เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก รายการคนอวดผี โพสต์โดย คุณ LAKORNHD Thaitv (Official) สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม, ข่าวสด
คนอวดผี 13 กุมภาพันธ์ 2557 คดีลูกฆ่าพ่อ-แม่หมกศพในบ้าน กับเวรกรรมที่ผู้กระทำต้องชดใช้ แม้พ่อ-แม่จะยอมอโหสิกรรมให้ แต่ไม่มีใครหนีเวรกรรมพ้น และต้องเป็นตราบาปไปชั่วชีวิต
หนึ่งในข่าวสะเทือนขวัญที่เกิดขึ้นเมื่อปลายเดือนพฤศจิกายน 2556 ที่ผ่านมา ก็คือคดีที่ นายกานต์พิสิฐ เนียมทอง อายุ 26 ปี ก่อเหตุใช้ปืนฆ่า นายอินทรีย์ เนียมทอง อายุ 60 ปี ผู้เป็นพ่อ และนางศิริพร เนียมทอง อายุ 55 ปี ผู้เป็นแม่ แล้วซุกซ่อนศพไว้ภายในบ้านจังหวัดกำแพงเพชร กระทั่ง น้องออมสิน อิทธิภพ เนียมทอง น้องชายของนายกานต์พิสิฐมาพบศพผู้เป็นแม่เข้า ซ้ำร้ายกว่านั้น เมื่อเขาได้รู้ว่าผู้ที่ลงมือฆาตกรรมพ่อและแม่คือพี่ชายแท้ ๆ ของตัวเอง...
แม้เหตุการณ์จะผ่านไปสองเดือนกว่าแล้ว แต่ น้องออมสิน ก็ยังรู้สึกไม่สบายใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น และเชื่อว่าพ่อ-แม่ยังอยู่ใกล้ ๆ เขา จึงได้มายังรายการคนอวดผี ช่วงศูนย์บรรเทาทุกข์ผี เมื่อคืนวันพุธที่ 12 กุมภาพันธ์ 2557 เพื่อขอให้ช่วยไขความคับข้องใจให้
ออมสิน-อิทธิภพ เนียมทอง
น้องออมสิน เล่าว่า ครอบครัวของเขามีพ่อ แม่ พี่ชาย และตัวเขาเองเป็นลูกคนสุดท้อง ซึ่งตัวเขาสนิทกับพ่อ-แม่มาก ส่วนพี่ชายจะนิสัยต่างออกไป คือเป็นคนชอบเก็บตัว หงุดหงิด ฉุนเฉียวง่าย โมโหร้าย เอาแต่ใจ และชอบศึกษาเรื่องปืน เรื่องไสยศาสตร์เป็นพิเศษ ก่อนหน้านี้เคยใช้สารเสพติดอยู่พักหนึ่ง
สำหรับเหตุสะเทือนขวัญที่เกิดขึ้นนั้น น้องออมสิน ขอเริ่มย้อนเล่าให้ฟังตั้งแต่เหตุการณ์ในวันเสาร์ที่ 23 พฤศจิกายน ว่า ในวันนั้น พ่อ-แม่มาหาตนที่หอพัก ซึ่งก็มากินข้าวด้วยกันเป็นปกติ แต่ก่อนจะกลับ พ่อ-แม่ก็บอกให้ตนดูแลตัวเองดี ๆ แต่พูดกำชับมากกว่าทุกครั้งที่เคยมา จนตนเองรู้สึกแปลกใจ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไร ก่อนที่พ่อ-แม่จะเดินทางกลับบ้านไป
จากนั้น ในวันอาทิตย์ที่ 24 พฤศจิกายน น้องออมสิน ก็โทรศัพท์ไปหาพ่อแม่ที่บ้าน แต่ไม่มีใครรับ จึงให้เพื่อนเดินไปดูให้หน่อย ก็เห็นว่าบ้านล็อกอยู่ แต่รถกระบะหายไป จึงคิดว่าไม่อยู่บ้าน กระทั่งวันพุธที่ 27 พฤศจิกายน เขาก็ยังติดต่อพ่อ-แม่ไม่ได้ จึงรู้สึกใจคอไม่ดี โทรศัพท์บอกให้เพื่อนแจ้งตำรวจ จนตำรวจมาถึงบ้านก็ได้กลิ่นแปลก ๆ จึงตัดสินใจงัดบ้านเข้าไป กระทั่งมาพบศพของคุณพ่อน้องออมสินถูกซุกอยู่ในชั้นเก็บของที่ใต้บันได
