ตีสิบ น้องปลาหมอจมน้ำ แต่รอดตายเพราะปาฏิหาริย์ และปฐมพยาบาลดี

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก รายการตีสิบ โพสต์โดย คุณ ThaiTvShow8 สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม

            หัวใจคนเป็นพ่อเป็นแม่... กับวินาทีที่ลูกไร้ลมหายใจต่อหน้าต่อตา ความรู้สึกตอนนั้นคงเหมือนโลกทั้งใบหยุดหมุน ถึงแม้ว่าร่างกายของลูกจะแน่นิ่งเสมือนร่างไร้วิญญาณ แต่ความหวังที่เห็นลูกฟื้นยังไม่หมดออกไปจากหัวใจของพ่อและแม่อย่างแน่นอน... และบางครั้งความหวังก็อาจจะสร้างปาฏิหาริย์ให้เกิดขึ้นก็เป็นได้

            เฉกเช่นเรื่องราวอันน่าทึ่งของครอบครัวธรรมประโชติ ที่เกือบสูญเสียลูกชายคนเล็กไปอย่างไม่มีวันกลับจากการจมน้ำ แต่การช่วยชีวิตอย่างถูกต้องในเบื้องต้น และปาฏิหาริย์ ก็ได้เรียกลูกชายของเขากลับมาสร้างรอยยิ้มได้เหมือนเดิม
 
            โดยคุณพ่อศรัณ ได้เล่าเรื่องผ่านรายการ ตีสิบ (25 มิถุนายน 2556) ให้ฟังว่า ย้อนไปเมื่อช่วงต้นเดือนเมษายน ตนกับภรรยาพาลูก ๆ ไปเที่ยวในวันหยุดยาวที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งในวันที่ 7 เมษายนนั้น ได้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน...เหมือนโลกทั้งใบถล่มลงมาต่อหน้าต่อตา

            คุณพ่อศรัณ เล่าว่า ตนกับภรรยามีลูกชายสองคน คือปลากริม คนโต และปลาหมอคนเล็ก อายุ 5 ขวบย่าง 6 ขวบ ไปเที่ยวกันที่หัวหิน และวันที่ 7 เมษายน ได้พาลูก ๆ ไปเล่นน้ำที่ริมทะเลหน้าโรงแรมแต่เช้า จากนั้นก็เรียกลูกบอกว่าไปเล่นน้ำในสระที่โรงแรมต่อดีกว่า แล้วก็พาลูกขึ้นจากทะเล ส่วนภรรยาตนก็ไปเตรียมอาหารเช้าให้ลูก ๆ ตรงล็อบบี้หน้าโรงแรม ขณะที่ตนก็นั่งเฝ้าลูกชายคนเล็กอยู่ที่สระน้ำ

            "ผมเฝ้าอยู่สักพักก็เดินไปช่วยภรรยาหากับข้าวให้ลูก ตอนนั้นไม่ได้กังวลอะไร เพราะคิดว่าลูกเราเรียนว่ายน้ำมาบ้างแล้ว ถึงแม้ว่าจะไม่แข็ง แต่ก็รู้ว่าสระเด็กเป็นอย่างไร สระใหญ่ห้ามไป ตรงไหนตื้นตรงไหนลึก พอผมเข้าไปช่วยภรรยาเอากับข้าวมาวางที่โต๊ะเรียบร้อย ก็บอกภรรยาว่า ให้ไปตามลูก ๆ มากินข้าว...." คุณพ่อศรัณ กล่าว

            ด้านคุณแม่เอ๊ะ เล่าต่อว่า "พอเอ๊ะไปที่สระน้ำก็ไม่เจอปลาหมอแล้ว ในใจคิดว่าอาจจะไปห้องน้ำ แต่ในใจลึก ๆ ก็กลัวว่าลูกจะจม เลยวิ่งไปดูที่สระผู้ใหญ่ทันที เอ๊ะก็เห็นลูกเราอยู่ที่ก้นสระแล้ว"

