Thailand Web Stat

ประวัติ พล.ต.ท. คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง อดีต ผบช.น.


คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก สปริงนิวส์

          ประวัติ พล.ต.ท. คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง อดีต ผบช.น. เจ้าของสโลแกน มีวันนี้เพราะพี่ให้ ล่าสุด ถูกรวบคาสนามบินนาริตะ หลังพกอาวุธปืนขึ้นเครื่องบิน ขณะเตรียมบินกลับไทย เมื่อวันที่ 22 มิถุนายนที่ผ่านมา

          ชื่อของ พล.ต.ท. คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) กลายเป็นประเด็นร้อนขึ้นอีกครั้ง หลังจากที่ก่อนหน้านี้เคยเป็นข่าวครึกโครมจากกรณีที่ พล.ต.ท. คำรณวิทย์ เปิดห้องทำงาน แล้วมีภาพที่ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กำลังติดยศให้ พล.ต.ท. คำรณวิทย์ ติดอยู่ พร้อมกับมีข้อความบนภาพว่า "มีวันนี้ เพราะพี่ให้" ซึ่งทำให้ถูกฝ่ายที่อยู่ตรงข้ามกับรัฐบาล วิพากษ์วิจารณ์ว่าไม่เหมาะสม

          มาคราวนี้ ประเด็นเดิมถูกจุดความร้อนแรงขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อทางผู้ตรวจการแผ่นดิน ได้ทวงถามถึงกรณีที่ยื่นหนังสือต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ตรวจสอบเรื่องดังกล่าว เพราะการที่ พล.ต.ท. คำรณวิทย์ ไปพบกับ พ.ต.ท. ทักษิณ ซึ่งเป็นนักโทษหนีคดี ถือว่าทำให้ตำรวจไทยเสื่อมเสียเกียรติยศ แต่เรื่องกลับเงียบหาย ซึ่งเรื่องนี้ พล.ต.อ. อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. ชี้แจงว่า ยังไม่เห็นเอกสารดังกล่าว

          ด้าน พล.ต.ท. คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ยืนยันว่า การประดับยศเป็นประเพณี และเป็นการให้เกียรติกับตำรวจรุ่นพี่ที่นับถือโดยไม่มีเจตนาอย่างอื่น หากผลสอบเรื่องนี้ออกมาว่าตนกระทำผิดตนก็พร้อมที่จะน้อมรับ ลาจากเก้าอี้ ผบช.น. โดยไม่ขัดข้องและไม่โกรธแค้นใคร จะกลับไปรักษาผู้ป่วยที่คลินิกฝังเข็มของตัวเอง

          ซึ่งหลังจากนั้น ชื่อของ พล.ต.ท. คำรณวิทย์ ก็เริ่มจางหายไปจากหน้าหนังสือพิมพ์ จนกระทั่งเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2558 สื่อกลับมาให้ความสนใจกับเรื่องราวของ พล.ต.ท. คำรณวิทย์ อีกครั้ง หลังมีข่าวว่า พล.ต.ท. คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง อดีต ผบช.น. ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจประเทศญี่ปุ่นควบคุมตัว ในข้อหามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครอง ที่สนามบินนาริตะ ซึ่งเรื่องนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็ออกมาเปิดเผยว่าเป็นเรื่องจริง และ พล.ต.ท. คำรณวิทย์ ให้การรับสารภาพกับตำรวจญี่ปุ่นว่า อาวุธปืนดังกล่าวเป็นของตนจริง พร้อมแสดงเอกสารประจำตัวข้าราชการตำรวจ และเอกสารเกี่ยวกับอาวุธปืนต่อเจ้าหน้าที่ญี่ปุ่น อีกทั้งยังระบุอีกว่า ไม่รู้ว่าตนลืมอาวุธปืนไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่

          อย่างไรก็ดี หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ทางการทูตไทยประจำประเทศญี่ปุ่นได้เข้าไปประสานในเรื่องการดำเนินคดีให้กับ พล.ต.ท. คำรณวิทย์ แล้ว

          สำหรับประวัติ พล.ต.ท. คำรณวิทย์ หรือบิ๊กแจ๊ด เกิดเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2495 ที่ จ.ปทุมธานี มีชื่อเล่นว่า แจ๊ด จบการศึกษาเป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นที่ 30 เริ่มเข้ารับราชการตำรวจตั้งแต่ปี 2528 ในตำแหน่งผู้บังคับกองร้อยที่ 2 กองกำกับการ 1 โรงเรียนนายร้อยตำรวจ ต่อมาได้ย้ายมาเป็นสารวัตรสืบสวน สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ ในปี 2530

คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง

          หน้าที่การงานของ พล.ต.ท. คำรณวิทย์ นับว่าเติบโตอย่างรวดเร็ว หากนับจากปี 2528 เขาใช้เวลาเพียง 6 ปี ก็ได้ขึ้นเป็นสารวัตรใหญ่แล้ว โดยตำแหน่งสารวัตรใหญ่ที่ได้รับเป็นครั้งแรก อยู่ที่ สภ.ดอนเจดีย์ จ.สุพรรณบุรี ก่อนที่จะถูกย้ายไปดำรงตำแหน่งเดิม แต่เป็นโรงพักอื่น คือ สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ จ.ปทุมธานี และ สภ.หาดใหญ่ จ.สงขลา

