เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ไทยพีบีเอส
เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2556 สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานว่า โบสถ์คริสต์แห่งความสามัคคี (Unification Church) ณ เมืองกาพยอง ทางตะวันของออกกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ ได้จัดพิธีวิวาห์หมู่สุดชื่นมื่น ซึ่งมีคู่บ่าวสาวต่างเชื้อชาติกว่า 3,500 คู่ เข้าร่วมงาน โดยงานนี้จัดขึ้นหลังการถึงแก่กรรมของซัน เมียง มูน มหาเศรษฐีผู้ก่อตั้งโบสถ์
สำหรับโบสถ์คริสต์แห่งความสามัคคีเริ่มจัดพิธีสมรสหมู่ครั้งแรกในทศวรรษที่ 1960 โดยเริ่มจากหญิงชายเพียงไม่กี่คู่ ก่อนจะเพิ่มจำนวนขึ้นเป็นหลักพันหลักหมื่น และกลายเป็นที่สนใจของสื่อทั่วโลก เนื่องจาก ซัน เมียง มูน จะเป็นผู้คัดเลือกและจับคู่บ่าวสาวด้วยตนเอง ซึ่งนั่นก็หมายความว่า คู่รักที่เข้าพิธีวิวาห์ครั้งนี้หลายคู่เป็นชาวต่างชาติและเพิ่งพบหน้ากัน เพียงไม่กี่วัน
ทั้งนี้ สาธุคุณมูน อ้างว่าตัวเองเป็นผู้ช่วยให้รอดที่ได้รับมอบพันธกิจจากพระผู้เป็นเจ้า หลังพระเยซูทำไม่สำเร็จและสิ้นพระชนม์ไปก่อน เขาตั้งตัวเองเป็นผู้นำลัทธิและจับคู่จัดพิธีวิวาห์หมู่หลายพันคนในหลาย ประเทศจนกลายเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ส่วนใหญ่เขาจะจับคู่ให้แต่งงานกับคนต่างชาติต่างวัฒนธรรม โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างโลกที่มีความหลากหลายทางศาสนาและวัฒนธรรม
สำหรับงานนี้พิธีนี้ถือว่าสำคัญเป็นพิเศษ เนื่องจากได้ ฮัก จา ฮัน ภริยาม่ายวัย 70 ปี ของมูน เป็นประธานในพิธีเป็นครั้งแรกหลังสามีของเธอเสียชีวิต ด้วยโรคปอดบวมเมื่อ 5 เดือนก่อน
โดยนายจิม เดวิดสัน นักศึกษาวัย 21 ปีจากสหรัฐฯ ผู้ซึ่งพ่อชาวออสเตรเลียและแม่ชาวญี่ปุ่นของเขาก็แต่งงานโดยการคัดเลือกของ มูนเช่นกัน ยอมรับว่า เขารู้สึกกังวลอยู่เหมือนกัน แต่แล้วจู่ ๆ เมื่อเธอก็ปรากฏตรงหน้า เขาก็โอเค แม้เราจะต้องใช้ความพยายามสื่อสารกันพอสมควร แต่เรามองว่ามันเป็นความท้าทายที่น่าตื่นเต้น และเป็นบทพิสูจน์ความศรัทธาของเราด้วย
ทั้งนี้ สำหรับคำสอนของโบสถ์แห่งความสามัคคีมีพื้นฐานจากคัมภีร์ไบเบิล แต่อาศัยการตีความใหม่ของซัน เมียง มูน ซึ่งเชื่อว่าตนมีหน้าที่เติมเต็มภารกิจของพระเยซู ในการที่จะทำให้มนุษยชาติกลับไปสู่ภาวะปราศจากบาป โดยเขาอ้างว่ามีผู้ศรัทธาเลื่อมใสหลายล้านคนทั่วโลก แต่นักวิจารณ์หรืออดีตสาวก บอกว่า โบสถ์แห่งนี้มีสมาชิกน้อยกว่านั้นมาก และพยายามล้างสมองคนและแสวงหากำไรจากการทำให้ครอบครัวแตกแยก เนื่องจากสอนให้สาวกเกลียดชังพ่อแม่ผู้ให้กำเนิด และให้ยกย่องเขาและภรรยาว่าเป็นพ่อแม่ที่แท้จริง และหลอกลวงให้บริจาคเงินเข้าองค์กร
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
