เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ธนาคารแห่งประเทศไทย, เฟซบุ๊ก We Slender
ชาวเน็ตพากันแชร์เปรียบเทียบแบงก์พันจริง-ปลอม เห็นข้อแตกต่างชัดเจน แต่เมื่อตรวจสอบแล้วพบว่า เป็นของจริงทั้งคู่ แต่เป็นคนละรุ่น ใช้ชำระหนี้ตามกฎหมายได้เหมือนกัน
วันนี้ (28 มีนาคม) ในโลกไซเบอร์ได้มีการแชร์รูปภาพธนบัตรฉบับละ 1,000 บาท เปรียบเทียบกัน ซึ่งมาจากเฟซบุ๊ก We Slender ที่ได้โพสต์รูปธนบัตร ฉบับละ 1,000 จำนวน 2 ฉบับ มาเปรียบเทียบกัน พร้อมข้อความระบุว่า "ฝากเพื่อน ๆ ช่วยกัน "แชร์" ด้วยนะคะ ปลอมได้เหมือนมาก ๆ" โดยทางเพจดังกล่าวได้ทำเครื่องหมายชี้ให้เห็นความแตกต่างของธนบัตรทั้ง 2 ใบ ที่อ้างว่าใบหนึ่งเป็นของปลอมที่ทำเลียนแบบของจริง
อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการตรวจสอบไปยังเว็บไซต์ของธนาคารแห่งประเทศไทย ปรากฏว่า ธนบัตรฉบับละ 1,000 บาท ทั้ง 2 ใบที่เห็นในภาพนั้นเป็นของจริงทั้งคู่ แต่เป็นคนละรุ่น ภาพบนเป็นธนบัตรฉบับละ 1,000 บาท รุ่นที่ 1 ประกาศใช้เมื่อปี 2542 ส่วนภาพล่างเป็นรุ่น 2 ประกาศใช้เมื่อปี 2548 และเป็นธนบัตรที่ใช้ในปัจจุบันนี้ ซึ่งธนบัตรฉบับละ 1,000 บาท รุ่น 1 แม้จะมีจำนวนธนบัตรหมุนเวียนอยู่ในมือประชาชนไม่มากนักก็ตาม แต่ก็ยังคงเป็นธนบัตรที่ชำระหนี้ได้ตามกฎหมายเช่นกัน
ทั้งนี้ เว็บไซต์ของธนาคารแห่งประเทศไทย หรือแบงก์ชาติ มีวิธีสังเกตธนบัตรปลอมเพื่อให้ประชาชนสามารถตรวจสอบและสังเกตได้ด้วยตัวเอง ด้วย 3 วิธีง่าย ๆ คือ สัมผัส ยกส่อง และพลิกเอียง
คลิกเพื่อดูภาพขนาดใหญ่
1. การสัมผัส
กระดาษธนบัตรรัฐบาลทำจากกระดาษที่มีใยฝ้ายเป็นส่วนประกอบหลัก จึงมีความแกร่ง ทนทาน และไม่ยุ่ยง่าย เมื่อจับสัมผัสจะให้ความรู้สึกแตกต่างจากกระดาษทั่วไป ธนบัตรปลอมทำจากกระดาษคุณภาพต่ำ เมื่อถูกใช้เปลี่ยนมือเพียงไม่กี่ครั้งเนื้อกระดาษก็จะนิ่มเป็นขุยและยุ่ยง่าย
ลวดลายเส้นนูน เกิดจากการพิมพ์เส้นนูนโดยใช้แม่พิมพ์ที่มีร่องหมึกลึกและใช้แรงกดพิมพ์สูงหมึกพิมพ์จึงนูนขึ้นมาจากเนื้อกระดาษ อีกทั้งภาพและลายเส้นที่ได้จะมีรายละเอียดคมชัด เหมาะสำหรับการพิมพ์ภาพประธาน เช่น พระบรมฉายาสาทิสลักษณ์ หรือส่วนที่ต้องการเน้นให้เด่นชัด ลวดลายเส้นนูนสามารถสัมผัสและรู้สึกได้ที่ตัวเลขแจ้งชนิดราคามุมขวาบน ตัวอักษรคำว่า รัฐบาลไทย ตัวอักษร และตัวเลขไทยแจ้งชนิดราคาด้านหน้าธนบัตร เมื่อใช้ปลายนิ้วมือลูบสัมผัสบริเวณดังกล่าว จะรู้สึกถึงการนูนของหมึกพิมพ์มากกว่าบริเวณอื่น