            คุณแม่เอ๊ะ กล่าวต่อว่า วินาทีนั้นไม่ทันได้คิดอะไรเลย กระโดดลงไปพาลูกขึ้นมาจากสระทันที สระน้ำก็ลึกมาก มิดหัวของตนเลย เมื่อตนพาลูกขึ้นมาจากสระเสร็จ เห็นสภาพลูกท้องป่อง น้ำลายฟูมปาก ตาปิดไม่สนิท เลยรีบจับชีพจรก็พบว่าหัวใจไม่เต้นแล้ว เห็นร่างของลูกเป็นศพไปแล้ว...จะปฐมพยาบาลก็ทำไม่เป็น ตะโกนเรียกคนมาช่วย แล้วก็ผละจากตัวลูก ช็อกมาก ในใจคิดว่าเสียลูกไปแล้ว


            ขณะที่น้องปลาหมอถูกคุณแม่เอ๊ะช่วยขึ้นมาจากสระ คุณพ่อศรัณเห็นเหตุการณ์ก็รีบวิ่งมาดูทันที โดยคุณพ่อบอกว่า สภาพลูกตอนนั้นเหมือนร่างไร้วิญญาณแล้ว ทวารทั้ง 5 เปิด น้ำลายฟูมปาก มีอุจจาระออกมา ตอนนั้นตนก็คิดว่าเสียลูกไปแล้วเช่นกัน แต่เห็นลูกเป็นแบบนั้นก็ทำใจอยู่นิ่งไม่ได้ เลยพยายามปั๊มหัวใจ จำท่ามาจากในหนัง กดเข้าไปที่หน้าอก สลับกับเป่าปากลูก แต่ลูกตนก็ยังไม่ตอบสนองอะไร อีกทั้งยังมีเลือดออกมาจากปากอีกด้วย...

            "พอผมเห็นเลือดออกมาจากปาก ก็ถอยออกเลย เพราะกลัวลูกเจ็บ และขณะที่ผมผละออกมานั้น ก็มีชาวต่างชาติ ทราบภายหลังว่าเป็นคุณหมอจากออสเตรเลีย เข้ามาช่วย โดยถามผมว่าลูกจมน้ำนานหรือยัง ผมก็ตอบไปว่าประมาณ 15 นาที แล้วเขาก็ลงมือปั๊มหัวใจให้ลูกผม แต่เขาทำอย่างใจเย็นมาก ๆ ทำท่าเหมือนผมแต่ค่อนข้างนิ่งมากกว่า ซึ่งในใจผมคิดว่าทำไมเขาไม่ทำให้มันเร็วกว่านี้นะ ทำไมเขาไม่รีบ สักพักก็มีฝรั่งเข้ามาแสดงตัวอีก ตอนนั้นผมก็คิดว่าเป็นหมอเหมือนกัน ทราบภายหลังว่าเป็นทหารอากาศจากอเมริกา เขาเข้ามาถามไถ่คุณหมอออสเตรเลีย แล้วคุณหมอก็ใจเย็นมาก ๆ ผละมือจากอกลูกไปเช็กแฮนด์กันอีก ในใจผมก็บอกว่าอะไรเนี่ย ทำไมจะใจเย็นอะไรขนาดนั้น ต่อจากนั้นเขาทั้งคู่ก็ปรึกษากันถึงการช่วยชีวิตแล้วก็ลงมือช่วยชีวิตลูกผมต่อ" คุณพ่อ กล่าว

            หลังจากนั้นไม่นานรถทางโรงแรมก็ไปส่งที่โรงพยาบาลกรุงเทพหัวหิน โดยฝรั่งสองคนนั้นก็ไปด้วย พอไปถึงโรงพยาบาลถ้านับตั้งแต่ลูกตนจมน้ำก็ราว 40 นาที คุณหมอก็ใช้เครื่องกระตุ้นหัวใจจนชีพจรลูกมาแล้ว ส่วนคุณหมอชาวออสเตรเลียบอกว่า ตอนนี้หัวใจลูกตนกลับมาเต้นแล้ว แต่สิ่งที่น่ากังวลก็คือ ลูกชายอาจจะมีผลกระทบกระเทือนทางด้านสมอง และอาจจะเป็นเจ้าชายนิทราไปตลอดชีวิต เพราะหัวใจหยุดเต้นนานทำให้ออกซิเจนไม่ไปเลี้ยงสมอง
 
