เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก วู้ดดี้เกิดมาคุย
ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา อดีตพระมิตซูโอะ อดีตเจ้าอาวาสวัดป่าสุนันทวนาราม จังหวัดกาญจนบุรี และ แอน สุทธิรัตน์ มุตตามระ ได้เดินสายไปออกรายการต่าง ๆ เพื่อเปิดใจถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น พร้อมกับชี้แจงข้อครหาในหลาย ๆ เรื่อง หลังจาก อดีตพระมิตซูโอะ ตัดสินใจสละผ้าเหลือง แล้วไปแต่งงานกับ แอน สุทธิรัตน์...
รายการวู้ดดี้เกิดมาคุย ก็เป็นอีกหนึ่งรายการที่เชิญทั้งสองคนมานั่งให้ วู้ดดี้ ได้สัมภาษณ์ ซึ่งแน่นอนว่า ถ้าเป็นคำถามจากวู้ดดี้ย่อมต้อง "แรง" และ "ตรง" จนคนฟังได้อึ้ง ! ตามมาฟังเรื่องราวรักสุดลือลั่น สั่นสะท้านวงการพระพุทธศาสนาได้ในรายการวู้ดดี้เกิดมาคุย ที่ออกอากาศเมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 13 ตุลาคม 2556
งานนี้ แอน สุทธิรัตน์ และอาจารย์มิตซูโอะ ได้เปิดคอนโดสุดหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งเป็นที่พัก ณ ตอนนี้ ให้ วู้ดดี้ ได้เข้ามาเยือนเป็นรายการแรก พร้อมกับพาเดินชมห้องที่ตกแต่งอย่างสวยงาม ซึ่งคุณแอนก็ได้บอกว่า ปัจจุบันเธอทำธุรกิจด้านความสวยความงาม ส่วนสมัยก่อนเคยทำธุรกิจโรงแรมกับเพื่อน แต่โรงแรมเกิดไฟไหม้ และเหตุการณ์นั้นก็สร้างปัญหาให้กับชีวิตของเธอมาก แต่ก็เหมือนเป็นทุกขลาภ เพราะหลังจากนั้น เธอก็ได้เจอกับอดีตพระมิตซูโอะ ที่เธอได้เข้าไปปรึกษาปัญหาชีวิต
หลังจากนั้น ทั้งคู่ก็ได้นั่งให้ วู้ดดี้ สัมภาษณ์เคลียร์ทีละประเด็น เริ่มจากคำถามที่ว่า ทำไมทั้งคู่จึงตัดสินใจกลับมากรุงเทพฯ เพราะอย่างที่รู้กันว่าหลังจากอดีตพระมิตซูโอะสึกไป ทั้งคู่ก็เดินทางไปที่โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ทันที ซึ่ง แอน ก็บอกว่า เพราะท่านได้รับเชิญให้ไปบรรยายที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ก็เลยกลับมา และหลังจากนี้ก็คงไป ๆ มา ๆ ระหว่างกรุงเทพฯ-ญี่ปุ่น
