

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก Instagram ratchanokintanon
ใครไม่รู้จัก "น้องเมย์ รัชนก อินทนนท์" ตอนนี้ ถือว่าตกกระแสสุด ๆ เพราะสาวน้อยยอดนักตบลูกขนไก่คนนี้ กำลังถูกวงการแบดมินตันทั่วโลกจับตามอง หลังจากทลายกำแพงเมืองจีนโค่น "หลี เสวี่ยรุ่ย" มือ 1 ของโลกได้สำเร็จในรอบชิงชนะเลิศแบดมินตันชิงแชมป์โลก 2013 บอกได้คำเดียวเลยว่า ความสำเร็จในครั้งนี้มาจากฝีมือและใจที่เกินร้อยของเธอล้วน ๆ แม้ที่ผ่านมา เด็กสาววัย 18 ปีคนนี้ จะผ่านทั้งความผิดหวัง ความเสียใจ ความท้อแท้ ปะปนระคนกันไปมาหลายครั้ง แต่เธอก็ยังสู้ไม่ถอย จนคว้าตำแหน่งแชมป์โลกคนล่าสุดมาครอง
วันนี้ กระปุกดอทคอม ขอหยิบเรื่องราวส่วนตั๊ว ส่วนตัว ที่น่าสนใจของสาวน้อยมหัศจรรย์แห่งวงการลูกขนไก่ มาชวนให้ชาวไทยรู้จักและรักเธอให้มากขึ้น
1. เป็นลูกหลานชาวอีสานแม้น้องเมย์จะพักอาศัยอยู่ในย่านพุทธมณฑลสาย 3 แต่จริง ๆ แล้ว น้องเมย์เป็นคนร้อยเอ็ดโดยกำเนิด โดยเกิดเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2538 เป็นลูกสาวคนโตของคุณพ่อวินัสชัย อินทนนท์ ชาวยโสธร และคุณแม่คำผัน สุวรรณศาลา ชาวร้อยเอ็ด นอกจากนี้ น้องเมย์ยังมีน้องชายอีก 1 คน ชื่อ ด.ช.รัชพล อินทนนท์

2. เคารพนับถือคุณแม่ 2 คนนอกจากคุณแม่คำผัน สุวรรณศาลา แล้ว น้องเมย์ ยังเคารพนับถือ "แม่ปุก" หรือ นางกมลา ทองกร เจ้าของโรงเรียนแบดมินตันบ้านทองหยอด เป็นคุณแม่บุญธรรมอีกด้วย เพราะคุณแม่บุญธรรมคนนี้เห็นน้องเมย์มาตั้งแต่ยังอยู่ในท้องของคุณแม่คำผัน และเมื่อลืมตาดูโลกแล้ว ก็ยังคอยดูแลน้องเมย์ไม่ต่างจากแม่แท้ ๆ เลย แถมยังสนับสนุนให้น้องเมย์เล่นแบดมินตันจนมีชื่อเสียงมาถึงทุกวันนี้
3. เส้นทางสู่กีฬาแบดมินตันพ่อแม่ของน้องเมย์เป็นคนงานทำขนมไทยอยู่ที่บ้านทองหยอด ดังนั้น ชีวิตในวัยเด็กของน้องเมย์จึงอยู่ที่บ้านทองหยอดเป็นส่วนใหญ่ และเมื่อแม่ปุกเห็นว่าน้องเมย์อาจจะซุกซนเผลอไปเล่นกับน้ำตาลทรายร้อน ๆ ที่ใช้ทำขนมจนถูกลวก จึงตัดสินใจจับน้องเมย์มาหัดเล่นแบดมินตันตั้งแต่อายุ 5 ขวบ เพื่อจะได้ไม่ไปวิ่งซน โดยเริ่มจากฝึกปาลูกขนไก่เข้ากำแพงเป็นเดือน ๆ เพื่อจัดท่าทางการวางแขนตีลูกให้สวยงาม ก่อนจะได้จับไม้แบดมินตันจริง ๆ และเมื่อมีโอกาสได้เล่นแบดมินตัน น้องเมย์ก็ฝึกซ้อมมาเรื่อย ๆ ซึ่งเธอก็รู้สึกสนุกกับกีฬาชนิดนี้
4. แชมป์แรกในการแข่งขันแบดมินตันเมื่ออายุ 7 ขวบ น้องเมย์ได้มีโอกาสลงแข่งขันแบดมินตันเป็นครั้งแรก และก็สามารถคว้าแชมป์หญิงเดี่ยว ในรุ่นอายุไม่เกิน 9 ปี จากรายการ "อุดรธานี โอเพ่น" มาได้สำเร็จ ก่อนจะคว้าแชมป์รายการอื่น ๆ มาอย่างต่อเนื่อง ทั้งประเภทหญิงเดี่ยว และหญิงคู่