            คุณพ่อศรัณ กล่าวต่อว่า พอได้ยินดังนั้น ตนก็เลยโทรฯ หาโรงพยาบาลเกี่ยวกับโรคสมองทันทีก็ยังไม่มีการตอบกลับใด ๆ เพราะตรงกับวันหยุด แต่จู่ ๆ ก็มีโรงพยาบาลจุฬาฯ ติดต่อมา ซึ่งไม่ใช่โรงพยาบาลที่อยู่ในช้อยส์ แต่พี่ที่อยู่กรุงเทพฯ ประสานให้ และทางโรงพยาบาลที่นี่ก็เตรียมนำตัวลูกไปส่งต่อไปโรงพยาบาลจุฬาฯ ทันที

            "แต่การส่งตัวลูกไปโรงพยาบาล ไม่ใช่เป็นการส่งตัวไปเฉย ๆ เพราะลูกขาดออกซิเจนไปเลี้ยงสมองเป็นเวลานาน คุณหมอเลยทำการน็อกสมองลูก เหมือนวิธีการน็อกปลา โดยเอาเจลเย็นมาอัด ๆ เต็มตัว อัดทุกส่วนของร่างกาย ลดอุณหภูมิร่างกายให้เย็นลด ให้สมองหยุดทำงาน เพราะสมองบวม แต่ปัญหาอยู่ที่หมอกลัวว่าลูกจะทนความหนาวไม่ไหว กลัวลูกจะช็อกเสียก่อน เลยฉีดมอร์ฟีนลดความเจ็บปวดให้ ผมทราบแค่นี้ แล้วเขาก็ส่งลูกผมแช่แข็งไปโรงพยาบาลจุฬาฯ "


            เมื่อไปถึงยังโรงพยาบาลจุฬาฯ คุณหมอที่นั่นชมว่า เป็นเคสส่งตัวที่ดีมาก เตรียมคนไข้และปฐมพยาบาลมาอย่างดี ทางโรงพยาบาลไม่ได้ทำอะไรไปมากกว่ารับงานต่อ จากนั้นก็ต้องฟรีซตัวน้องปลาหมอให้ครบ 72 ชั่วโมง ซึ่ง 72 ชั่วโมง หรือ 3 เต็ม ๆ ทางโรงพยาบาลไม่สามารถตอบอะไรได้ว่าน้องปลาหมอจะฟื้นหรือไม่ฟื้น

            72 ชั่วโมงที่ยาวนาน สร้างความทรมานให้กับผู้เป็นพ่อเป็นแม่เป็นอย่างมาก ทั้งคู่ต่างนั่งสวดมนต์ ภาวนา บนบานศาลกล่าว ทำอะไรก็ได้ที่คิดว่าจะช่วยให้ลูกฟื้น จนกระทั่งครบ 72 ชั่วโมง ผู้เป็นพ่อไปรออยู่หน้าห้องของลูกอย่างใจจดใจจ่อ รอความหวังสุดท้าย... คือการปลุกลูกให้ตื่น
   
            คุณศรัณ เล่าว่า เมื่อครบ 72 ชั่วโมง คุณหมอก็จะเพิ่มอุณหภูมิร่างกายให้เท่ากับคนปกติ แต่ลูกก็ยังไม่ฟื้น คุณหมอเลยใช้เข็มจิ้มเพื่อดูการตอบสนองของกราฟ แต่ก็ยังไม่มีการตอบสนองแต่อย่างใด ในใจตนอยากจะถามคุณหมอชัด ๆ เลยว่า ลูกจะมีเปอร์เซ็นต์ฟื้นกี่เปอร์เซ็นต์ ใจหนึ่งก็อยากจะรู้คำตอบ แต่อีกใจหนึ่งก็กลัวคำตอบ ส่วนคุณหมอก็บอกว่า กรณีนี้อาจจะต้องรออีก 2 วัน เพราะที่ลูกยังไม่ตื่นอาจจะมีผลจากฤทธิ์ยาสลบก็เป็นได้ คำพูดของหมอในตอนนั้น ตนคิดว่ามันเป็นเพียงแค่คำปลอบใจ ความหวังที่ลูกจะไม่เป็นเจ้าชายนิทราดูริบหรี่เหลือเกิน