          จากการดำรงตำแหน่งสารวัตรใหญ่ พล.ต.ท. คำรณวิทย์ ก็ใช้เวลา 3 ปี ถึงได้เลื่อนขั้นเป็นรองผู้กำกับการ สภ.หาดใหญ่ ซึ่งตำแหน่งนี้ พล.ต.ท. คำรณวิทย์ ก็ถูกโยกย้ายไปประจำสถานีตำรวจต่างสถานที่ อาทิ สภ.เมืองสมุทรปราการ, สภ.เพ จ.ระยอง และ สภ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์

          ในปี 2539 พล.ต.ท. คำรณวิทย์ ก็ได้รับตำแหน่ง ผู้กำกับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 7 รั้งตำแหน่งได้ 4 ปี ก็ย้ายไปเป็นรองผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.สมุทรสงคราม ก่อนย้ายกลับมาเป็นรองผู้บังคับการกองปราบปราม ในปี 2543

          อย่างไรก็ดี เมื่อ พ.ต.ท. ทักษิณ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ชีวิตราชการตำรวจของ พล.ต.ท. คำรณวิทย์ เติบโตอย่างรวดเร็ว เรียกได้ว่าเป็นมือสำคัญที่ช่วย พ.ต.ท. ทักษิณ ปราบผู้ก่อความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ รั้งตำแหน่งผู้บังคับการตำรวจภูธรนราธิวาส ในปี 2546 ก่อนถูกย้ายไป จ.ตราด และกลับมาเป็นผู้บังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ ปี 2547

          ทั้งนี้ ในปี 2546 นี้เอง พล.ต.ท. คำรณวิทย์ ก็ได้รับยศ พล.ต.ต. (ตำแหน่งในขณะนั้น)

          ในปี 2548 พล.ต.ท. คำรณวิทย์ ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้บังคับการกองปราบปรามการกระทำผิดต่อเด็ก เยาวชน และสตรี ซึ่งเป็นตำแหน่งรุ่นบุกเบิก และขยับมาเป็นรองผู้บัญชาการประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ปี 2550 ก่อนรั้งตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 เป็นตำแหน่งต่อมา


          เมื่อตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ว่างลง พล.ต.ท. คำรณวิทย์ จึงรักษาการตำแหน่งเอาไว้ ในปี 2554 แล้วย้ายมาดำรงตำแหน่งรักษาการผู้บัญชาการตำรวจนครบาล แทน พล.ต.ท.วินัย ทองสอง พร้อมกับเลื่อนขั้น พล.ต.ต. คำรณวิทย์ เป็น พล.ต.ท. ในปัจจุบัน ก่อนที่จะได้รับตำแหน่งถาวรในปี 2555

          ด้านชีวิตครอบครัว พล.ต.ท. คำรณวิทย์ แต่งงานกับ ดร.ศรีปริญญา ธูปกระจ่าง มีบุตรด้วยกัน 2 คน เป็น ชาย 1 หญิง 1 ซึ่งในปัจจุบันนี้ บุตรทั้ง 2 ของ พล.ต.ท. คำรณวิทย์ ก็แต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝาเรียบร้อยแล้ว

          อย่างไรก็ดี พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ก็ยังมีชีวิตอีกมุมหนึ่งที่น่าสนใจและหลายคนอาจจะยังไม่ทราบ นั่นก็คือ ตัวเขาเองได้เปิดคลินิกรักษาโรคนานาชนิด ทั้งโรคปวดข้อ เหน็บชา ภูมิแพ้ เบาหวาน ฯลฯ ด้วยการแพทย์แผนจีน โดยเปิดร้านที่ชมรมถ้ำเสือเมืองปทุม ถ.เลียบคลองเจ็ดฝั่งตะวันออก ต.รังสิต อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี ซึ่ง พล.ต.ท. คำรณวิทย์ ก็เปิดเผยถึงเรื่องนี้ว่า ได้ความรู้การแพทย์แผนจีนมาในช่วงที่เป็น ผบ.กองร้อย 2 โรงเรียนนายร้อยสามพราน จึงนำมาเปิดรักษาในวันหยุดของตน ซึ่งตรงกับวันอาทิตย์ เปิดมาแล้วกว่า 3 ปี มีลูกค้าจำนวนมาก ส่วนค่าใช้จ่ายในการรักษาตนไม่คิด คิดแต่ค่าครู 19 บาทเท่านั้น ป้องกันไม่ให้ของเข้าตัว เพราะเป็นการรักษาด้วยไสยศาสตร์

          แต่ว่าหลังจากที่ พล.ต.ท. คำรณวิทย์ ได้รับตำแหน่ง ผบช.น. แล้ว ก็เปิดรับรักษาที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล ตั้งแต่จันทร์ถึงศุกร์ เวลา 16.30-18.00 น. อีกด้วย

          ทั้งหมดนี้ก็คือ เส้นทางชีวิตของ พล.ต.ท. คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง หรือ "บิ๊กแจ๊ด" ซึ่งเป็นชื่อที่วงการตำรวจเรียกกัน

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ประวัติ พล.ต.ท. คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง อดีต ผบช.น. อัปเดตล่าสุด 26 มิถุนายน 2558 เวลา 11:09:53 207,821 อ่าน
TOP
x close