เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก รายการเรื่องเล่าเช้านี้ โพสต์โดย คุณ Lakornhd Thaitv สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม
กฝภ. พิษณุโลก แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน แจงเหตุตัดไฟ ทำตามระเบียบหลังผ่อนปรนแล้ว ด้านชาวบ้านและหน่วยงานต่าง ๆ ได้ระดมเงินและให้ความช่วยเหลือ เหตุสลด 2 พี่น้อง
จากกรณีที่บ้านของ นางชุติกาญจน์ พลนอก อายุ 39 ปี ซึ่งตั้งอยู่ใน จ.พิษณุโลก ค้างค่าไฟ 441 บาท จนถูกตัด ทำให้นางชุติกาญจน์ต้องซื้อเทียนไขจุดให้ลูกชายและลูกสาววัย 13 กับ 9 ขวบ ทำการบ้านอยู่ที่บ้าน ส่วนผู้เป็นแม่ออกไปทำงานที่ร้านหมูกระทะใกล้บ้าน แต่เทียนได้ลุกลามไปติดมุ้ง ทำให้ไฟไหม้บ้านคลอกลูกชายและลูกสาวเสียชีวิตอย่างน่าเวทนา เมื่อคืนวันที่ 21 พฤษภาคม 2556 นั้น
ล่าสุดมีรายงานว่า เมื่อวานนี้ (22 พฤษภาคม 2556) พ.ต.อ.เนรมิต ดุสิตากร ผู้กำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 31 ได้นำถุงยังชีพพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เดินทางไปมอบให้ครอบครัวของ นางชุติกาญน์ โดยมีนางทองหยิบ เนื้อไม้ อายุ 60 ปีพี่สาว เป็นตัวแทนรับมอบถุงพระราชทานในครั้งนี้ เนื่องจากนางชุติกาญจน์ ยังต้องนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลพุทธชินราช ซึ่งก็สร้างความปลาบปลื้มกับครอบครัว "พลนอก" อย่างหาที่สุดมิได้
ขณะที่นายนพคุณ แถมพยัคฒ์ นายกเทศมนตรีตำบลหัวรอ ได้นำเจ้าหน้าที่ไปกางเต็นท์หน้าบ้านที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ โดยนายนพคุณ กล่าวว่า เป็นเหตุการณ์ที่สลดใจมาก เนื่องจากบ้านหลังนี้เพิ่งสร้างเสร็จใหม่ และครอบครัวนี้ก็อยู่กันตามลำพัง 3 คน เพราะแม่เด็กแยกทางกับสามีแล้ว ดังนั้นเทศบาลตำบลหัวรอ กำลังดำเนินการช่วยเหลือครอบครัวพลนอกอย่างเต็มที่ ทั้งการช่วยเหลือซ่อมแซมบ้าน การช่วยเหลือทำศพผู้เสียชีวิต วงเงินช่วยเหลือของเทศบาลตำบลหัวรอเบื้องต้นประมาณ 50,000 บาท และอาจจะหาแนวทางช่วยเหลือในการช่วยสร้างบ้านพักให้ใหม่
ด้าน พระครูสิทธิธรรมวิภัช เจ้าอาวาสสัดราชบูรณะและชมรมสื่อมวลชนจังหวัดพิษณุโลก ได้มอบเงินช่วยเหลือ เพื่อเป็นขวัญและกำลังให้แก่ครอบครัวของนางชุติกาญจน์ ที่กำลังพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลพุทธชินราช โดยพบว่า นางชุติกาญจน์ ยังอยู่ในอาการโศกเศร้า และร้องไห้ตลอดเมื่อบอกเล่าถึงเหตุการณ์ไฟไหม้บ้านครั้งนี้
จากนั้นเมื่อเวลา 14.30 น. ที่สำนักงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดพิษณุโลก ถนนพุทธบูชา อ.เมือง จ.พิษณุโลก นายนิวุฒิ ธรรมาธิกรณ์ชัย ผู้จัดการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จ.พิษณุโลก และนางอัมพร อยู่พุ่ม หัวหน้าแผนกบัญชีและประเมินผล ได้แถลงข่าวกับสื่อมวลชนกรณีการตัดกระแสไฟฟ้าบ้านนางชุติกาญน์
โดย นายนิวุฒิ กล่าวว่า ตนเองหลังจากทราบเรื่องรู้สึกตกใจและเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งในส่วนของการไฟฟ้าคงช่วยอะไรไม่ได้ เพราะเราดำเนินการตามระเบียบที่วางไว้ แต่หากเป็นการช่วยเหลือส่วนตัว ตนนำพวงหรีดหรือเงินไปช่วยทำบุญทำได้ สำหรับผู้ใช้บริการรายนี้ จากการตรวจสอบพบว่า มียอดชำระ 441 บาท 14 สตางค์ วันสุดท้ายครบกำหนดชำระเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2556 เป็นค่าไฟฟ้าของเดือนเมษายน 2556
ซึ่งการไฟฟ้าได้ตัดไฟเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2556 ถือว่าได้ผ่อนปรนให้แล้ว ปกติการไฟฟ้าได้กำหนดการชำระเงินไว้ในรอบบิลแจ้งหนี้ จาก 7 วัน เพิ่มเป็น 10 วัน จากนั้นจะให้เวลาอีก 3 วัน รวมระยะเวลา 13 วัน หากยังไม่ชำระเงินทางบริษัทเอกชนที่รับเหมาจากการไฟฟ้าจะออกไปดำเนินการตัดไฟกับผู้ที่ค้างชำระทันที ซึ่งระเบียบของทางบริษัทเอกชนที่ออกไปตัดไฟ คือจะมีแบบฟอร์มไปให้ หากผู้ใช้ไฟฟ้ารายใดไม่พร้อมไปชำระเงิน สามารถขอผ่อนผันได้ จะยืดเวลาให้เพิ่มอีก 1 วัน นอกจากนี้ จุดรับแจ้งเหตุขัดข้องกระแสไฟฟ้าเป็นอีกจุดที่รับแจ้งเหตุตลอด 24 ชั่วโมง สามารถผ่อนผันให้ได้แต่ต้องชำระเงินกับทางเจ้าหน้าที่เป็นค่าติดตั้ง
อย่างไรก็ตาม หลังจากมีข่าวดังกล่าว บริษัทเอกชนที่รับเหมาตัดไฟฟ้า ได้หารือเพื่อปรับปรุงคุณภาพใหม่ โดยอาจคิดดอกเบี้ยลูกค้าที่ไม่พร้อมชำระ แล้วให้เวลา 3 เดือนจึงค่อยตัดไฟ เพราะไม่ต้องทำให้ประชาชนผู้ใช้ไฟเดือดร้อน และคงต้องเสนอเรื่องนี้ต่อบอร์ดการไฟฟ้า เพื่อพิจารณาความเป็นไปได้อีกครั้ง เป็นการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก
ด้านนางชุติกาญจน์ที่ยังคงรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล ได้ให้สัมภาษณ์โดยยืนยันว่า ในวันเกิดเหตุตนเองก็อยู่ในบ้านและมีรถจอดอยู่หน้าบ้าน แต่เจ้าหน้าที่จากการไฟฟ้าที่มาทำการตัดหม้อแปลงไฟ ไม่ได้เรียกหรือแจ้งให้ตนทราบเลยแม้แต่น้อย จนกระทั่งไฟดับตนจึงนึกได้ว่าลืมจ่ายค่าไฟ กระทั่งต้องซื้อเทียนมาจุดให้ลูกทำการบ้าน ก่อนจะเกิดเหตุสลดดังกล่าว