            "ในใจผมตอนนั้น มันมีแต่คำวิงวอน คำวิงวอนที่ผมไปบนบานศาลกล่าวให้ลูกฟื้น ให้ลูกกลับมา.. ไม่ว่าจะสภาพไหนก็ตาม ผมจะบวชให้... ต่อจากนั้น ผมก็เข้าไปหาลูกในห้อง จับมือลูกแล้วบอกกับลูกว่า ปลาหมอ พ่อไม่เคยห่างหนูเลยนะ พ่อจะอยู่กับหนูทุกวินาที ปลาหมอได้ยินพ่อไหมลูก..." คุณศรัณ เล่าด้วยเสียงสั่นเครือ

            แต่ใครเลยจะรู้ว่าปาฏิหาริย์จะเกิดขึ้นจริง ๆ เมื่อสิ้นเสียงที่พ่อเรียกลูกชายด้วยความรัก ลูกชายก็มีปฏิกิริยาตอบสนองด้วยการบีบมือของพ่อ ด้านคุณศรัณ เห็นดังนั้น ก็พยายามเรียกลูกอีก ลูกก็กำมือแล้วพยักหน้า จากนั้นคุณศรัณก็ไม่รอช้า รีบเรียกหมอให้เข้ามาดูในทันที  ด้านคุณหมอก็บอกว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะต้องรอดูอาการอีก 2 วัน แต่พอคุณหมอเข้ามาดู ปลาหมอก็กำมืออีกครั้ง ซึ่งคุณหมอก็บอกว่าให้ตนออกไปรอข้างนอกก่อน ให้น้องปลาหมอได้พักผ่อน แล้วคุณหมอก็เดินออกมาคุยกับตน ความหวังที่ริบหรี่ก็เริ่มสว่างไสวขึ้นมาทันตาเห็น

            ขณะที่คุณศรันกับคุณหมอกำลังพูดคุยถึงอาการอยู่นั้น เป็นจังหวะที่พยาบาลเข้าไปทำความสะอาดร่างกายให้น้องปลาหมอพอดี และระหว่างที่พยายามเปิดผ้าปิดตาของน้องปลาหมอออก จู่ ๆ น้องปลาหมอก็ลืมตาขึ้นมา พยาบาลจึงตะโกนเรียก.. "คุณพ่อน้องปลาหมอ น้องปลาหมอตื่นแล้วค่ะ"

            คุณศรัณ กล่าวว่า ได้ยินดังนั้น ตนวิ่งเข้าไปหาลูกทันที ลูกลืมตาแป๋วเหมือนเด็กเพิ่งตื่น และพยายามจะพูดแต่ก็พูดไม่ได้ชัดเพราะมีท่อต่ออยู่ในปาก แต่ลูกก็พยายามเรียกตนว่า พ่อตี๋ พ่อตี๋ แล้วพยายามตะเกียกตะกายมาหาตน ส่วนคุณหมอก็ไปตรวจดูที่กราฟสมอง แล้วก็บอกกับตนว่า... ปาฏิหาริย์เกิดขึ้นแล้ว น้องปลาหมอเหมือนเด็กเพิ่งตื่นนอน เป็นปกติดีทุกอย่าง


