เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น เปิดเผยว่า พบศพหญิงแคนาดาแช่อยู่ในแท็งก์น้ำสำหรับใช้ดื่มและอาบ ที่โรงแรมแห่งหนึ่งในลอสแอนเจลิส สยองซ้ำเมื่อพบว่าน่าจะถูกนำมาแช่จนเปื่อยนานกว่า 2 สัปดาห์แล้ว
รายงานระบุว่า โรงแรมแห่งนี้ชื่อว่า เซซิล โฮเต็ล มีแท็งก์น้ำสำหรับใช้ดื่มและอาบติดตั้งอยู่บนดาดฟ้า และเมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ทางโรงแรมก็เริ่มประสบปัญหาน้ำไหลน้อย จนมีลูกค้าหลายคนแจ้งปัญหาเข้ามา ทางโรงแรมจึงให้ช่างขึ้นไปซ่อมเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และก็ต้องช็อก เมื่อพบว่า มีศพผู้หญิงถูกแช่จนเน่าเปื่อยอยู่ในแท็งก์น้ำ ก่อนจะแจ้งตำรวจมาตรวจสอบ
จากการตรวจสอบพบว่า หญิงรายนี้ คือ เอลิซา แลม วัย 21 ปี ชาวแคนาดา เธอเป็นนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยบริทิชโคลัมเบียในแคนาดา และเดินทางมาเที่ยวในสหรัฐฯ โดยเช็กอินเข้าพักในโรงแรมตั้งแต่วันที่ 26 มกราคม ก่อนจะหายตัวไป 5 วันหลังจากนั้น และจากการตรวจสอบสภาพศพ เธอน่าจะเสียชีวิตและถูกนำศพมาทิ้งในแท็งก์น้ำไม่ต่ำกว่า 2 สัปดาห์แล้ว
อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่ยังไม่ทราบสาเหตุของการเสียชีวิต และไม่อาจสรุปได้ว่านี่คือการฆาตกรรมหรือการฆ่าตัวตาย แต่จากการชันสูตรศพเบื้องต้นพบว่า เธอไม่มีร่องรอยเกี่ยวกับการใช้สารเสพติดหรือยาใด ๆ และจากการตรวจปอด พบว่าเธอมีน้ำในปอดปริมาณมาก ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเธอน่าจะเสียชีวิตจากการจมน้ำตาย หรือถูกคนร้ายนำร่างของเธอมาทิ้งลงในแท็งก์ขณะที่เธอยังมีชีวิตอยู่
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบจากภาพจากกล้องวงจรปิด พบว่า ครั้งสุดท้ายที่กล้องจับภาพของเธอได้ คือในวันที่ 31 มกราคม หรือ 5 วันหลังจากที่เธอเช็กอินเข้าพักในโรงแรม เธอได้เดินเข้าไปในลิฟต์ กดขึ้นชั้น 4 และเมื่อออกมาจากลิฟต์ก็มีทีท่าเหมือนกับกำลังมองหาใครสักคนอยู่ ก่อนจะเดินเข้าไปในลิฟต์อีกครั้ง และออกมายืนนอกลิฟต์ พร้อมโบกมือแล้วเดินหายไป
ขณะที่ทางครอบครัวของเธอที่แคนาดานั้น ได้เข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเกี่ยวกับการหายตัวไปของเธอในวันที่ 31 มกราคม หลังจากที่เธอไม่ยอมติดต่อกลับมา ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านั้นเธอจะติดต่อหาครอบครัวทุกวัน
ส่วนทางด้าน ซาบีนา และไมเคิล โบห์ คู่รักชาวอังกฤษที่เข้าพักในโรงแรมดังกล่าวก่อนหน้าที่จะพบศพ ได้เปิดเผยประสบการณ์อันน่าขยะแขยงในช่วงเวลาที่พวกเขาเข้าพักในโรงแรมว่า พวกเขาสังเกตว่าน้ำในโรงแรมนี้ไหลน้อยมาก พอเปิดก๊อกแล้ว น้ำจะเป็นสีดำอยู่ประมาณ 2 วินาที ก่อนจะกลับมาใสเป็นปกติ ส่วนรสชาติของน้ำนั้น เมื่อลองชิมแล้วรู้สึกว่ามันแปลก ๆ และเป็นอะไรที่แย่มาก จนไม่อาจจะอธิบายได้เลย สุดท้ายก็เลยตัดสินใจเช็กเอาท์ออกไปจากโรงแรมแห่งนี้ ไม่เคยคิดเลยว่าจะเกิดเรื่องน่าสยดสยองแบบนี้ขึ้น
นอกจากนี้ มีรายงานว่า หลังเกิดเหตุ ลูกค้าในโรงแรมต่างกังวลอย่างหนักว่า การดื่มและใช้น้ำแช่ศพเข้าไปตลอดช่วงเวลาที่พวกเขาเข้าพักนั้น มีความเสี่ยงต่อสุขภาพ หรือจะทำให้เกิดอันตรายใด ๆ หรือไม่ ขณะที่ทางโรงแรม ไม่มีการรับผิดชอบใด ๆ ไม่มีการจ่ายเงินคืนสำหรับลูกค้าที่กำลังจะเข้าพักและเปลี่ยนใจ อันเนื่องมาจากเหตุสยองดังกล่าว นอกจากนี้ ยังไม่ยอมให้สัมภาษณ์ใด ๆ เกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าวด้วย
ขณะที่ทางด้านกรมสุขภาพลอสแอนเจลิส ได้เข้ามาตรวจสอบสภาพน้ำแล้ว ก่อนจะเปิดเผยกับผู้จัดการโรงแรมว่า ผลการตรวจสภาพน้ำ ไม่พบแบคทีเรียที่เป็นอันตรายใด ๆ ซึ่งอาจเป็นเพราะคลอรีนได้ทำให้น้ำสะอาดขึ้น และทางโรงแรมยังคงเปิดให้บริการต่อไปได้อยู่ ตราบใดที่ยังมีน้ำดื่มเป็นขวด ๆ ให้ลูกค้าได้ดื่ม พร้อมมีคำเตือนให้ลูกค้างดดื่มน้ำจากก๊อก อย่างไรก็ดี ล่าสุด ทางโรงแรมได้ปิดการจองห้องพักแล้ว และจะเปิดให้จองห้องพักอีกครั้งในวันที่ 1 มีนาคมนี้
