เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก Yingluck Shinawatra
โทนี่ แบลร์ ปาฐกถา แนะทุกฝ่ายก้าวข้ามอดีต ใช้ประชาธิปไตยที่แท้จริงเพื่อสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้น ระบุ ประชาธิปไตยไม่ใช่แค่การเลือกตั้ง แต่เป็นเรื่องความคิด ชี้ รัฐบาลต้องโปร่งใส ช่วยยกระดับชีวิตประชาชน จะทำให้ความปรองดองเกิดง่ายขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (2 กันยายน 2556) นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เดินทางไปร่วมงานปาฐกถาพิเศษ "ผนึกกำลังสู่อนาคต เรียนรู้ร่วมกันจากประสบการณ์" หรือ Uniting for the future: Leaning from each others experiences ซึ่งจัดโดยสถาบันความมั่นคงและนานาชาติศึกษา คณะรัฐศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และสถาบันต่างประเทศเทวะวงศ์ วโรปการ ร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ ณ โรงแรมพลาซ่า แอทธินี โดยมีวิทยากรคนสำคัญ อย่าง นายโทนี่ แบลร์ อดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษ นายมาร์ตี อาห์ติซารี อดีตประธานาธิบดีฟินแลนด์ และนางพริซิลลา เฮย์เนอร์ ผู้เชี่ยวชาญอิสระด้านความยุติธรรมในระยะเปลี่ยนผ่านและที่ปรึกษาอาวุโส Centre for humanitarian dialogue
ทั้งนี้ นางสาวยิ่งลักษณ์ ได้กล่าวเปิดงานว่า การปาฐกถาครั้งนี้จะเป็นเวทีแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เล่าประสบการณ์ เพื่อเรียนรู้ซึ่งกันและกัน และผนึกกำลังสู่อนาคตเพื่อสันติภาพ และความมั่งคั่งของประชากร เชื่อว่าจะเกิดประโยชน์ต่อการพัฒนา และสร้างความเข้าใจในประเด็นต่าง ๆ เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติอันจะเป็นการแก้ปัญหาที่ยั่งยืนต่อไป
สำหรับเรื่องประชาธิปไตยในมุมมองของนางสาวยิ่งลักษณ์นั้น นางสาวยิ่งลักษณ์ ระบุว่า ประชาธิปไตยเป็นสิ่งที่ใช้คุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของปัจเจกบุคคล สร้างโอกาสทางเศรษฐกิจให้เท่าเทียม แต่ทว่าขณะนี้ยังพบเห็นความพยายามลิดรอนเสรีภาพของประชาชนในหลาย ๆ แห่งทั่วโลก จึงทำให้หลายท่านที่มาร่วมงานวันนี้ได้ทำงานอย่างหนัก เพื่อปกป้องและรักษาหลักประชาธิปไตยเอาไว้ เพื่อให้เกิดความมั่นคงและสันติภาพที่ยั่งยืน
นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า สิ่งที่ท้าทายก็คือ การสร้างอนาคตที่มั่นคงให้ลูกหลานที่จะมีความขัดแย้งลดน้อยลง อย่างไรก็ตาม ต้องไม่คิดว่าประชาธิปไตยหมายถึงเสียงข้างมากเป็นรัฐบาลเพียงอย่างเดียว แต่หมายรวมถึงวัฒนธรรมที่ประชาชนทุกคนต้องเคารพความคิดเห็นซึ่งกันและกัน เคารพต่อหลักนิติรัฐ นิติธรรม สำหรับการปาฐกถาวันนี้ ก็จะได้เรียนรู้ว่าประเทศต่าง ๆ แก้ปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง และส่งเสริมการพัฒนาประชาธิปไตยอย่างไร
ขณะที่ นายโทนี่ แบลร์ อดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษ ได้กล่าวปาฐกถาว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีศักยภาพ ซึ่งตนรู้สึกว่า ประเทศไทยมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะก้าวไปอีกขั้น สิ่งที่ท้าทายก็คือการแก้ปัญหาความยากจนในชนบท เรื่องของสุขภาพอนามัย และอื่น ๆ
สำหรับเรื่องการสร้างความสมานฉันท์นั้น อดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษ ระบุว่า ปัญหาในประเทศไทยต้องแก้ด้วยคนไทยเท่านั้น คนนอกไม่เกี่ยว โดยตนจะมาเล่าประสบการณ์จากที่ได้ทำงานในพื้นที่ต่าง ๆ เช่น ไอร์แลนด์เหนือ และตะวันออกกลาง ให้ฟังกันว่าทำอย่างไรบ้าง หลักการสำคัญคือการสร้างความปรองดอง ซึ่งทุกฝ่ายจะต้องตระหนักว่า หากสามารถผนึกกำลังกันได้จะมีรางวัลใหญ่รออยู่ข้างหน้า ดังนั้นแม้จะมีความขัดแย้งกันก็ขอให้ลืมสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตไปเสีย โดยอาจหยิบยกขึ้นมาวิเคราะห์ได้ แต่จะต้องก้าวข้ามอดีตไปให้ได้ แม้จะเจ็บปวด แต่ต้องทำให้เห็นอนาคตที่ดีกว่าร่วมกัน สิ่งที่จะต้องทำก็คือการตั้งกรอบการทำงาน หรือความร่วมมือในอนาคต เพื่อให้ผู้คนเห็นว่ามีความยุติธรรม
ทั้งนี้ ความแตกแยกกันในประเทศไทยนั้น จะสามารถแก้ปัญหาได้ด้วยประชาธิปไตยที่แท้จริง โดยต้องเข้าใจว่า ประชาธิปไตยไม่ใช่แค่เรื่องการลงคะแนนเสียง แต่เป็นเรื่องของแนวคิด ความคิด และเป็นเรื่องว่าคนส่วนใหญ่มีความสัมพันธ์ต่อคนส่วนน้อยอย่างไร ต้องมีหลักนิติธรรม ความยุติธรรมต้องเป็นอิสระ ปราศจากการแทรกแซง ต้องเป็นพหุภาคี แบ่งพื้นที่ให้ทุกคนทำงานร่วมกันได้ ไม่ใช่การยึดครองโดยอำนาจส่วนใดส่วนหนึ่ง ไม่ได้หมายถึงอำนาจของพรรคการเมืองหนึ่ง แต่จะต้องสร้างโอกาสให้ทุกคนได้มีส่วนร่วมอย่างเท่าเทียมในสังคม
นายโทนี่ แบลร์ มองว่า ถ้ารัฐบาลทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีความโปร่งใส ก็จะสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้นได้ และถ้ารัฐบาลทำงานแล้วทำให้ประชาชนรู้สึกว่าชีวิตของตัวเองดีขึ้น ก็จะยิ่งทำให้การปรองดองง่ายขึ้น สิ่งสำคัญก็คือ อย่ายอมแพ้เรื่องการปรองดอง ประชาชนทุกคนต้องมีส่วนร่วมในเรื่องนี้ จากประสบการณ์ที่ตนทำงานด้านความปรองดองมาหลายประเทศจะเห็นว่า ผู้นำจะต้องก้าวนำ และประชาชนจะต้องก้าวตามมา พร้อมกับให้การสนับสนุนด้วย แน่นอนว่าเราไม่สามารถลบเลือนความแตกต่างได้ แต่ถ้าทำงานร่วมกันได้ก็จะสร้างประโยชน์ได้อย่างมหาศาล และเป็นอนาคตของประเทศ
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