คุณแอน เล่าให้ฟังถึงวันแรกที่เจออาจารย์มิตซูโอะว่า ช่วงนั้นเธอมีปัญหาเรื่องธุรกิจจากเหตุไฟไหม้โรงแรม เธอจึงโทรไปปรับทุกข์กับพี่สาวของอดีตสามี ซึ่งพี่สาวก็ได้พาเธอไปหาอาจารย์มิตซูโอะ เพื่อรับธรรมะ ตรงกับวันที่ 14 กุมภาพันธ์พอดี ตอนเจอกันนั้น เธอรู้สึกศรัทธาพระอาจารย์มาก เพราะท่านมีจิตใจเมตตามาก แต่ท่านก็ไม่ค่อยมีเวลา ในช่วง 2 เดือนแรก เธอเจอท่านเพียงแค่ 2 ครั้งเท่านั้น ซึ่งครั้งที่ 2 ก็เจอในงานบวชพระ ตอนนั้นท่านไม่เห็นเธอ เพราะอยู่ไกล แต่พอท่านจะกลับ เธอก็วิ่งไปหาถามว่าท่านจำหนูได้ไหม แต่ท่านก็ไม่ได้ตอบอะไร วู้ดดี้จึงได้ถามอาจารย์มิตซูโอะว่า ตอนนั้นจำคุณแอนได้ไหม ซึ่งอาจารย์ก็บอกว่า จำได้ ๆ
แต่เมื่อถามว่าจากความรู้สึกศรัทธาเปลี่ยนมาเป็นความรักตั้งแต่เมื่อไร...คุณแอน ก็บอกว่า อาจจะเป็นเพราะเราศรัทธาท่านมาก ๆ จนรู้สึกว่าตัวเองมีความคุ้นเคยกับท่าน อาจเคยเจอกันหรือรับใช้ท่านเมื่อชาติที่แล้ว ตอนนั้นมีความรู้สึกอยู่ลึก ๆ แต่ก็ไม่ได้บอกใคร ตอนนั้นไม่ได้กลัวอะไร เพราะเราบริสุทธิ์ใจ อยากจะรับใช้ท่าน ดูแลท่านให้ดีที่สุด ซึ่งเราก็ทำคลินิกสุขภาพอยู่แล้ว ก็พยายามเอาอาหารเสริมมาถวาย ดูแลเรื่องอาหารการกินให้ท่าน เพราะท่านเป็นเบาหวาน ซึ่งเมื่อท่านรู้ว่าเราทำคลินิกสุขภาพ ท่านก็ได้มารักษาตัวที่คลินิก
ฟากอาจารย์มิตซูโอะ ได้เล่าถึงวันแรกที่เจอคุณแอนว่า รู้สึกถูกชะตาตั้งแต่แรกเห็นแล้ว เหมือนรู้จักกันมานานแล้วไม่ได้เจอกัน ตอนนั้นเกิดความรู้สึกคุ้นเคย รู้สึกอยากจะช่วยให้คลายทุกข์ เลยเทศน์สอนธรรมะนานเกือบชั่วโมง ทั้งที่ปกติถ้าไม่ได้ขึ้นธรรมาสน์ก็จะพูดสั้น ๆ แต่วันนั้นก็เทศน์สอนอยู่นาน เพราะอยากจะช่วยให้เต็มที่ หลังจากนั้นพอได้ใกล้ชิด จิตใจก็นึกจินตนาการเหมือนการแต่งงานมีชีวิตคู่
"ตั้งแต่เด็ก ๆ เรียนอยู่มัธยมต้น อาจารย์บอกว่าชาตินี้จะไม่แต่งงาน ในโบสถ์พระก็นิ่ง ๆ ชาตินี้ไม่แต่งงาน เจอกับผู้หญิงคนไหนก็ตาม ก็ยังไม่คิดจะแต่งงาน แต่มาผิดสังเกตช่วง 1 เดือนก่อนสึก เพราะเกิดจินตนาการ รู้สึกถูกใจคุณแอนหลายด้าน เวลาอยู่ด้วยกันก็ไม่เหนื่อย ทำงานก็คล่องตัว แล้วคุณแอนก็ชอบทำบุญ ที่ผ่านมาเคยดูแลแม่อดีตสามีจนถึงสิ้นชีวิต ถือว่าเป็นคนจิตใจดีที่หายาก"
