สรุปประเด็นข่าวโดยกระปุกดอทคอม
กสทช. เสียงข้างน้อย หวั่น ประมูล 3G ผิด พ.ร.บ.ฮั้วฯ ขณะที่ ป.ป.ช. ขอดูก่อน ด้าน ศาลสั่งไม่รับฟ้องอีก 2 คดี เหลือแต่คำร้องของกลุ่มกรีนฯ เตรียมยื่นอีกครั้ง 22 ต.ค.
เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม นพ.ประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา กรรมการ กสทช. เสียงข้างน้อยที่ไม่รับรองการประมูล 3 จี กล่าวว่า สาเหตุที่ลงมติไม่รับรองผลการประมูล ในที่ประชุมคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) เนื่องจากเห็นว่าการประมูลครั้งนี้อาจจะผิด พ.ร.บ.ฮั้วฯ เนื่องจากผลการประมูลปรากฏชัดเจนว่า 6 ชุดความถี่จาก 9 ชุด จบที่ราคาตั้งต้นไม่มีการแข่งขันด้านราคา ซึ่งความเห็นตรงนี้ แม้แต่บุคคลภายในคือกระทรวงการคลังเห็นลักษณะนี้ จนมีหนังสือมาถึงสำนักงาน กสทช.ว่า หนึ่ง ปริมาณคลื่นมีพอดี ลงตัวกับปริมาณผู้ประกอบการ สอง การสู้ราคาจบเพียงไม่กี่รอบ และไม่เพิ่มราคา
"ผมจึงขอดูว่าพฤติการณ์การเคาะราคามีเจตนาไม่แข่งขันด้านราคาหรือไม่ ข้อมูลตรงนี้ ทางสำนักงานไม่สามารถเปิดเผยมาให้ผมได้ จนกรรมการเสียงข้างมากลงมติ โดยไม่เห็นข้อมูลนี้ จนผมเป็นคนสุดท้าย ผมได้แจ้งต่อที่ประชุมว่า การลงมติโดยไม่เห็นข้อเท็จจริงที่เป็นสาระสำคัญ จะทำให้มติคำสั่งทางปกครองไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะมติคำสั่งทางปกครองต้องมีข้อเท็จจริงครบถ้วน" นพ.ประวิทย์ กล่าว
ด้าน นายวิชา มหาคุณ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึงกรณีที่รองปลัดกระทรวงการคลังส่งหนังสือเพื่อแจ้งความเห็นถึงการประมูล 3 จี ที่อาจเข้าข่ายผิด พ.ร.บ.ฮั้วประมูลว่า ขณะนี้ตนทราบจากเพียงจากข่าวเท่านั้น ยังไม่เห็นหนังสือที่ส่งมา ซึ่งหากกระทรวงการคลังส่งมาถึงจริง ๆ ก็คงจะมีการแจ้งให้ที่ประชุม ป.ป.ช.ชุดใหญ่ทราบในวันที่ 22 ตุลาคมนี้ จากนั้นที่ประชุมจึงจะทำการพิจารณาถึงหนังสือที่กระทรวงการคลังส่งมาให้ได้ ส่วนจะไต่สวนหรือไม่นั้น ต้องรอให้มีการตรวจสอบข้อมูลเสียก่อน
ขณะที่วันเดียวกัน ศาลปกครองกลางมีคำสั่งไม่รับคำร้องของ นายบุญชัย รุ่งเรืองไพศาลสุข ที่ยื่นฟ้องคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กรณีขอให้เพิกถอนประกาศหลักเกณฑ์และจัดการประมูลใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่สำหรับกิจการโทรคมนาคมเคลื่อนที่สากล ย่าน 2.1 กิกะเฮิรตซ์ โดยระบุว่า คดีนี้ นายบุญชัยประสงค์จะโต้แย้งการกระทำของ กสทช. ที่มิได้นำความคิดเห็นที่ได้จากการรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้เสียและประชาชนทั่วไป ซึ่งศาลเห็นว่าการดำเนินการของ กสทช.ยังไม่ถือว่าเป็นการละเมิดสิทธิของนายบุญชัย
ส่วนที่นายบุญชัยอ้างว่า กสทช.ไม่ปฏิบัติตามมาตรา 28 วรรคหนึ่ง พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม 2553 นั้น ย่อมถือเป็นเหตุแห่งการฟ้องคดีที่นายบุญชัยอาจยกกล่าวอ้างต่อศาลเมื่อมีการละเมิดสิทธิเสรีภาพของนายบุญชัยได้ในภยหลัง ด้วยเหตุดังกล่าวศาลจึงมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องนี้ไว้พิจารณาและให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบ
นอกจากศาลจะมีคำสั่งในคดีนี้แล้ว ศาลยังมีคำสั่งในคดีที่นายพงศ์ฐิติ พงศ์ศิลามณี และนายนราพล ปลายเนตร พนักงาน บมจ.ทีโอที กับพวกยื่นฟ้อง กสทช.ด้วย แต่อยู่ระหว่างแจ้งคู่กรณีทราบ ทำให้ถึงขณะนี้คดีฟ้องยุติการประมูลคลื่น 3 จีจำนวน 6 คดีที่ศาลปกครองกลางได้รับ ศาลได้มีคำสั่งไปแล้วรวม 5 คดี เหลือเพียงคดีที่นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานกลุ่มกรีนยื่นฟ้อง ที่ศาลยังไม่มีคำสั่งออกมา
ด้าน นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน กล่าวว่า การที่ กทค.ใช้มติเสียงข้างมาก 4:1 รับรองการประมูลเพื่อเร่งรัดออกใบอนุญาต 3 จีให้เอกชนนั้น เป็นพฤติกรรมที่น่าเคลือบแคลงสงสัย เหมือนมีการล็อก หรือเซตอัพกระบวนการตั้งแต่ก่อนประมูลจนถึงขั้นตอนหลังประมูล ประมูลเสร็จวันเดียวรวบรัดลงมติรับรองและถัดมาอีกวันเอกชนทั้ง 3 รายก็เอาเงินค่าประมูลไปจ่ายทันที 50% โดยไม่สนใจหนังสือทักท้วงจากกระทรวงการคลังขอเตือนค่ายมือถือทั้ง 3 ราย ที่รวบรัดวางเงินค่าประมูล 50% เท่ากับว่ากำลังเข้าไปมีส่วนร่วมกับการกระทำที่สังคมสงสัยและตั้งข้อสังเกตว่ามีการฮั้วประมูล 3 จีกัน ซึ่งต้องรับผิดทางอาญา ตาม พ.ร.บ.ความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 หรือ พ.ร.บ.ฮั้วประมูล เพราะถือเป็นความผิดสำเร็จแล้ว
นายสุริยะใส กล่าวด้วยว่า วันจันทร์ที่ 22 ตุลาคมนี้ กลุ่มกรีนและเครือข่ายจะไปยื่นกล่าวโทษ กสทช. และบริษัทเอกชนทั้ง 3 ราย ว่ามีพฤติกรรมฮั้วประมูลหรือไม่ และในวันเดียวกันก็จะยื่นเรื่องให้ผู้ตรวจการแผ่นดินเร่งรัดใช้สิทธิทางศาลแทนประชาชนเพื่อร้องให้ศาลปกครองไต่สวนฉุกเฉินระงับการออกใบอนุญาต 3 จีไว้ก่อน
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
