จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ ประวัติหัวหน้าพรรคเพื่อไทย อดีต รมว.มหาดไทย ที่ถูก คสช. อายัดบัญชีทรัพย์สิน เพราะไม่ไปรายงานตัว
จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เป็นอีกบุคคลหนึ่งที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เรียกให้เข้ารายงานตัว ภายหลังเกิดการรัฐประหารขึ้น แต่ทว่า นอกจาก นายจารุพงศ์ จะไม่เข้ารายงานตัวแล้ว ยังได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กแสดงถึงการต่อต้านการรัฐประหารครั้งนี้ พร้อมประกาศขอต่อสู้กับกบฏ จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ นายจารุพงศ์ ถูกสั่งอายัดทรัพย์สิน และตรวจสอบธุรกรรมทางการเงินย้อนหลัง มาย้อนดูประวัติของนักการเมืองผู้นี้กัน
จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ เกิดเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2489 จบการศึกษามาจากคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
และปริญญาโทคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยเมื่อเรียนจบแล้ว
ก็เข้ารับราชการที่สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (สำนักงาน ก.พ.)
เป็นที่แรก
อย่างไรก็ตาม นายจารุพงศ์ มีแนวโน้มสนใจงานด้านการปกครองมากกว่า จึงได้เข้าอบรมหลักสูตรนายอำเภอ รุ่นที่ 16 เมื่อ พ.ศ. 2521 ต่อด้วยหลักสูตรนักปกครองระดับสูง (นปส.) รุ่นที่ 19 เมื่อ พ.ศ. 2527 และหลักสูตรป้องกันราชอาณาจักร จากวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร รุ่นที่ 41 (วปรอ. 4111) เมื่อ พ.ศ. 2541
ทั้งนี้ หลังจากจารุพงศ์อบรมหลักสูตรนายอำเภอรุ่นที่ 16 แล้ว ใน พ.ศ. 2522 ก็ย้ายสังกัดจาก สำนักงาน ก.พ. มา รับงานเป็นนายอำเภอเสิงสาง จังหวัดนครราชสีมา ตามที่ได้รับอบรมมา และการเป็นนายอำเภอครั้งนี้ ก็ถือว่าเป็นนายอำเภอเสิงสางคนแรกอีกด้วย ก่อนที่จะย้ายไปเป็นนายอำเภอดอนเจดีย์ จังหวัดสุพรรณบุรี, นายอำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี และเข้ามาเป็นผู้อำนวยการเขตบางบอน กรุงเทพมหานคร ใน พ.ศ. 2529
เมื่อเข้ามารับราชการในกรุงเทพมหานครแล้ว ตำแหน่งราชการของจารุพงศ์หลังจากนี้ ก็อยู่ในเมืองหลวงตลอดมา เริ่มจาก ใน พ.ศ. 2534 ก็รับตำแหน่งเป็นรองผู้อำนวยการสำนักรักษาความสะอาด กทม. แล้วเลื่อนขั้นเป็นผู้ช่วยปลัดกรุงเทพมหานคร ใน พ.ศ. 2536 จนเข้าสู่ พ.ศ. 2538 จารุพงศ์ก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นนักบริหาร ระดับ 10 ซึ่งหมายถึงดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาชุมชน ผู้อำนวยการสำนักการศึกษา และรองปลัดกรุงเทพมหานคร ตามลำดับ
กระทั่ง พ.ศ. 2545 ซึ่งถือว่าเป็นช่วงบั้นปลายชีวิตราชการแล้ว ด้วยวัย 56 ปี จารุพงศ์ เริ่มเข้าสู่หน่วยงานที่เป็นกระทรวง โดยได้รับตำแหน่งรองปลัดกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์, ปลัดกระทรวงยุติธรรม และปลัดกระทรวงแรงงาน ในเวลาต่อ ๆ มา และได้เกษียณอายุราชการ ใน พ.ศ. 2549
ชีวิตหลังเกษียณของ จารุพงศ์ ได้ก้าวย่างเข้ามาสู่วงการการศึกษา โดยรับตำแหน่งเป็นอธิการบดีมหาวิทยาลัยเอเชียอาคเนย์ ตั้งแต่ พ.ศ. 2549 พ.ศ. 2553
สำหรับเส้นทางการเมืองของ จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ เริ่มต้นจากการเข้าร่วมงานกับพรรคพลังประชาชน กระทั่งพรรคพลังประชาชนถูกยุบ จึงได้ย้ายสู่พรรคเพื่อไทย และได้เป็นเลขาธิการพรรค มีหน้าที่คอยประสานงานกับพรรคร่วมรัฐบาล ต่อมาได้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมในคณะรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ 2 และเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยในคณะรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ 3 ก่อนที่จะได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยต่อจากนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ ในปี 2555
ทั้งนี้ นอกจากสมาชิกพรรคเพื่อไทยจะยอมรับ นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ แล้ว เขายังเป็นบุคคลที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้ความไว้วางใจสูง อีกทั้งยังเป็นที่ยอมรับของกลุ่มคนเสื้อแดงด้วย
อย่างไรก็ตาม นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ ก็มีเรื่องให้สังคมวิพากษ์วิจารณ์เช่นกัน จากการไปขึ้นเวที นปช. ที่จังหวัดนครราชสีมา เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2557 และปราศรัยในทำนองยุยงให้ใช้ความรุนแรง ข่มขู่องค์กรอิสระ ศาล อีกทั้งยังพูดถึงเรื่องการแบ่งแยกดินแดน จึงทำให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติตั้งกรรมการไต่สวน นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ
กระทั่งเกิดเหตุการณ์ทหารเข้าควบคุมอำนาจการปกครองเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 และได้สั่งให้ นายจารุพงศ์ เข้ารายงานตัว แต่นายจารุพงศ์กลับไม่ไปรายงานตัว และยังเขียนข้อความผ่านเฟซบุ๊กแสดงถึงการต่อต้านรัฐประหาร ทำให้ คสช. สั่งอายัดทรัพย์สินและตรวจสอบธุรกรรมทางการเงินของนายจารุพงศ์ทันที
จากนั้น ในวันที่ 25 พฤษภาคม 2557 เจ้าหน้าที่ได้บุกเข้าค้นรีสอร์ทใน อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน ของ นายจารุวงศ์ เรืองสุวรรณ บุตรชายคนโตนายจารุพงศ์ โดยพบวัตถุระเบิด ชิ้นส่วนอาวุธสงคราม และสัตว์ป่าคุ้มครองอีกหลายรายการ จึงได้ตรวจยึดไว้ พร้อมแจ้งข้อกล่าวหา
สำหรับเรื่องชีวิตครอบครัวของจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ นั้น ได้สมรสกับนางสุพัตรา เรืองสุวรรณ มีบุตรด้วยกัน 3 คน คือ นายจารุวงศ์ เรืองสุวรรณ, นางจารุพัตรา อาร์ นีล และนายจารุพันธุ์ เรืองสุวรรณ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
- พรรคเพื่อไทย
