x close

จากปากแพทย์ที่อยู่ในเหตุการณ์ แม่ไม่มีเงิน-ต้องคลอดเอง ทำลูกดับ



เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก รายการครอบครัวเรื่องเล่าเช้านี้ โพสต์โดยคุณ LAKORNHD ThaiTV สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม, เฟซบุ๊ก บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์

            สุดสลด ! แม่เจ็บท้องหนัก ไปทำคลอดแต่ถูก รพ. ปฏิเสธ บอกประกันสังคมไม่ครอบคลุม ต้องจ่ายเงิน 15,000-18,000 บาท ไม่มีเงินจึงกลับบ้านมาคลอดเอง ทารกดับอนาถ

            เช้าวันนี้ (14 ตุลาคม 2556) รายการครอบครัวข่าวเช้า ทางช่อง 3 ได้นำเสนอเรื่องราวของหญิงคนหนึ่งที่ปวดท้อง แต่เมื่อไปถึงโรงพยาบาลกลับถูกปฏิเสธทำคลอด เพราะสิทธิประกันสังคมที่เธอใช้ไม่ครอบคลุมเรื่องการคลอดบุตร ทำให้เธอต้องเดินทางกลับบ้านและคลอดลูกเอง แต่สุดท้ายลูกชายของเธอก็เสียชีวิต

            โดยเรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ (13 ตุลาคม 2556) เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้รับแจ้งว่า มีหญิงสาวคลอดลูกที่บ้านและเด็กทารกได้เสียชีวิตแล้ว ใน ซ.อินทามระ พญาไท กรุงเทพฯ จึงรุดไปตรวจสอบ ทั้งนี้ เมื่อไปถึงพบ นางสาวชลธิชา (ขอสงวนนามสกุล) อยู่ในสภาพที่นอนกับพื้น ซึ่งมีสายรกติดอยู่ และมีอาการอ่อนเพลีย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำตัวเธอไปส่งโรงพยาบาล

            ทั้งนี้ นางชลธิชา เล่าว่า ตนอยู่ในห้องเช่าเพียงคนเดียว เพราะสามีตนเป็น รปภ. ออกไปทำงานข้างนอก และต่อมาตนก็เจ็บท้อง จึงเดินทางไปโรงพยาบาลเพียงลำพัง ซึ่งโรงพยาบาลแห่งนี้เป็นที่ที่เธอใช้สิทธิประกันสังคมเป็นประจำ แต่เมื่อเธอแจ้งว่าจะทำคลอด เจ้าหน้าที่ก็บอกรายละเอียดว่า เธอต้องมีเงิน 15,000-18,000 บาท แต่เธอไม่มีเงิน จึงเดินทางกลับบ้าน ต่อมาเธอก็ปวดท้องทนไม่ไหว เลยคลอดลูกออกมา และไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ซึ่งเพื่อนบ้านเข้ามาเห็นพอดี จึงแจ้งเจ้าหน้าที่กู้ภัยให้มาช่วยเหลือ แต่ก็สายไปเสียแล้ว เพราะลูกของเธอเสียชีวิตไปแล้วก่อนหน้านี้ โดยนางชลธิชาเผยว่า ลูกคนนี้เป็นคนที่ 5 ของเธอ

            อย่างไรก็ดี นางสาวชลธิชาก็อยู่ในอาการอ่อนล้า ทางเจ้าหน้าที่จึงพาตัวไปส่งโรงพยาบาลราชวิถี แต่ก็ถูกปฏิเสธ เนื่องจากเตียงเต็มไม่สามารถทำการรักษาได้ เจ้าหน้าที่จึงย้ายไปยัง รพ.รามาธิบดี โดยตอนแรกโรงพยาบาลรามาฯ ก็ปฏิเสธการรักษา เพราะนางสาวชลธิชาใช้สิทธิประกันสังคมของโรงพยาบาลเอกชนอื่น แต่เจ้าหน้าที่ขอความอนุเคราะห์ เนื่องจากนางสาวชลธิชาถูกโรงพยาบาลปฏิเสธการรักษามาแล้วก่อนหน้านี้

