เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ข่าวสด
อภิสิทธิ์ แจงปม สุเทพ กรณ์ แตกคอ บอกจุดประสงค์เดียวกัน แต่เดินคนละวิธี ชี้ตอนนี้ไม่มีปัญหาอะไรแล้ว เปรยถ้าสุเทพถูกจับ อาจจะขึ้นเป็นผู้นำแทนก็ได้
วันนี้ (29 พฤศจิกายน 2556) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวฝ่ายค้าน ได้ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยยื่นให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์ ในข้อหาพยายามช่วงชิงอำนาจไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญว่า ตนไม่กังวลเพราะเป็นนิสัยของพรรคเพื่อไทยอยู่แล้ว ที่ชอบทำอย่างนี้มาตลอด ซึ่งตนประกาศชัดว่าไม่มีการชิงอำนาจ เพราะพรรคได้ทำตามกลไกรัฐธรรมนูญ โดยกิจกรรมของพรรคที่จะทำต่อไป ไม่ได้ยึดติดว่าจะต้องทำร่วมกับเวทีราชดำเนินหรือเวทีใด แต่พร้อมเป็นกำลังใจให้ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ และพร้อมดูแลความปลอดภัย รวมถึงคุ้มครองสิทธิเสรีภาพให้กับประชาชนที่เข้าร่วมชุมนุม
ถ้าถามว่า พรรคประชาธิปัตย์จะเข้าร่วมชุมนุมในวันที่ 29-30 พฤศจิกายน 2556 หรือไม่นั้น ตนยังไม่ทราบว่าเขาจัดในรูปแบบใด แต่คิดว่าประชาชนเข้าใจดีถึงการทำงานของพรรคและนายสุเทพ
นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงสาเหตุที่นายสุเทพและคณะลาออกจากการเป็น ส.ส. ว่า เพื่อความเป็นอิสระในการเคลื่อนไหวและทางพรรคก็ไม่ได้อยู่เฉย ซึ่งบางเรื่องพรรคก็ต้องเป็นผู้ดำเนินการโดยตรง เช่น การถอดถอน การอภิปรายไม่ไว้วางใจ และบางเรื่องเราก็เป็นผู้สนับสนุนและผู้ช่วย ส่วนสถานะความจำเป็นในการดำรงตำแหน่ง ส.ส. นั้น คือเรามีหน้าที่ เช่น คำร้องถอดถอน ส.ส. และ ส.ว. 312 คน ที่ขณะนี้ยังไม่เรียบร้อย เพราะถ้าเราหมดสภาพ ส.ส. ไป คำร้องนั้นก็จะหมดด้วย
นอกจากนี้ นายอภิสิทธิ์ ยังได้กล่าวถึงประเด็นความขัดแย้งระหว่าง นายสุเทพ และนายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ว่า เป็นเรื่องที่ผ่านไปแล้วและไม่มีปัญหาอะไร ตนก็ได้ตอกย้ำว่าต้องใจเย็น ๆ ทุกคนอาจรู้สึกกดดันว่าต่อสู้กันมากขึ้นอย่างนี้แล้ว ทำไมรัฐบาลถึงไม่ตอบสนอง จึงอาจจะหงุดหงิดไปบ้างเป็นธรรมดา
ทั้งนี้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ตนได้ย้ำในที่ประชุมพรรค เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2556 ว่า เรามีเป้าหมายเดียวกันคือการปฏิรูปประเทศ แต่มีวิธีการเดินที่แตกต่างกัน ซึ่งเราไม่ควรจะต่อว่ากัน ตอนนี้นายสุเทพคิดว่าตัวเองกำลังทำงานใหญ่ระดับประเทศ ระดับโลก ส่วนนายกรณ์ เป็นคนมองอนาคต มองไกลเกินกว่าที่จะมาติดกับเรื่องนี้
หัวหน้าฝ่ายค้าน กล่าวต่อไปว่า เป้าหมายหลักวันนี้มีหน้าที่ชวนคนที่ยังไม่ออกมาให้ออกมา และต้องขจัดพวกอันธพาลที่ขวางไม่ให้เดิน ส่วนตนนั้นยืนยันว่าไม่ได้ลอยแพนายสุเทพอย่างแน่นอน เห็นได้จากเวทีต่าง ๆ ก็มี ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ร่วมด้วย จึงเป็นเรื่องที่ต้องตั้งหลักกันให้ดีว่า ส.ส. ที่ต้องลาออกคือ ส.ส. ที่ทำผิด แต่ ส.ส. ที่ยังไม่ลาออก กลับกลายเป็นว่าต้องคอยตอบคำถามว่าเพราะอะไรทำไมยังถึงไม่ลาออก
นายอภิสิทธิ์ ยังได้กล่าวถึงกรณีที่อธิการบดีทั่วประเทศ เสนอให้นายกฯ ยุบสภา เพื่อเป็นทางออกของประเทศนั้น ว่า เป็นการเสนอทางออกที่สามารถคลี่คลายสถานการณ์ได้เพียงเปราะหนึ่งเท่านั้น แต่เป็นเรื่องที่มวลชนจะต้องออกมาพิจารณา ทั้งนี้การที่ปัญหาไม่สามารถคลี่คลายได้ เพราะ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีคอยขวางอยู่ และไม่แสดงความรับผิดชอบต่อความไม่ชอบธรรมที่เกิดขึ้นจากการกระทำของตัวเองด้วย ถือว่าเป็นการกระทำแบบตีสองหน้า พูดอย่างทำอย่าง สรุปได้ว่าคนที่ต้องขจัดก็คือ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ท้ายนี้ นายอภิสิทธิ์ ได้กล่าวถึงกรณีที่วิเคราะห์กันว่า หากนายสุเทพถูกจับตัวไป นายอภิสิทธิ์ อาจจะขึ้นมาเป็นแกนนำมวลชนแทนนั้น ว่า เป็นไปได้ทั้งหมด ไม่ใช่แค่ตนเท่านั้น เพราะถ้าเกิดอะไรกับนายสุเทพ อาจจะมีแกนนำอีกร้อยคนล้านคนพร้อมขึ้นมากก็ได้ ซึ่งตรงนี้ต้องไปถามนายสุเทพว่ามีทายาทหรือไม่ มาถามตนไม่ได้ ตนรู้ตั้งแต่การเริ่มต้นต่อสู้แล้ว ว่าสำนึกความกล้าหาญของประชาชนได้ถูกปลดปล่อยออกมา และมันไม่ได้หยุดอยู่ที่นายสุเทพอย่างแน่นอน
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