5. แชมป์เยาวชนโลก 3 สมัยซ้อนในปี 2552 น้องเมย์ รัชนก ได้ลงแข่งขันแบดมินตัน บีดับเบิลยูเอฟ เวิลด์จูเนียร์ แชมเปี้ยนส์ชิพส์ และสามารถคว้าแชมป์เยาวชนโลกมาได้สำเร็จ โดยครั้งนั้น น้องเมย์มีอายุเพียง 14 ปีเท่านั้น ถือเป็นแชมป์เยาวชนโลกที่อายุน้อยที่สุด จากนั้น ในปี 2553 และ 2554 น้องเมย์ ก็ยังสามารถป้องกันแชมป์เยาวชนโลกของตัวเองไว้ได้ สร้างประวัติศาสตร์เป็นนักแบดมินตันคนแรกที่ครองแชมป์เยาวชนโลกได้ 3 ปีซ้อน ด้วยอายุเพียงแค่ 16 ปีเท่านั้น ผลงานอันยอดเยี่ยมนี่เอง ทำให้เธอเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น ขณะที่วงการแบดมินตันทั่วโลกก็เริ่มจับตามองสาวน้อยมหัศจรรย์คนนี้จากประเทศไทย

6. เอกลักษณ์การไหว้หากใครเคยติดตามชมการแข่งขันของน้องเมย์ จะสังเกตเห็นว่า สาวน้อยคนนี้แสดงสัมมาคารวะด้วยการไหว้ทุกครั้ง ไม่ว่าจะไหว้กรรมการ โค้ช คู่ต่อสู้ หรือแม้แต่เวลาที่เธอขอเปลี่ยนลูกขนไก่ เธอจะไหว้ขอบคุณเจ้าหน้าที่ในสนามที่ส่งลูกขนไก่ให้เธอทุกครั้ง รวมทั้งแม่บ้านในสนาม พนักงานทำความสะอาดคอร์ต น้องเมย์ก็จะยกมือไหว้เสมอ ๆ และเมื่อเสร็จสิ้นการแข่งขัน ไม่ว่าผลจะออกมาแพ้หรือชนะ น้องเมย์ยังไม่ลืมจะยกมือไหว้ขอบคุณผู้ชมในสนามทั้ง 4 ทิศ จนได้รับเสียงปรบมือเกรียวกราวในความอ่อนน้อมถ่อมตนของเธอ ซึ่งเรื่องนี้ ยังทำให้สมาคมแบดมินตันของอินเดียส่งหนังสือแสดงความยกย่องเอกลักษณ์ดังกล่าวมายังสมาคมแบดมินตันแห่งประเทศไทยด้วย
7. แชมป์โลกคนแรกของประเทศไทยเจ้าตัวเองก็คงไม่คาดคิดว่า ในการแข่งขันบีดับเบิลยูเอฟ เวิลด์ แชมเปี้ยนส์ชิพส์ 2013 หรือ แบดมินตันชิงแชมป์โลก 2013 ในรอบชิงชนะเลิศ เธอจะสามารถล้มมือ 1 ของโลก อย่าง "หลี เสวี่ยรุ่ย" คว้าแชมป์โลกมาฝากชาวไทยได้ เพราะก่อนการแข่งขัน น้องเมย์ให้สัมภาษณ์เองว่า ไม่ได้คิดว่าจะเอาชนะคู่ต่อสู้ได้ แต่ก็จะเล่นให้ดีที่สุด และจะไม่กดดันตัวเอง หากวันนั้นเป็นวันของใครคนนั้นก็คงจะได้แชมป์ ซึ่งความไม่กดดันตัวเองนี่เองที่ทำให้น้องเมย์ประสบผลสำเร็จ เพราะวันนั้นเป็นวันของน้องเมย์อย่างแท้จริง
และการที่ น้องเมย์ รัชนก อินทนนท์ สามารถคว้าแชมป์โลกมาได้ ก็ทำให้เพลงชาติไทยดังกึกก้องเมืองกว่างโจว ประเทศจีน ขณะเดียวกัน เธอยังสร้างประวัติศาสตร์อีกครั้ง ในฐานะคนไทยคนแรกที่คว้าแชมป์โลก และยังเป็นนักแบดมินตันที่อายุน้อยที่สุด (วัยเพียง 18 ปี) ที่สามารถคว้าแชมป์โลกไปครองได้ด้วย
8. จอมสร้างสถิติโลกบนถนนสายแบดมินตันกว่า 13 ปี น้องเมย์ รัชนก กวาดแชมป์มาแล้วมากมาย ทั้งในระดับเยาวชน ระดับทีมชาติ รวมทั้งแชมป์โลกที่เพิ่งได้รับมาล่าสุด ซึ่งที่ผ่านมา น้องเมย์ ก็ได้จารึกสถิติใหม่ ๆ ให้เกิดขึ้นในวงการแบดมินตันโลกมาแล้วมากมาย ที่เป็นผลงานเด่น ๆ ก็อย่างเช่น
- แชมป์เยาวชนโลกที่อายุน้อยที่สุด จากการคว้าแชมป์ในปี พ.ศ. 2552 ด้วยวัยเพียง 14 ปี
- แชมป์เยาวชนโลก 3 สมัยซ้อนคนแรก (ปี 2552-2554)
- เป็นนักแบดมินตันที่อายุน้อยที่สุดที่ติดอันดับ 1 ใน 5 ของโลก เมื่อปี พ.ศ. 2556
- แชมป์โลกแบดมินตันคนแรกของประเทศไทย จากการคว้าแชมป์ในปี พ.ศ. 2556
