเช่นกันในเดือนตุลาคม นอกจากนี้ ตนก็ได้รับรางวัล IOC จากสหพันธ์แบดมินตันโลก ซึ่งเป็นรางวัลที่มอบให้แก่คนที่เป็นแรงบันดาลใจของเยาวชน รวมไปถึงแชมป์เวียดนามกรังปรีซ์, อินโดนีเซียกรังปรีซ์โกลด์ และซีเกมส์ ประเภททีมหญิง

            ย้อนกลับไป น้องเมย์ เปิดเผยว่า เริ่มตีแบดตั้งแต่อายุ 6 ขวบ โดย อาปุก-กมลา ทองกร เจ้าของโรงเรียนสอนแบดมินตันบ้านทองหยอด พาไปเล่น เพราะตอนเด็ก ๆ แม่ทำทองหยิบทองหยอดอยู่ในโรงงาน และกลัวว่าน้องเมย์จะซนเป็นอันตราย อาปุกจึงพาไปเล่นแบดมินตันแทน และหลังจากที่ฝึกซ้อมเป็นเวลา 1 ปีเต็ม น้องเมย์ก็เริ่มตระเวนแข่งต่างจังหวัดเมื่ออายุ 7 ขวบ ที่งานอุดรธานีโอเพ่น ซึ่งก็ได้แชมป์ตลอด และแข่งต่างประเทศในรายการยุวชนโลกตอนอายุ 12 ปี

เจาะลึกความสำเร็จ น้องเมย์ รัชนก นักตบขวัญใจชาวไทย

            ด้าน อาปุก กมลา ก็เล่าถึงน้องเมย์ให้ฟังว่า น้องเมย์เป็นเด็กที่มีสมาธิค่อนข้างดี ด้วยอายุและฝีมือขนาดนี้ เรียกได้ว่าเก่งที่สุดของประเทศไทยแล้ว ซึ่งเขาเข้าแข่งขันมาเรื่อย ๆ ทั้งปี ได้แชมป์มาตลอด ทั้งนี้ เป้าหมายของคุณแม่และน้อง รวมถึงทีมงานโค้ชตั้งใจเอาไว้ว่า ภายใน 2 ปี ก่อนไปโอลิมปิก 2016 จะพยายามให้น้องติด Top 5 ให้ได้ และน้องเมย์เองเขาก็ตั้งเป้าไว้ว่าจะเป็นมือ 1 ของโลกให้ได้เช่นกัน ตนก็อยากบอกน้องเมย์ว่า ขอให้มีความมุ่งมั่นต่อไป อดทนเพื่อเป้าหมายที่น้องได้ฝันเอาไว้

            สำหรับการแบ่งเวลาให้กับการเรียนและกีฬานั้น ใน 1 วัน น้องเมย์จะต้องซ้อม 3 รอบ โดยตื่นมาซ้อมตอนเช้าเวลา 5.30-7.00 น. แล้วจึงค่อยแต่งตัวไปโรงเรียน ตอนเย็นซ้อม 16.00-18.00 น. และรอบดึก 19.00-21.00 น. ส่วนเรื่องการออกไปเที่ยว พักผ่อนกับเพื่อนนั้นต้องตัดทิ้งไปโดยปริยาย ซึ่งน้องเมย์กล่าวว่า เวลาที่ฝึกซ้อมตนก็จะคิดเสมอว่าทำเพื่อประเทศชาติก็จะมีกำลังใจขึ้น แม้ว่าจะเคยท้อบ้างเช่นกัน เพราะตอนนี้วิธีการซ้อมก็หนักขึ้น รายละเอียดมากขึ้น บางครั้งก็เครียดที่โค้ชสอนแต่ตนทำไม่ได้ ซึ่งตนก็จะไปร้องไห้กับแม่จากนั้นก็จะหายไปเอง

            สุดท้ายนี้ ทางรายการก็ยังได้ปิดท้ายรายการอย่างประทับใจ โดยในช่วงเทศกาลของวันแม่เดือนนี้ คุณแม่ก็ยังอวยพรน้องเมย์ด้วยว่า ขอให้ลูกเป็นคนดีของแม่ตลอดไป ขณะที่น้องเมย์ก็ไม่น้อยหน้าเซอร์ไพรส์นำพวงมาลัยมาไหว้และอวยพรให้คุณแม่ด้วยเช่นกัน









เรื่องน่าสนใจอื่นๆ
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
เจาะลึกความสำเร็จ น้องเมย์ รัชนก นักตบขวัญใจชาวไทย โพสต์เมื่อ 16 สิงหาคม 2555 เวลา 15:25:23 4,696 อ่าน
TOP
x close