เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก สารวัตรแรมโบ้, รายการเรื่องเล่าเช้านี้, ครอบครัวข่าว 3
อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นบริเวณเชิงสะพานโค้งข้ามห้าแยกลาดพร้าว ระหว่างถนนวิภาวดีรังสิต มุ่งหน้าไปยังถนนพหลโยธิน เมื่อช่วงสายของวันที่ 22 พฤศจิกายน ได้ทำให้ พ.ต.ท.ไกรเดช วิเศรษฐ์ฐิติพันธ์ หรือ สารวัตรแรมโบ้ ต้องสูญเสีย นายภัครพล วิเศรษฐ์ฐิติพันธ์ อายุ 22 ปี ผู้เป็นลูกชายไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ ซึ่งภาพที่ สารวัตรแรมโบ้ หรือ รองผู้กำกับแรมโบ้ ร่ำไห้เข้ากอดศพลูกชายทั้งเครื่องแบบ ได้สร้างความสะเทือนใจต่อผู้พบเห็นเป็นอย่างยิ่ง
สำหรับ พ.ต.ท.ไกรเดช วิเศรษฐ์ฐิติพันธ์ รองผู้กำกับวัย 55 ปี นั้น เคยเปลี่ยนมาแล้วหลายชื่อ ล่าสุดก็เพิ่งเปลี่ยนชื่อมาจาก พ.ต.ท.สุรโชคม์ ปัจจุบันเป็นรองผู้กำกับการ กองกำกับการปฏิบัติการพิเศษ กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 จังหวัดนครราชสีมา และเป็นประธานมูลนิธิป้องกันต่อต้านอาชญากรรม และยาเสพติดในประเทศไทย
ก่อนหน้านี้ พ.ต.ท.ไกรเดช เคยรับราชการอยู่ที่กองปราบปราม สมัยที่ พล.ต.อ.เสรีพิสุทธิ์ เตมียาเวส เป็นผู้บังคับการกองปราบปราม ซึ่งในการรับราชการครั้งนั้น สื่อมวลชนตั้งฉายาให้ว่า "สารวัตรแรมโบ้" และยังเคยดำรงตำแหน่งรองผู้กำกับการ 2 กองปราบปราม
ทั้งนี้ หากใครได้ติดตามข่าวการเสียชีวิตของ นายภัครพล ลูกชายของสารวัตรแรมโบ้ คงได้ยินสารวัตรแรมโบ้ พูดว่า เขาถูกกลั่นแกล้งให้ย้ายไปอยู่ในตำแหน่งที่ไม่ดี ต้องออกไปช่วยราชการต่างจังหวัดนานถึง 8 ปี ทำให้ไม่ได้อยู่ใกล้ชิดลูกชาย เลยเป็นสาเหตุทำให้ต้องสูญเสียลูกชายไปในครั้งนี้ ซึ่งก่อนหน้านี้ พ.ต.ท.ไกรเดช ได้พยายามทำเรื่องเพื่อขอย้ายกลับเข้ามาอยู่กรุงเทพมหานครหลายครั้งแล้ว แต่ไม่เป็นผล
นอกจากนี้ พ.ต.ท.ไกรเดช ยังเคยออกมาเรียกร้องให้คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ กตร. ออกกฎเกณฑ์เรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจ โดยยึดตามลำดับอาวุโสสูงสุดเป็น 100 เปอร์เซ็นต์ เช่นเดียวกับอัยการ หรือศาล เพราะปัจจุบัน การพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายตามลำดับอาวุโสมีเพียง 33% เท่านั้น ส่วนที่เหลือจะพิจารณาจากปัจจัยอื่น ซึ่ง พ.ต.ท.ไกรเดช เห็นว่าไม่เป็นธรรม
อย่างเช่น ในการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจระดับรอง ผบก.-สว. เมื่อช่วงต้นปี พ.ศ. 2554 พ.ต.ท.ไกรเดช พบว่า การแต่งตั้งนายตำรวจดังกล่าวไม่เป็นไปตามลำดับอาวุโส โดยผู้ที่อาวุโสน้อยกว่ากลับได้ไปประจำในโรงพักเกรดเอ ส่วนตำรวจที่อยู่ในอาวุโส 33% หรือ 16 นาย กลับถูกโยกไปอยู่ฝ่ายอำนวยการ โดยเฉพาะคำสั่ง บช.ภ.3 จึงได้เข้าร้องเรียนต่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ หรือ ก.ต.ช. ขณะนั้น เพื่อขอให้ตรวจสอบ ซึ่งแม้ครั้งนั้น พ.ต.ท.ไกรเดช จะไม่มีชื่อในการแต่งตั้งโยกย้าย แต่ที่ออกมาเรียกร้องก็เพราะไม่ต้องการให้มีการแต่งตั้งข้ามลำดับอาวุโสเกิดขึ้นในองค์กรตำรวจเหมือนที่ตนเองเคยประสบมา
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
- เฟซบุ๊ก สารวัตรแรมโบ้
