เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก นาวี โชติรัตน์
หนุ่มสุราษฎร์ หอบสินสอดเงินสด 200,000 บาท พร้อมทองอีก 5 บาท เข้าสู่ขอหนุ่มชาวนครศรีฯ หลังคบหากันมา 14 ปี
เมื่อวานนี้ (18 พฤษภาคม 2556) เวลา 09.00 น. ที่บ้านเลขที่ 108 หมู่ 3 ต.ท่าโรงช้าง อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี มีการจัดงานแต่งงานระหว่างผู้ชายกับผู้ชาย โดยเจ้าบ่าวคือนายสมชาติ บุญมี (นัท) ครูโรงเรียนอนุบาลแห่งหนึ่ง จ.สุราษฎร์ธานี วัย 34 ปี ได้ยกขันหมาก พร้อมสินสอดเป็นเงินสด 200,000 บาท, ทองรูปพรรณน้ำหนัก 5 บาท เข้าสู่ขอนายนาวี โชติรัตน์ (ดล) พนักงานฝ่ายบัญชีของสถานบริการน้ำมัน มีภูมิลำเนาอยู่ที่ จ.นครศรีธรรมราช ทั้งนี้ งานแต่งงานดังกล่าวมีแขกมาร่วมงานกว่า 100 คน นอกจากนี้ในตอนกลางคืน ก็ยังมีงานเลี้ยงฉลอง ซึ่งผู้ร่วมงานจะเน้นแต่งกายด้วยโทนสีม่วง เพื่อสื่อให้เห็นถึงสัญลักษณ์ของเพศที่ 3 ภายใต้ชื่องาน รักไม่ได้เห็นด้วยตา แต่สัมผัสด้วยใจ
ด้านนายนาวี เจ้าสาว เปิดเผยว่า ตนและนายสมชาติ คบกันมา 14 ปีแล้ว และตอนนี้ก็พร้อมที่จะใช้ชีวิตคูด้วยกัน จึงได้ปรึกษากับญาติของทั้งสองฝ่าย เพื่อทำให้ถูกต้องตามประเพณี อย่างไรก็ตาม ในตอนแรกญาติก็ทำใจรับไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยเฉพาะนางสมบูรณ์ บุญมี แม่ของเจ้าบ่าว วัย 77 ปี ถึงขั้นล้มป่วยเข้าโรงพยาบาล สุดท้ายตนและนายสมชาติ ต้องอธิบายว่า การแต่งงานของเราสองคนไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้ใคร และการที่เราสองคนได้อยู่กินกันมาระยะหนึ่งอย่างไม่มีปัญหา แสดงให้เห็นว่า ความรักไม่ได้เกิดขึ้นระหว่างหญิงและชายเท่านั้น
นอกจากนี้ นายนาวี ยังเปิดเผยว่า อยากให้ผู้มีอำนาจด้านกฎหมาย ออกกฎหมายคู่สมรสเพศที่ 3 ให้สามารถจดทะเบียนได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายได้ ซึ่งตนหวังว่า การแต่งงานของตน จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้สังคมยอมรับการแต่งงานร่วมเพศมากขึ้น ขอแค่เพียงเรากล้าที่จะทำและบอกให้สังคมรับรู้
ขณะที่นายสมชาติ เจ้าบ่าว เปิดเผยว่า รู้จักกับเจ้าสาวตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยราชภัฎสุราษฎร์ธานี โดยคบหากันเป็นเพื่อนสนิทในตอนแรก ก่อนที่จะแยกย้ายกันไปทำงานหลังเรียนจบ และกลับมาคบกันอีกครั้ง ในฐานะคนรักกว่า 14 ปีแล้ว
ด้านนางบุญเตือน โชติรัตน์ มารดาของนายนาวี เจ้าสาว วัย 59 ปี เปิดเผยว่า รู้อยู่แล้วว่าลูกชายอยู่กินกับนายนาวีแบบสามีภรรยา แต่คิดไม่ถึงว่าจะถึงขั้นจัดงานแต่งงาน ซึ่งในตอนแรกที่นายนาวีเอ่ยถึงเรื่องนี้ ตนก็คัดค้านหัวชนฝา เพราะกลัวญาติ ๆ อับอาย เหตุมาจากลูกคนอื่นต่างทำงานมีหน้ามีตาในสังคมกันทั้งนั้น สุดท้าย ทางพี่น้องของนายนาวีก็ยืนยันว่า มันเป็นสิทธิ์ และไม่ได้สร้างความเดือดร้อนแก่ใคร ตนจึงยินยอมในที่สุด
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
