เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก รายการเรื่องเล่าเช้านี้ โพสต์โดย คุณ LAKORNHD ThaiTV สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม
ภรรยา เอ็กซ์ จักรกฤษณ์ หวั่นไม่ปลอดภัยขอคุ้มครองพยาน ปัดขโมยทรัพย์สิน 60 ล้าน เผยโดนขู่จะนำเงินไปอยู่กับหญิงอื่น จึงกันทรัพย์สินไว้เพื่อลูก
เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2556 น.ส.ณิธวดี ภู่เจริญยศ ภรรยา นายจักรกฤษณ์ พณิชย์ผาติกรรม หรือ เอ็กซ์ นักกีฬายิงปืนชื่อดัง ได้เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ เพื่อขอรับการคุ้มครองพยานหลังไม่มั่นใจในความปลอดภัย จากกรณีล่าสุดที่นายจักรกฤษณ์ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวและมีการเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับตนเองฐานร่วมกันลักทรัพย์จากเหตุที่นำทรัพย์สินบางส่วนออกจากตู้นิรภัยของธนาคาร
โดย น.ส.ณิธวดี ได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาลักทรัพย์จากตู้เซฟของธนาคาร โดยระบุว่า ก่อนหน้านี้นายจักรกฤษณ์เคยมอบกุญแจเซฟไว้ให้ 1 ดอก และอนุญาตให้ไขได้ตลอดเพราะถือเป็นทรัพย์สินร่วมกัน อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ไปเยี่ยมนายจักรกฤษณ์ในเรือนจำ นายจักรกฤษณ์บอกว่าหากออกจากเรือนจำไปได้จะนำทรัพย์สินที่มีอยู่ทั้งหมดไปซื้อรถยนต์และไปอยู่กับผู้หญิงคนใหม่ ตนในฐานะแม่จึงต้องการกันทรัพย์สินส่วนหนึ่งที่เป็นของตนไว้เพื่อลูก จึงได้นำกุญแจไปขอไขทรัพย์สินกับธนาคาร ซึ่งทางธนาคารก็ไม่ขัดข้องและไม่ได้สอบถามใด ๆ ตนยืนยันว่า ไม่ได้นำทรัพย์สินออกมาทั้งหมดและไม่ทราบว่าทรัพย์สินมีมูลค่ามากถึง 60 ล้านบาทหรือไม่ เพราะหยิบมาเฉพาะทรัพย์สินส่วนตัวบางส่วนเช่นเครื่องเพชรและทรัพย์สินบางส่วนที่ทำร่วมกันมา
อย่างไรก็ตาม แม้จะยังไม่พบว่านายจักรกฤษณ์มีพฤติกรรมข่มขู่ ติดตามทำร้ายอย่างชัดเจนหลังจากที่ออกจากเรือนจำ แต่มีคำพูดบางอย่างที่ทำให้ไม่สบายใจ ที่สำคัญเท่าที่สังเกตยังพบว่านายจักรกฤษณ์ยังมีอารมณ์รุนแรง เพราะมีโรคส่วนตัว คือ ภาวะอารมณ์แปรปรวน โดยวันแรกที่ออกจากเรือนจำเคยพาลูกไปหา แต่นายจักรกฤษณ์อารมณ์ไม่ดี และเคยขู่ว่าจะทำให้ตนหมดอนาคตในวิชาชีพด้วยการทำให้ถูกยึดใบประกอบโรคศิลปะ
ทั้งนี้ น.ส.ณิธวดี ยืนยันว่า ที่ต้องเข้าขอคุ้มครองพยานเป็นเพราะเป็นห่วงลูกทั้ง 2 คน ซึ่งตั้งแต่เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมายังไม่กล้าให้ไปโรงเรียน เพราะเกรงว่านายจักรกฤษณ์จะมารับตัวไปและเป็นอันตราย เพราะหลายครั้งที่นายจักรกฤษณ์เคยบอกว่าจะทำให้เกิดโศกนาฏกรรมสมบูรณ์แบบ ซึ่งหมายถึงการฆ่าทุกคนให้ตายและฆ่าตัวเองตายตามเพื่อจะได้ไม่มีใครต้องรับโทษ ดังนั้นจึงขอให้กรมคุ้มครองสิทธิฯ ช่วยคุ้มครองตนและลูก