ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
กองทัพบกเสริมเขี้ยวเล็บด้วยการสั่งซื้อปืนใหญ่ เอ็ม 198 จำนวน 54 กระบอก จากสหรัฐอเมริกา รวมมูลค่า 850 ล้านบาท เพื่อเพิ่มศักยภาพหน่วยรบบูรพาพยัคฆ์
เมื่อวานนี้ (21 พฤศจิกายน) รายงานข่าวกองทัพบกแจ้งว่า กองทัพบกสหรัฐอเมริกาได้จัดส่งปืนใหญ่กลางกระสุนวิถีโค้ง เอ็ม 198 จำนวน 54 กระบอก ภายหลังกองทัพบกไทยได้ขอจัดซื้อปืนใหญ่ เอ็ม 198 วงเงินประมาณ 850 ล้านบาท โดยขนส่งมาทางเรือสินค้าจากประเทศสหรัฐอเมริกา และเดินทางถึงประเทศไทยที่ท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี ตั้งแต่เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม ที่ผ่านมา ซึ่งได้ลำเลียงเก็บไว้ที่โรงเก็บภายในพื้นที่ท่าเรือแหลมฉบัง
กระทั่งในวันที่ 20 พฤศจิกายน ได้มีการลำเลียงปืนใหญ่ เอ็ม 198 ไปที่หน่วยรบในกองทัพภาคที่ 1 จ.ปราจีนบุรี จ.ชลบุรี และ จ.กาญจนบุรี ซึ่งในวันที่ 23 พฤศจิกายนนี้ เจ้าหน้าที่คณะกรรมการตรวจรับกรมสรรพาวุธกองทัพบกและเจ้าหน้าที่ของสหรัฐอเมริกา จะทำการเช็กระบบการทำงานและตรวจรับยุทโธปกรณ์ ทั้งนี้ การจัดซื้อปืนใหญ่ดังกล่าว เพื่อทดแทนปืนใหญ่กลางกระสุนวิถีโค้ง เอ็ม 114 เอ1 ขนาด 155 มิลลิเมตร ที่ใช้งานมาตั้งแต่ปี 2503 ตามแผนพัฒนากองทัพบกในการปรับปรุงอาวุธยุทโธปกรณ์ และเติมกำลังรบในพื้นที่ภาคตะวันออกและภาคตะวันตก
นอกจากนี้ แหล่งข่าวระดับสูงจากกองทัพบก ยังระบุว่า ช่วงปี 2552 เจ้าหน้าที่จากกองทัพบกไทยได้เดินทางไปที่สหรัฐอเมริกาเพื่อเลือกซื้อปืนใหญ่ เอ็ม 198 ที่ถูกเก็บไว้ในคลังที่ไม่ได้ถูกนำมาใช้งาน หรือปืนใหญ่ที่ปลดประจำการ ซึ่งใช้การจัดซื้อด้วยระบบความช่วยเหลือทางทหาร Foreign Military Sale (FMS) อย่างไรก็ตาม กองทัพบกไทยได้ขอซื้อ ปืนใหญ่ เอ็ม 198 ขนาด 155 มิลลิเมตร ที่มีคุณภาพดี และให้กองทัพบกสหรัฐฯ ทำการปรับปรุงปืนใหญ่ เอ็ม 198 เพื่อให้อยู่ในคุณภาพที่สมบูรณ์ ซึ่งใช้วงเงินประมาณ 16 - 17 ล้านบาทต่อปืนใหญ่ 1 กระบอก
ทั้งนี้ การใช้งานทางยุทธวิธี ปืนใหญ่ เอ็ม 198 เป็นปืนใหญ่กลางกระสุนวิถีโค้ง รางปืนแบบแยกราง ยิงทีละนัด เครื่องลั่นไกชนิดดึงต่อเนื่อง เครื่องปิดท้ายแบบควงเกลียวเซาะร่องเครื่องรับแรงสะท้อนถอยหลัง แบบไฮโดรนิวเมติด (ของเหลวร่วมกับแก๊ส) ใช้ยิงโดยวิธีเล็งตรงและเล็งจำลองเคลื่อนที่ลากจูงไปด้วยรถ นอกจากในประเทศสหรัฐฯ ที่ใช้ปืนใหญ่ เอ็ม 198 ยังมีกองกำลังที่ถูกส่งไปปฏิบัติภารกิจที่องค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ หรือ นาโต้ และกองพลอาวุธเบาในหลายประเทศใช้ปืนใหญ่ในรุ่นดังกล่าว เนื่องจากเป็นปืนใหญ่ที่สามารถขนส่งทางอากาศได้ทั้งกองพัน
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