2. ยกส่อง เพื่อสังเกตสิ่งที่อยู่ในเนื้อกระดาษและลวดลายซ้อนทับ
2.1 ดูลายน้ำ เมื่อยกธนบัตรรัฐบาลขึ้นส่องดูกับแสงสว่าง จะเห็นลายน้ำพระบรมฉายาสาทิสลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอย่างชัดเจนทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ภาพลายน้ำนี้เกิดขึ้นในขั้นตอนการผลิตกระดาษที่ทำให้เนื้อกระดาษมีความหนาแน่นไม่เท่ากัน จึงทำให้เห็นเป็นภาพที่มีการไล่ระดับของแสงเงาอ่อนแก่คล้ายภาพสามมิติ ไม่ใช่ภาพแบนราบเหมือนธนบัตรปลอมที่เลียนแบบด้วยการพิมพ์ภาพลงบนผิวกระดาษ นอกจากลายน้ำพระบรมฉายาสาทิสลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแล้ว ยังมีลายน้ำรูปลายไทยที่มีความโปร่งแสงเป็นพิเศษประดับควบคู่ไว้อีกด้วย
2.2 ดูแถบสีโลหะในเนื้อกระดาษ ธนบัตรรัฐบาลทุกชนิดราคามีแถบสีโลหะฝังในเนื้อกระดาษตามแนวตั้งบนแถบมีตัวเลขและตัวอักษรโปร่งแสงขนาดเล็กแจ้งชนิดราคาธนบัตรสามารถมองเห็นและอ่านได้ทั้งสองด้านเมื่อยกธนบัตรส่องดูกับแสงสว่าง สำหรับธนบัตรชนิดราคา 500 บาท และ 1,000 บาท จะมีบางส่วนของแถบสีโลหะปรากฏให้เห็นเป็นระยะ ๆ ที่ด้านหลังของธนบัตร เมื่อยกขึ้นส่องดูกับแสงสว่างจะเห็นเป็นเส้นต่อเนื่อง มีตัวเลขและอักษรโปร่งแสงขนาดเล็กแจ้งชนิดราคาธนบัตรเช่นเดียวกัน
2.3 ภาพซ้อนทับ เกิดจากการพิมพ์สีพื้นด้วยเครื่องพิมพ์ที่สามารถพิมพ์ภาพได้ทั้งสองด้านในเวลาเดียวกัน ทำให้ส่วนของลวดลายที่ออกแบบไว้ในตำแหน่งตรงกันของด้านหน้าและด้านหลังธนบัตรทับกันสนิทหรือประกอบกันขึ้นเป็นลวดลายหรือภาพที่สมบูรณ์
3. พลิกเอียง เพื่อสังเกตการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
หมึกพิมพ์พิเศษสลับสี ที่ตัวเลขแจ้งราคามุมขวาบนของธนบัตรชนิดราคา 500 บาท และ 1,000 บาท พิมพ์ด้วยหมึกชนิดพิเศษ เมื่อพลิกธนบัตรไปมาสีของตัวเลข 500 จะเปลี่ยนสลับจากสีเขียวเป็นสีม่วง ส่วนสีของตัวเลข 1,000 ด้านบนจะเปลี่ยนสลับจากสีทองเป็นสีเขียว แถบฟอยล์สีเงินผนึกอยู่บนด้านหน้าเบื้องซ้ายของธนบัตรชนิดราคา 100 บาท 500 บาท และ 1,000 บาท จะมองเห็นเป็นหลายมิติแตกต่างกันตามชนิดราคา และจะเปลี่ยนสีสะท้อนแสงวาววับ เมื่อพลิกเอียงธนบัตรไปมา
ตัวเลขแฝง ซ่อนอยู่ในลายประดิษฐ์มุมล่างซ้ายของธนบัตรทุกชนิดราคา เมื่อยกธนบัตรเอียงเข้าหาแสงสว่างและมองผ่านจากมุมล่างซ้ายเข้าหากึ่งกลางธนบัตรในมุมที่เหมาะสม จะเห็นตัวเลขอารบิกแจ้งชนิดราคาธนบัตรฉบับนั้น
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