เมื่อได้ยินดังนั้น น้องออมสิน จึงรีบขับรถจากมหาวิทยาลัยกลับไปที่บ้านทันที และได้เข้ามากอดศพคุณพ่อที่ถูกยิงด้วยกระสุน 6 นัดเสียชีวิต หลังจากนั้น น้องออมสินพยายามตามหาคุณแม่ที่หายตัวไปอย่างปริศนา โดยหลายคนมองว่า คุณแม่กับพี่ชายคงหนีไปด้วยกัน แต่ตัวเขาเชื่อว่าคุณแม่ไม่ทำเช่นนั้นแน่นอน และคิดว่าหากพี่ชายไม่จับคุณแม่เป็นตัวประกันไว้ ก็เป็นไปได้ว่าคุณแม่คงจะเสียชีวิตแล้ว แต่ไม่รู้ว่าศพอยู่ที่ไหน
น้องออมสิน พยายามตามหาคุณแม่ตามเบาะแสต่าง ๆ ที่มี แต่ก็ไม่เจอ จนกลับมาที่บ้าน เขาได้จุดธูปขอต่อศาลพระภูมิให้ได้พบคุณแม่ แล้วจู่ ๆ เขาก็เอะใจนึกถึงห้องนอนขึ้นมา จึงเดินขึ้นไปสำรวจในห้องนอนของพ่อ-แม่ แล้วเห็นฟูกนูนขึ้นมาผิดปกติ จึงตัดสินใจยกฟูกขึ้นมา ก็พบร่างไร้วิญญาณของคุณแม่อีกศพ จากการชันสูตรพบว่าคุณแม่ถูกยิงด้วยอาวุธปืน 9 นัด กระสุนตัดก้านสมองเสียชีวิต แต่ที่เขาแปลกใจก็คือ ตำรวจได้เข้ามาตรวจสอบห้องนี้หลายครั้งแล้ว ขนาดดูใต้เตียงแล้วก็ไม่พบศพคุณแม่ จนเมื่อเขาขอต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จึงได้มาพบ
"วินาทีที่เห็นศพแม่ รู้สึกช็อกมาก ร้องสุดเสียง ช็อกจนน้ำตาไม่ไหล รู้สึกเสียความรู้สึก เพราะตอนแรกมีความหวังว่าจะรอดสักคนหนึ่ง..." น้องออมสิน เล่าถึงความทรงจำที่โหดร้ายที่สุดในชีวิต
หลังจากเจอศพคุณแม่ น้องออมเริ่มมั่นใจว่าผู้ก่อเหตุคือพี่ชายแน่นอน เพราะพ่อกับแม่ไม่มีศัตรูที่ไหน และปืนของคุณพ่อก็หายไป เขาเดาว่าเหตุการณ์น่าจะเกิดจากคุณพ่อคุณแม่ไปทราบว่าพี่ชายขโมยเงิน 30,000 บาท ไปซื้อโทรศัพท์มือถือ จึงเรียกมาต่อว่า แล้วพี่ชายเกิดโมโหจึงคว้าปืนของพ่อที่วางอยู่มายิงใส่พ่อแม่
กานต์พิสิฐ เนียมทอง ผู้ก่อเหตุ
เมื่อตำรวจจับตัวพี่ชายได้ น้องออมได้เข้าไปกอดไหล่พี่ชายแล้วถามว่าทำไมถึงทำขนาดนี้ แต่พี่ชายไม่พูดด้วยสักคำเดียว หากวันนี้พี่ชายได้ฟังอยู่ ก็อยากบอกว่า "ขอให้ใช้เวลาในคุกคิดเยอะ ๆ ถ้าออกมาแล้วก็กลับตัวซะ ขอให้ทำสิ่งดี ๆ อะไรที่เกิดขึ้นแล้วก็ขอให้แล้วกันไป ขอแค่เป็นคนดีในสังคม"