            ส่วนทางรายการก็ได้เชิญน้องปลาหมอ หรือเด็กชายปาฏิหาริย์ ธรรมประโชติ มาพูดคุยกันด้วย โดยน้องปลาหมอน่ารัก ตอบคำถามฉะฉาน และฉลาดตอบมาก ๆ สร้างเสียงหัวเราะให้กับคนในห้องส่งเป็นอย่างมากเลยทีเดียว ซึ่งคุณพ่อศรัณบอกว่า หลังจากที่น้องปลาหมอฟื้น ก็บ่นหิวข้าว เมื่อถามถึงช่วงที่หลับไป น้องปลาหมอไม่ยอมตอบ และนิ่ง เหมือนกับรู้สึกผิดที่ทำให้ทุกคนเดือดร้อน เนื่องจากวันนั้นคุณพ่อได้กำชับแล้วว่า ไม่ให้ปลาหมอไปเล่นสระผู้ใหญ่ ส่วนชื่อของน้องปลาหมอก็เปลี่ยนจากเดิมเป็นเด็กชายปาฏิหาริย์ เพราะว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นมันเป็นปาฏิหาริย์จริง ๆ และหลังจากวันที่น้องปลาหมอฟื้นได้วันเดียว วันรุ่งขึ้นก็อายุครบ 6 ขวบเต็มพอดี จึงถือว่าการเปลี่ยนชื่อก็เหมือนการเกิดใหม่

            สุดท้ายนี้ ทางรายการได้เชิญ พญ.นลินาสน์ ขุนคล้าย คณะกรรมการมาตรฐานการช่วยชีวิต สมาคมแพทย์โรคหัวใจ มาให้คำแนะนำช่วยชีวิตคนอย่างถูกวิธีหลังจมน้ำ โดยเริ่มต้นจากให้โทรศัพท์ติดต่อไปยังโรงพยาบาล แล้วก็ลงมือช่วยปั๊มหัวใจ โดยการกดลงไปตรงกลางอก ไม่ต้องกลัวซี่โครงหัก เพราะซี่โครงจะเป็นตัวสปริงอัตโนมัติอยู่แล้ว จากนั้นปั๊มหัวใจ 30 ครั้ง สลับกับเป่าปาก แล้วก็ทำอย่างนี้ประมาณ 5 ครั้ง เพื่อรอรถพยาบาลมา และแนะนำไม่ให้ขับรถไปโรงพยาบาลเอง เพราะบ่อยครั้งที่คนขับมักจะตกใจและขับรถจนเกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อน  ส่วนการโทรหาเบอร์ฉุกเฉินช่วยคนจมน้ำที่เบอร์ 1669 ก็อยากจะให้ตั้งสติ ไม่ใช่บอกอาการ แล้วก็วางหูไป โดยไม่ได้บอกทาง แล้วพอโทรกลับก็ไม่สามารถติดต่อได้ ซึ่งเคสนี้เป็นเคสที่เจอบ่อยมาก

            สำหรับความเชื่อที่ว่า ให้เขย่าตัว หรือเอาเด็กห้อยหัวน้ำจะออกมาแล้วจะฟื้นนั้นเป็นความคิดที่ผิดจริง ๆ เพราะคนจมน้ำถ้าหัวใจหยุดเต้น เราก็ต้องปั๊มหัวใจจากภายนอก เพื่อกระตุ้นให้ชีพจรเต้นอีกครั้ง การเขย่าเพื่อเอาน้ำออกเป็นวิธีที่ใช้ไม่ได้ผล
 
            อย่างไรก็ตาม การที่น้องปลาหมอกลับมาเป็นปกติได้อีกครั้งไม่ใช่แค่ปาฏิหาริย์อย่างเดียว แต่เป็นการช่วยเหลือที่ถูกวิธี.. ส่วนความรักของคนเป็นพ่อเป็นแม่ ต่อให้ลูกสิ้นลมหายใจอยู่ตรงหน้า ก็ยังมีความหวัง และทำได้ทุกอย่างเพื่อให้ลูกมีชีวิตกลับมาอีกครั้ง




**หมายเหตุ : ช่วงสนทนา น้องปลาหมอจมน้ำ เริ่มนาทีที่ 40.45