สรุปประเด็นข่าวโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก สปริงนิวส์
พงศพัศ เผยผลตรวจ ร็อคซี่ แม็กซิม แม่ของเด็กและเด็กในคลิป ไม่พบสารเสพติด แต่ต้องแยกเด็กให้ห่างจากสภาพแวดล้อมแบบเดิม เมื่อสภาพแวดล้อมของแม่เด็กดีขึ้นจึงให้เด็กกลับมาอยู่กับแม่อีกครั้ง
จากกรณีที่ ร็อคซี่ แม็กซิม หรือ น.ส.ขวัญใจ เข็มประดับ โพสต์คลิป "สอนเด็กดมเค" ความยาว 1.17 นาที ลงในเว็บไซต์ยูทูบ ปรากฏภาพกำลังสอนเด็กชายวัย 3 ขวบ ให้เสพยาเค จนเกิดเสียงวิจารณ์หนาหู ก่อนที่ ร็อคซี่ แม็กซิม จะเดินทางมาชี้แจงต่อเจ้าหน้าที่เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคมที่่ผ่านมาว่า ผงสีขาวที่เห็นเป็นแค่แป้งเท่านั้น และตนไม่ได้เป็นผู้สอนเด็ก ตามที่เสนอข่าวไปก่อนหน้านั้น
ความคืบหน้าในวันนี้ (5 พฤษภาคม) เมื่อเวลา 10.30 น. พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รอง ผบ.ตร. และ เลขาธิการ ป.ป.ส. ได้เชิญ ร็อคซี่ แม็กซิม พร้อมด้วย น.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 20 ปี มารดาของเด็กในคลิป และยายของเด็ก มาเข้าพบเพื่อตรวจหาสารเสพติด โดยได้เข้าหารือเรื่องการคุ้มครองเด็กว่าจะดูแลเด็กอย่างไร ร่วมกับแพทย์จากสถาบันธัญญารักษ์ เจ้าหน้าที่จากกระทรวงพัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์ นักสังคมสงเคราะห์ นักจิตวิทยา
โดยหลังจากการหารือสิ้นสุด พล.ต.อ.พงศพัศ ได้เผยว่า ผลการตรวจปัสสาวะของ ร็อคซี่ แม็กซิม น.ส.เอ และเด็ก ออกมาแล้ว ปรากฏว่า เป็นเนกาทีฟทั้งหมด คือไม่มีสารเสพติดในร่างกายแต่อย่างใด และในวันอังคารที่ 7 พฤษภาคมนี้ ทั้ง 3 คนจะต้องเดินทางไปสถาบันธัญญารักษ์เพื่อตรวจร่างกาย และทำการตรวจหาสารเสพติดอย่างละเอียดอีกครั้ง โดยเด็กต้องมีการตรวจจากเส้นผมเพื่อยืนยันผลด้วย
อย่างไรก็ตาม น.ส.เอ ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ขณะที่ น.ส.ขวัญใจ สอนให้ลูกชายเลียนแบบการเสพยาเค ได้ยืนยันต่อเจ้าหน้าที่ว่า เศษผงสีขาวเป็นเพียงแป้งเท่านั้น ไม่ใช่ยาเสพติด และอยากให้เรื่องราวนี้เป็นอุทาหรณ์ย้ำเตือนพ่อแม่ในการดูแลลูกด้วย
ด้าน ร็อคซี่ แม็กซิม เผยว่า รู้สึกเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น ยอมรับว่าทำไปเพราะความสนุก แต่ยืนยันว่าเป็นแค่ผงแป้งเท่านั้น วันนี้ผลตรวจก็ยืนยันแล้วว่าตัวเองไม่มีสารเสพติด และในตอนนี้ก็อยากขอร้องให้ชาวเน็ตเลิกแชร์เลิกโพสต์เรื่องดังกล่าว และขอให้เห็นใจเพราะตนเองก็ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดมานานแล้ว ก่อนหน้านี้ก็เป็นเรื่องของความอยากทดลองเท่านั้น
ทั้งนี้ พล.ต.อ.พงศพัศ เผยว่า สำหรับอนาคตของเด็กนั้น ทาง ป.ป.ส. กระทรวงพัฒนาสังคมฯ และครอบครัว ได้หารือกันแล้ว จะให้เด็กอยู่ในสภาพแวดล้อมเดิมที่แม่ทำงานตอนกลางคืนโดยทิ้งเด็กอยู่ตามลำพังไม่ได้ จึงตัดสินใจร่วมกันให้เด็กไปอยู่กับยายที่ จ.นครสวรรค์ และให้เรียนหนังสือที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง เป็นการชั่วคราวก่อน เพื่อให้ห่างสภาพแวดล้อมเดิม และห่างจากกลุ่มวัยรุ่นที่เกี่ยวข้องกับการทำงานกลางคืนของแม่ และในระหว่างนั้นจะมีเจ้าหน้าที่ของกระทรวงพัฒนาสังคมฯ ที่ จ.นครสวรรค์ คอยติดตามดูแล ส่วนทาง ป.ป.ส.ก็จะติดตามดูพฤติกรรมและการทำงานของแม่เด็ก หากสภาพแวดล้อมดีขึ้นก็จะให้กลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