อย่างไรก็ตาม น้องออมก็เชื่อว่าคุณพ่อคุณแม่ที่จากไปยังไม่สบายใจอยู่ เพราะคุณแม่มาเข้าฝันบอกว่ารู้สึกปวดใจมาก จึงได้มายังรายการคนอวดผี เพื่อขอให้ช่วยบรรเทาทุกข์ว่า คุณพ่อคุณแม่เป็นอย่างไรบ้าง และพี่ชายจะสามารถขอขมากับเรื่องที่เกิดขึ้นได้หรือไม่
เรื่องนี้ ริว จิตสัมผัส ได้ให้คำตอบกับน้องออมสินว่า ตอนนี้คุณแม่ยังคงวนเวียนอยู่ที่บ้าน ส่วนคุณพ่อไปอยู่กับพี่ชาย เพราะคุณพ่อคุณแม่รักลูกคนโตมาก และคาดหวังลูกชายคนนี้มาก เพราะฉะนั้น คุณพ่อไม่เคยโกรธลูกชายที่ยิงตัวเองเลย แต่ดวงวิญญาณคุณพ่อยังเฝ้ารอให้ลูกชายออกมาจากเรือนจำ และได้เห็นชีวิตลูกชายดีขึ้น จึงจะไปได้อย่างหมดห่วง
ส่วนคุณแม่ที่ยังอยู่ที่บ้านนั้น เพราะคุณแม่เป็นคนห่วงทุกเรื่อง กำลังรอคอยให้ลูกกลับมาพร้อมกัน แม้วันที่เสียชีวิตก็ไม่เคยโกรธลูกชายเลย แต่กำลังใจรอให้น้องออมสินกับพี่ชายได้เข้าใจกัน เพราะน้องออมสินกำลังกังวลว่า หากวันหนึ่งพี่ชายออกมาจากคุกแล้วจะมาทำอะไรกับเขาแบบนี้ด้วยหรือเปล่า
น้องออมสินได้ฟังแล้วก็ยอมรับ และบอกว่าหากพี่ชายออกมาแล้ว อยากจะกลับมาอยู่ด้วยกันก็ยินดี หรืออยากให้ช่วยอะไรก็พร้อมช่วย แต่ขอให้พี่ชายได้ใช้เวลาที่อยู่ในคุก ไตร่ตรองเยอะ ๆ ว่าจะทำอะไรให้เป็นคนดีของสังคมได้
ส่วนที่ถามว่าเวรกรรมจะสามารถขอขมาได้หรือไม่นั้น ริว บอกว่า เมื่อพี่ชายออกมาแล้วก็ขอให้ไปจุดธูปขอขมาพ่อแม่ แต่ถึงพ่อ-แม่จะอโหสิกรรมให้ แต่ผลของวิบากกรรมที่เกิดจากเจตนาฆ่าก็ยังชัดเจน ไม่สามารถลบล้างได้ ต้องมีตราบาปไปตลอดชีวิต เราทำได้แค่ขออโหสิกรรม แต่เวรกรรมจะไม่อโหสิกรรมให้ ก็ต้องใช้กรรมต่อไป ทั้งนี้ หากน้องออมสินอยากให้พ่อแม่ไปอย่างหมดห่วง ให้ไปบอกพี่ชายว่าพ่อ-แม่ไม่เคยโกรธ แต่ขอให้สำนึกผิด นี่คือสิ่งเดียวที่จะทำให้หลุดพ้นจากบ่วงนี้ได้
น้องออมสิน บอกด้วยว่า ถ้าหากคุณพ่อคุณแม่ได้ยิน ก็ขอให้ทำใจให้สบาย ไม่ต้องห่วงอะไรเขา เพราะเขาจะเป็นคนเข้มแข็งเหมือนพ่อกับแม่ให้ได้ จะดูแลตัวเองให้ดีเหมือนที่คุณพ่อคุณแม่ดูแลมาตลอด
ระหว่างนั้น ริว สัมผัสได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่คุณพ่อคุณแม่กำลังพูด จึงเขียนข้อความบนกระดาน เพื่อบอกให้ลูกชายคนเล็กรับรู้ว่า อยากให้ลูกกินข้าวเยอะ ๆ กินให้อิ่ม เหมือนที่คุณแม่ชอบพูดบ่อย ๆ และอยากให้ลูกกลับมาบ้านบ้าง เพราะที่ผ่านมาไม่ค่อยได้กลับมาที่บ้านเท่าไหร่ เรื่องสุดท้ายก็คือ คุณพ่อคุณแม่รู้สึกเสียใจที่ไม่เคยบอกรักลูก เมื่อมาคิดได้ตอนนี้ก็สายเกินไปเสียแล้ว...