เมื่อถามว่าตลอดกว่า 30 ปีที่อาจารย์ได้ศึกษามา แต่มาเกิดเหตุให้เปลี่ยนไป ท่านมองอย่างไร...อาจารย์มิตซูโอะ ก็ได้อธิบายว่า พระทุกองค์จะมีจินตนาการอยู่แล้ว แต่ก็ต้องรักษาวินัย อย่างไรก็ตามถ้าเราคิดจะแต่งงาน นี่ไม่ได้เป็นบาป ไม่ถือว่าผิดพระวินัยอยู่แล้ว
ขณะที่คุณแอนก็บอกว่า เมื่อท่านมาบอกว่าจะสึก ตนเองก็รู้สึกตกใจ แต่ก็ดีใจอยู่ลึก ๆ แล้วก็ได้ถามท่านไปว่าทำไมหลวงพ่อถึงจะสึกล่ะคะ ท่านก็ได้ตอบมาว่า ถ้าแอนรู้สึกเหมือนอาจารย์ เราก็จะช่วยกันเผยแผ่พระพุทธศาสนา และคิดว่าแอนคงจะช่วยได้ เพราะเราเป็นคู่บารมีกัน เธอจึงตอบไปว่า เธอก็รู้สึกเหมือนกัน แต่ก็กลัวว่าตัวเองจะบาปไหม เพราะไม่แน่ใจว่าเราเป็นต้นเหตุให้ท่านสึกหรือเปล่า แต่ท่านบอกไม่บาป เพราะเหตุอยู่ที่จิตของท่าน ส่วนแอนเป็นเพียงปัจจัย ไม่ได้มาตัดเส้นทางนิพพานของท่าน ท่านบอกว่าเราก็ปฏิบัติตามเส้นทางอริยมรรคอยู่แล้ว อย่าไปยึดติดจีวร
อาจารย์มิตซูโอะ เสริมว่า หลังจากตัดสินใจได้แล้ว อีก 10 วันก็สึกเลย ที่ต้องรอก็เพราะต้องจัดการกิจนิมนต์ที่รับมาก่อน และงานอื่น ๆ ให้เรียบร้อยก่อน หลังจากสึกจะได้ไม่มีปัญหา
แต่อย่างไรก็ตาม คุณแอนก็พอคาดการณ์ได้ว่าต้องเจอมรสุมข่าวเล่นงานแน่นอน เพราะท่านบวชมาแล้วถึง 38 พรรษา และไม่มีใครคิดว่าท่านจะลาสิกขา ซึ่งเธอเองก็เตรียมใจไว้แล้ว แต่ก็ไม่คิดว่าจะเจอข่าวหนักขนาดนี้ จนถึงขนาดมีคนแต่งเรื่องขึ้นว่าเธอไปแบล็กเมลท่าน หรือเล่นของ เรื่องนี้ถือว่าแรงมาก จนมีผู้ใหญ่คนหนึ่งบอกว่าข่าวที่ออกมามันเสื่อมเสียชื่อเสียงวงศ์ตระกูล เลยอยากให้ท่านมาเปิดเผยความจริงต่อสังคม ซึ่งพอเธอไปถามว่าท่านพร้อมจะพูดไหม ท่านก็บอกว่ายินดี เธอก็เลยโพสต์ในเฟซบุ๊ก แล้วก็เป็นข่าวในวันนั้นเลย วันรุ่งขึ้นหนังสือพิมพ์ก็ลงทุกฉบับ
เมื่อถามว่ารู้สึกอย่างไรที่คนพูดว่า คุณแอน ทำให้ผ้าเหลืองร้อน...เธอบอกว่า คนเข้าวัดไม่น่ามีจิตคิดแบบนั้น อย่างเธอเข้าวัดไปก็ต้องทำการทำบุญ ต้องการธรรมะ เราอาจจะไปเช้ามากไปปูอาสนะ แล้วกลับคนสุดท้ายเพราะต้องเก็บของ ซึ่งก็มีลูกน้องไปด้วย เวลาใส่บาตรก็ใส่ทุกองค์ ไม่ได้ทำตัวเด่นเลย และก็ไม่ได้นั่งจ้องหน้าพระทั้งวันอย่างที่คนพูดกันไป แต่ที่เวลานั่งฟังธรรมจะนั่งแถวหน้าสุด เพราะเป็นคนสายตาสั้นถึง 450 แล้วไม่ชอบใส่แว่น ไม่ใส่คอนแทคเลนส์ด้วย เลยมองไกล ๆ ไม่เห็น คนอาจจะมองว่าเหมือนเราเพ่ง เหมือนเราจ้องก็ได้
