

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ครอบครัวข่าว 3
จุฬาราชมนตรี ออกประกาศวันอีฎิ้ลฟิตริ หรือ วันออกบวช อิสลาม 2556 ตรงกับวันที่ 8 สิงหาคม 2556
เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2556 นายอาศิส พิทักษ์คุมพล จุฬาราชมนตรี ออกประกาศ เรื่อง กำหนดวันอีฎิ้ลฟิตริ ประจำปีฮิจเราะห์ศักราช 1434 ว่า ตามที่ จุฬาราชมนตรี ได้ประกาศให้พี่น้องชาวไทยมุสลิมทั่วประเทศ ดูดวงจันทร์เพื่อกำหนดวันที่ 1 ของเดือนเชาวาล (วันอีฎิ้ลฟิตริ) ประจำปีฮิจเราะห์ศักราช 1434 ในวันพุธที่ 7 สิงหาคม 2556 เวลาหลังดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้านั้น ปรากฏว่า ในวันและเวลาดังกล่าว มีผู้เห็นดวงจันทร์ ทางจุฬาราชมนตรี จึงประกาศว่า วันอีฎิ้ลฟิตริ ประจำปีฮิจเราะห์ศักราช 1434 ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ 8 สิงหาคม 2556
สำหรับ วันอีฎิ้ลฟิตริ มีความหมายว่า วันรื่นเริงเนื่องในการครบรอบเข้าสู่สภาพเดิมหรือเทศกาลของการเข้าสู่สภาพเดิม คือ สภาพที่ไม่ต้องอดอาหาร ในระหว่างเดือนรอมฎอน (เดือนที่ 9 ของศักราชอิสลาม) มุสลิมจะถือศีลอดเป็นเวลา 1 เดือน (ดังได้กล่าวไว้แล้วข้างต้น) ซึ่งบางคนเรียกว่าถือบวช ฉะนั้น วันอีฎิ้ลฟิตริ คือวันรื่นเริงที่กลับสู่สภาพเดิมคือไม่ต้องถือบวช จึงนิยมเรียกวันนี้ว่า "วันออกบวช" หรือ "วันอีดเล็ก" นั่นเอง
และในวันอีฎิ้ลฟิตริ พี่น้องชาวไทยมุสลิม จะมีการปฏิบัติตน ดังนี้
1. ห้ามถือศีลอดในวันอีดอมัร อิบนุ อัล-ค็อฏฏอบ กล่าวใน
คุฏบะฮ์ ว่า โอ้ พวกท่านทั้งหลายแท้จริงท่านรอซูล (ซ.ล.) ได้ห้ามพวกท่านไม่ให้ถือศีลอดในสองวันอีด วันแรกเป็นวันที่พวกท่านออกจากการถือศีลอด และอีกวันหนึ่งเป็นวันที่พวกท่านกินเนื้อกุรบาน
2. กล่าวตักบีร ตักบีรเป็นคํากล่าวหลักของวันอีดทั้งสอง ดังนั้นจึงต้องกล่าวตักบีรฺให้มาก ๆ ในคืนวันอีดทั้งสอง ทั้งที่บ้าน ในมัสยิด และตามถนนหนทาง เพื่อเป็นการป่าวประกาศไปทั่วทุกซอกซอย ซึ่งชัยชนะและความต้อนรับการมาเยือนของวันอีด
3. จ่ายซะกาตฟิฏเราะฮฺและเชือดสัตว์กุรบาน
4. อาบน้ำชําระร่างกาย ซุนนะฮฺให้อาบน้ำชําระร่างกายช่วงเช้าตรู่ของวันอีด และขจัดสิ่งที่ไม่พึงประสงค์ออกจากร่างกาย (เช่น ขจัดขนลับ ตัดเล็บ ตกแต่งหนวด และทรงผม เป็นต้น)


อย่างไรก็ตาม เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (8 สิงหาคม 2556) ที่ จ.ยะลา นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา อดีตประธานรัฐสภา ผู้ว่าราชการ จ.ยะลา และเครือข่ายองค์กรมุสลิมในพื้นที่ ได้ทำพิธีละหมาด เนื่องในโอกาสวันตรุษอีฎิ้ลฟิตริ หรือ ฮารีรายอปอซอ ฮิจเราะห์ศักราช 1434 ประจำปี 2556 หลังจากถือศีลอดมาตลอดระยะเวลา 1 เดือนเต็ม โดยมีชาวไทยมุสลิมกว่า 3,000 คน ร่วมประกอบพิธีละหมาดในครั้งนี้ ซึ่งหลังจากประกอบพิธีเสร็จแล้ว แต่ละครอบครัวจะมีการรับประทานอาหารร่วมกัน เพื่อต้อนรับวันตรุษอีฎิ้ลฟิตริ
ขณะเดียวกัน ชาวไทยมุสลิมนับหมื่นคนได้พาลูกหลานเข้าทำความสะอาดกูโบร์โต๊ะอาเยาะห์สุสานเก่าแก่ และร่วมทำพิธีเฉลิมฉลองวันฮารีรายออีฎิ้ลฟิตริเช่นกัน ทั้งนี้ ผู้ร่วมงานทั้งหมดยังร่วมกันระลึกถึงเหตุการณ์ยิง นายยะโก๊บ หร่ายมณี อิหม่ามประจำมัสยิดกลางปัตตานี จนเสียชีวิต เมื่อวันที่ 5 สิงหาคมที่ผ่านมาด้วย
นอกจากนี้ ในพื้นที่ ต.สากอ อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส ซึ่งเป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ พบว่า ชาวไทยมุสลิมทั้งหญิง ชาย และเด็ก ๆ ได้สวมใส่เสื้อผ้าชุดใหม่ที่มีสีสันสดใสพร้อมสวมเครื่องประดับ ก่อนรวมตัวกันจ่ายซะกาตฟิฏเราะฮฺ เพื่อบริจาคทานแก่คนยากไร้ จากนั้นจึงร่วมกันประกอบพิธีละหมาดที่มัสยิดในหมู่บ้าน ซึ่งจะทำพร้อมกันทุกพื้นที่ใน จ.นราธิวาส เนื่องจากถือเป็นการปฏิบัติศาสนกิจที่มีความสำคัญต่อชาวไทยมุสลิมเป็นอย่างมาก
สำหรับมุสลิมทุกคนที่ไปเรียนหรือไปทำงานในต่างพื้นที่ จะต้องเดินทางกลับมายังภูมิลำเนาของตน เพื่อมาร่วมประกอบพิธีกรรมทางศาสนาโดยพร้อมเพรียงกัน ซึ่งหลังเสร็จการประกอบพิธีละหมาด จะมีการรับฟังคุฏบะฮ์หรือการเทศนา จากโต๊ะอิหม่ามประจำมัสยิดนั้น ๆ รวมทั้งจะมีการแสดงความยินดีต่อกัน และมีการขอมาอัฟหรือขออภัยซึ่งกันและกัน ที่ได้ล่วงเกินไปก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะทำอย่างตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
lib.ru.ac.th,