            ส่วนล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยังญาติของนางสาวชลธิชา ระบุว่า ก่อนหน้านี้นางสาวชลธิชาเคยทำงานอยู่ที่บิ๊กซี และลาออกได้สักระยะหนึ่ง แต่ไม่ได้ต่อประกันสังคม ซึ่งเมื่อเธอไปโรงพยาบาลที่มีสิทธิประกันสังคมก็ได้รับการปฏิเสธ เนื่องจากประกันสังคมเธอขาดอายุไปแล้ว และหากจะทำคลอดต้องใช้เงิน 18,000 บาท

 


            ส่วนทางด้าน เฟซบุ๊กของ บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ได้โพสต์ข้อความถึงเรื่องราวดังกล่าวว่า...




            "สวัสดีครับเพื่อน ๆ นี่คือทารกที่เพิ่งคลอดออกมาได้ประมาณ 3-4 ชั่วโมง แล้วเสียชีวิต เหตุเนื่องจากว่า แม่น้องมีอาการปวดท้องคลอด แล้วไป รพ. ตามที่เธอมีประกันสังคมที่ รพ.แห่งนี้ใน กทม. (ผมไม่อยากเอ่ยนาม)
แต่เธอถูกปฏิเสธในการใช้สิทธิคือไม่ครอบคลุมถึง การคลอดลูก รพ. บอกว่าถ้าเธอจะคลอดเธอ ต้องจ่าย 18,000 บาท แต่ตอนนั้นหมอตรวจให้แล้วว่ามีเลือดซึมออกมาที่ช่องคลอด เธอไม่มีเงินในการทำคลอด หมอจึงให้เธอกลับไป เธอกลับมาที่ห้อง เธอมาคลอดอยู่ที่ห้องตามลำพัง สามีเธอเป็นยามไม่ได้อยู่กับเธอ เธอเบ่งลูก แต่ลูกเธอมาคาอยู่ตรงช่องคลอด เธอช็อกและเสียเลือดมาก เกือบชั่วโมง ที่มีเพื่อนบ้านกลับมาเห็นและเข้ามาช่วยเธอ

            แต่เสียดายครับ เด็กเสียชีวิตแล้ว เพื่อนบ้านจึงแจ้งเจ้าหน้าที่ร่วมกตัญญูมาช่วยแม่ส่ง รพ. เพราะเสียเลือดมาก เจ้าหน้าที่ต้องส่งถึง 2-3 รพ. เพราะไม่มี รพ. ไหนรับ สุดท้าย รพ. รามาฯ ก็รับแม่เอาไว้ ผมไม่อยากโทษใครครับ แต่เงินแค่ 18,000 บาทกับ 2 ชีวิตที่ต้องเกือบเสียไปทั้งหมด ผมเห็นภาพแล้วอยากจะร้องไห้ ต่อไปนี้ใครมีปัญหาเรื่องคลอดลูก ช่วยแชร์ มาด้วยนะครับ เสียใจจริง ๆ กับ รพ. แห่งนี้"

            ทั้งนี้ เมื่อ คุณบิณฑ์ บันลือฤทธิ์ ได้โพสต์ข้อความออกไป ก็ทำให้ชาวเน็ตต่างวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างมากมาย ถึงการกระทำของโรงพยาบาลที่ไม่รับแม่ของเด็กคนนั้น จนกลายเป็นประเด็นร้อนเลยทีเดียว

            อย่างไรก็ตาม ล่าสุด ทางด้านแพทย์ที่อยู่ในเหตุการณ์ ได้โพสต์เรื่องราวชี้แจงเรื่องที่เกิดขึ้นเช่นเดียวกัน โดยระบุว่า...



              "เรื่องที่เกิดขึ้น คิดว่าทุก ๆ คนคงได้อ่านจากทางฝั่งของคุณบิณฑ์กันมาแล้วเลยอยากจะเล่าเรื่องจากทางอีกฝั่งบ้าง......