และหลังจากเกิดเรื่องนี้ขึ้น ก็ได้มีคนไปขุดคุ้ยว่า ก่อนหน้านี้ คุณแอนเคยจับอดีตสามีซึ่งเป็นพระสึกเหมือนกัน เธอจึงชี้แจงว่า กับอดีตสามีตอนนั้นเราแต่งงานอยู่ด้วยกันมานานหลายปีแล้ว แล้วเขาก็ไปบวช จากนั้นก็สึกแล้วกลับมาอยู่ด้วยกัน แต่คนกลับไปพูดกลับด้านว่าเราไปสึกพระ ซึ่งจริง ๆ ไม่ใช่เลย พอมีข่าวเว่อร์ ๆ ออกมาแบบนี้ เราก็ปรึกษาท่านว่าเจอข่าวอีกแล้ว ท่านก็แนะนำว่าถ้าไปฟังไปดูแล้วไม่สบายใจก็ไม่ต้องดู คุณแอนเลยบอกให้ท่านพูดในคลิปให้หน่อย หลัง ๆ ก็เลยมีคลิปที่ท่านพูดออกมาเรื่อย ๆ
เพื่อให้เคลียร์ชัด ๆ วู้ดดี้ เลยขอถามตรง ๆ ว่า ในระหว่างที่อาจารย์ยังเป็นพระเคยมีสัมพันธ์สวาทกับสีกาแอนหรือไม่ ซึ่งทั้งคู่ตอบอย่างชัดเจนว่า "ไม่มีเด็ดขาดล้านเปอร์เซ็นต์ ถ้ามี หากเป็นคนญี่ปุ่นก็ต้องฮาราคีรี หรือฆ่าตัวตายแล้ว" พร้อมกับบอกว่า ครั้งแรกที่ได้แตะต้องตัวคุณแอนก็คือหลังจากลาสิกขาไปแล้ว
พูดถึงเรื่องนี้ คุณแอน ก็เสริมว่า จริง ๆ ตอนแรกท่านตั้งใจจะลาสิกขาในวันที่ 10 คือไปลาสิกขาที่วัดไทยในฮ่องกง เพราะต้องเดินทางไปพอดี แต่พอวันที่ 8 กลับมีข่าวรั่วออกมาแล้ว เธอก็เลยไปบอกท่าน ท่านเลยตัดสินใจสึกในคืนนั้นเลย
อาจารย์มิตซูโอะ บอกว่า "ที่ตัดสินใจลาสิกขาก็เพราะรัก รู้สึกถูกใจตั้งแต่เจอครั้งแรกแล้ว ดังนั้นการลาสิกขาคือสิ่งที่ดีที่สุด ไม่ใช่ว่าจีวรร้อนหรือไม่ร้อน เพราะจริง ๆ แล้วทุกอย่างอยู่ในความสงบ ไม่เหมือนสมัยหนุ่ม ๆ ที่เห็นผู้หญิงแล้วเกิดราคะต้องมาเดินจงกรม ต่อสู้กับตัวเอง แต่นี่ไม่มีการต่อสู้ การลาสิกขาก็คือการหมดบุญ"
หลังจากทั้งสองคนตัดสินใจแต่งงานกัน คุณแอนก็ยอมรับว่ามีญาติพี่น้องที่ไม่เข้าใจกันมาก ส่วนคนในครอบครัวตอนแรกไม่รู้ข่าวก็ตกใจ เธอก็ค่อย ๆ อธิบายให้ฟัง รวมทั้งเล่าให้ลูกของเธอฟังด้วย ซึ่งลูกก็รับได้ และหลังจากนี้เธอก็ตั้งใจจะช่วยท่านเผยแผ่ธรรมะไปทั่วโลก
ส่วนอาจารย์มิตซูโอะ บอกตรง ๆ ว่า ตอนแรกที่สึกไม่คิดว่าจะเป็นข่าว สงสัยเหมือนกันว่าทำไมลาสิกขาถึงเป็นข่าวใหญ่ขนาดนี้ เพราะเป็นแค่การลาสิกขาธรรมดา ที่ผ่านมาก็ทำงานมานานจนอายุ 62 ปีแล้ว หลังจากลาสิกขาก็ตั้งใจจะไปเผยแผ่ธรรมะ ช่วยมูลนิธิ และบำรุงวัดเหมือนเดิม ส่วนที่มีคนมองว่านี่คือ "รักแท้" หรือ "มารศาสนา" นั้น อาจารย์ก็ตอบว่า