- แชมป์โลกแบดมินตันที่มีอายุน้อยที่สุด จากการคว้าแชมป์ในปี พ.ศ. 2556
9. การฝึกซ้อมอันเข้มงวดตั้งแต่เล็ก ๆ น้องเมย์ ต้องฝึกซ้อมตีแบดมินตันนานหลายชั่วโมง ตื่นเช้าขึ้นมาซ้อมตอนตี 5 ครึ่ง ถึง 7 โมงเช้าค่อยไปเรียนหนังสือ เมื่อเลิกเรียนก็กลับมาซ้อมอีกจนถึงหนึ่งทุ่ม ตารางการฝึกซ้อมก็จะเป็นไปในลักษณะนี้ จนกระทั่งปัจจุบัน โค้ชที่รับหน้าที่ดูแลการฝึกซ้อมของน้องเมย์เป็นชาวจีนชื่อ เซี่ยะจือหัว เขาจัดตารางเวลาให้น้องเมย์ฝึกซ้อมแบดมินตันอย่างหนัก โดยทุกวันนี้ น้องเมย์ต้องซ้อมแบดมินตันวันละ 3 รอบ คือ ช่วงเช้า 08.00-10.00 น. ช่วงบ่าย 15.00-17.00 น. และช่วงค่ำ 19.00-21.00 น. ควบคู่ไปกับการเรียน ซึ่งปัจจุบัน น้องเมย์ กำลังศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 1 คณะรัฐศาสตร์ สาขารัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี
10. กำลังใจคนสำคัญถ้าได้ติดตามอินสตาแกรมของน้องเมย์ รัชนก ก็คงจะเห็นสาวเท่อย่าง จูน รังสิยา นิสัยสม นักเทควันโดทีมชาติไทย เจ้าของแชมป์โลก ปี 2011 อัพภาพและเขียนข้อความส่งกำลังใจให้น้องเมย์เสมอ ๆ ในทุกครั้งที่น้องเมย์จะลงแข่งขัน แถมยังโพสต์ข้อความหวาน ๆ โต้ตอบกันด้วย แหม...ได้แรงเชียร์จากแชมป์โลกต่างเวทีแบบนี้ มิน่าล่ะ น้องเมย์ ถึงมีกำลังใจล้นหลามเลยทีเดียว
11. แมตช์ที่ไม่เคยลืมกว่าจะผ่านมาถึงชัยชนะในวันนี้ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า น้องเมย์ รัชนก เคยพบกับความพ่ายแพ้มาหลายครั้ง แต่แมตช์ที่น้องเมย์บอกว่าเป็นบทเรียนราคาแพงสำหรับเธอก็คือ แมตช์ที่เจอกับ หวังซิน นักตบลูกขนไก่จากแดนมังกร ในการแข่งขันโอลิมปิกที่ลอนดอน ปี 2012 รอบ 8 คนสุดท้าย ซึ่งครั้งนั้น น้องเมย์ทำคะแนนทิ้งห่าง หวังซิน ไปไม่น้อย แต่กลับเสียสมาธิจนหวังซินพลิกกลับมาชนะได้ 1-2 เซต เธอบอกว่า การแข่งขันในวันนั้นเป็นประสบการณ์ล้ำค่ามาก เพราะแม้จะไม่ได้แชมป์ แต่ก็ทำให้เธอรู้ว่า จุดอ่อนของเธอคือสภาพจิตใจ หากสภาพจิตใจไม่ดีก็มีโอกาสแพ้สูง
12. เป้าหมายสูงสุดที่วางไว้แน่นอนว่าในชีวิตของนักแบดมินตันมืออาชีพย่อมต้องหวังจะขึ้นเป็นมือวางอันดับ 1 ของโลกให้ได้ และเส้นทางมือ 1 ของโลกของน้องเมย์ก็อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแล้ว อีกความหวังหนึ่งก็คือ การคว้าเหรียญทองโอลิมปิก ซึ่งถือเป็นเกียรติยศสูงสุดที่นักกีฬาทุกคนอยากครอบครอง แต่ก่อนจะถึงเป้าหมายนั้น ในอนาคตอันใกล้นี้ น้องเมย์ หวังจะได้ดวลฝีมือกับ หวังอี้หาน นักแบดมินตันอดีตแชมป์โลกชาวจีนอีกสักครั้ง เพราะเป็นคู่ต่อสู้จากแดนมังกรที่เธอยังไม่เคยเอาชนะได้เลย จึงหวังจะแก้มือเพื่อทลายปมในใจได้จงได้
ได้รู้จักตัวตนและความคิดของ น้องเมย์ รัชนก อินทนนท์ มากขึ้นแล้ว เชื่อเลยว่าสาวน้อยผู้มุ่งมั่นคนนี้จะก้าวขึ้นเป็นซุป'ตาร์คนใหม่ของวงการแบดมินตันโลกได้ในอนาคตอย่างแน่นอน