              08.00 น. เคสนี้ผู้ป่วยมา รพ. ด้วยเรื่อง  "มีเลือดออกทางช่องคลอด"   ไม่มีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย ทางแพทย์จึงได้ทำการซักประวัติและตรวจร่างกายเบื้องต้นพบว่า หน้าท้องมีขนาดโตขึ้นมาเหนือระดับสะดือพอสมควร นั่นแสดงถึงว่าผู้ป่วยตั้งครรภ์มากกว่า 5 เดือนแล้ว แต่ผู้ป่วยให้ประวัติว่าประจำเดือนขาดมา 2 เดือน... ผู้ป่วยไม่เคยฝากครรภ์และครั้งนี้เป็นการท้องครั้งที่ 4

              หลังจากปรึกษาสูติแพทย์แล้ว ได้ทำการตรวจภายในและอัลตราซาวน์พบว่าหัวใจเด็กยังเต้นปกติดีอยู่ ปากมดลูกเปิด 8 เซนติเมตร.... จึงได้ให้ผู้ป่วยเข้ารับการคลอด

              เนื่องจากการใช้สิทธิ์ประกันสังคมเพื่อคลอดนั้น กำหนดไว้ว่าผู้ที่เข้ามารับบริการต้องสำรองเงินจ่ายไปก่อนแล้วมาทำเรื่องเบิกคืนทีหลัง ทาง จนท. จึงได้แจ้งแก่ผู้ป่วยและญาติเรื่องค่าใช้จ่ายแต่ทางผู้ป่วยกับญาติบอกว่าไม่มีเงินจึงขอกลับบ้าน จนท. เลยบอกให้ญาติพาไปคลอดที่ รพ. ของรัฐใกล้ ๆ กัน  ก่อนที่ผู้ป่วยจะขึ้น taxi ออกจาก รพ. สูติแพทย์เป็นคนไปบอกและกำชับคนขับ taxi ให้ไปส่งที่ รพ. ด้วยตัวเอง

              14.00 น. ญาติผู้ป่วยไปพบห่อผ้าสองห่อในห้องผู้ป่วยโดยห่อหนึ่งเป็นเด็กอีกห่อเป็นรก สอบถามผู้ป่วยจึงได้ความว่าคลอดเองประมาณเที่ยง ๆ จึงได้ทำการแจ้งตำรวจเพื่อเป็นหลักฐานเพราะจะนำศพไปเผาที่วัด 

              หลังจากแจ้งความแล้วตำรวจได้โทรเรียกรถร่วมให้ไปรับศพ และก็เป็นข่าวอย่างที่เห็นที่แชร์กัน...

              ป.ล.  ญาติผู้ป่วยเข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นดี และไม่มีปัญหาใด ๆ กับการดูแลรักษา

              ป.ล. 2 นี่เป็นอีกครั้งที่แสดงให้เห็นว่าภาครัฐขาดการประชาสัมพันธ์ที่ดีแก่ประชาชน ขนาดเกิดกรณีแบบนี้ขึ้นหลายต่อหลายครั้ง มี รพ. จนท. หมอ พยาบาล มาให้ข้อมูลก็เยอะแต่ทำไมคนไทยยังไม่เข้าใจเรื่องสิทธิ์ประกันสังคมหรือบัตรทองของตัวเองเลย

              ป.ล. 3 คุณบิณฑ์คงแค่ฟังเค้าเล่ามานะครับ เพราะญาติบอกว่าไม่ได้รับการติดต่อจากคุณเลย
             
              ป.ล. 4  แม่สบายดีนะครับ ไม่มีภาวะแทรกซ้อนอะไร

              ป.ล. 5  ที่ไม่ไปชี้แจงในเพจพี่บิณฑ์เพราะเชื่อว่าคอมเม้นท์นี้คงจะหายวับภายในไม่กี่วินาที เพราะตอนนี้จะสองหมื่นคอมเม้นท์ละ คงไม่มีใครอ่าน...."





เรื่องที่คุณอาจสนใจ
จากปากแพทย์ที่อยู่ในเหตุการณ์ แม่ไม่มีเงิน-ต้องคลอดเอง ทำลูกดับ อัปเดตล่าสุด 15 ตุลาคม 2556 เวลา 14:20:59 141,943 อ่าน
TOP