"นี่คือรักแท้ ชีวิตคู่ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย นางวิสาขาก็ไปมีครอบครัวแล้วก็เป็นอริยบุคคลอยู่แล้ว เป็นบุคคลสำคัญ แล้วก็เป็นโสดาบัน เหมือนพระพุทธเจ้าก่อนตรัสรู้ก็แต่งงานมีชีวิตคู่ ชีวิตคู่ไม่ใช่สิ่งเลวร้ายที่เขารู้สึก แต่สังคมมองว่าการสึกนี้เสียหาย เสียดายพระผู้ใหญ่ สำหรับอาจารย์มองว่าไม่แปลก ถ้าเป็นคนต่างชาติ การมีชีวิตคู่ก็สามารถเผยแผ่ธรรมะได้ทั่วโลกมากกว่าอาจารย์เป็นพัน ๆ หมื่น ๆ เท่า"
ขณะที่คุณแอน มองว่า คำว่ารักแท้หรือมารศาสนาฟังแล้วรู้สึกเฮิร์ทเหมือนกัน พอไปถามท่าน ท่านก็บอกว่าไม่ใช่ เราอยู่ในเส้นทางพระนิพพานอยู่แล้ว อาจารย์ก็ไม่เคยประกาศว่าจะต้องบรรลุนิพพานให้ได้ชาตินี้ ถ้าเราเดินตามเส้นทางคำสอนเราก็ไปถึงอยู่แล้ว ที่ผ่านมาท่านก็เน้นทำงานให้สังคม ไม่ได้เน้นปฏิบัติเพื่อส่วนตัวอยู่แล้ว
"เราคิดว่าเราไม่ได้ทำผิด เพราะอาจารย์กับเราตั้งใจทำความดี ตั้งใจเผยแผ่ศาสนาเหมือนเดิม แต่อาจไม่ถูกใจ เพราะท่านเหมือนเป็นคนสาธารณะ แต่คนอาจมองว่าเห็นแก่ตัว เอามาครอบครองคนเดียว แต่เราก็ตั้งใจสนับสนุนท่านให้เผยแผ่ธรรมะ" คุณแอน ชี้แจง
เมื่อถามถึงความรักในมุมมองของอาจารย์ เขาก็บอกว่า ชีวิตคู่ก็ต้องมีทั้งสุขและทุกข์ มีอุปสรรคเหมือนกัน ในทางพุทธศาสนาจะสอนให้อย่าถือตัวถือตน พยายามปฏิบัติ ชีวิตคู่ทุกคนไม่ใช่เอาแต่ถูกใจ ถ้าอย่างนั้นก็อยู่ด้วยกันไม่ได้ ต้องหัดปล่อยวาง รู้จักหน้าที่ของตัวเอง ทำดีที่สุดก็อยู่ด้วยกันได้
"หลังจากสึกออกมา ชีวิตไม่ใช่ว่าดีขึ้นหรือไม่ดีขึ้น การลาสิกขามาก็ประสบการณ์เยอะ นี่คือกำไรแห่งชีวิต ถ้าเราผ่านอุปสรรคได้ด้วยดีก็เป็นกำไร ลองนึกถึงการบำเพ็ญบารมีของพระพุทธเจ้า ท่านไม่ได้กินดีอยู่ดีสร้างบารมี ชีวิตมีอุปสรรคทั้งนั้น แต่ผ่านอุปสรรคได้ด้วยคุณธรรม การผ่านอุปสรรคคือการสร้างบารมี สร้างกำลังใจ มีปัญหาอะไรเกิดขึ้นกับตัวเองก็ต้องพยายามตั้งมั่น คิดดี พูดดี ทำดีในกรณีต่าง ๆ แล้วก็หวังว่าจะผ่านอุปสรรคไปได้" อาจารย์มิตซูโอะ ทิ้งท้ายด้วยคำสอนที่ได้ยึดถือมาตลอดชีวิต
