ตำรวจ สภ.บึงนาราง จ.พิจิตร เฮลั่น หลังผู้กำกับถูกสั่งย้ายออกไป
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ข่าวสด
ตำรวจ สภ.บึงนาราง จ.พิจิตร เฮลั่น หลังผู้กำกับถูกสั่งย้ายออกไป เนื่องจากมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ด้านผู้กำกับที่ถูกกล่าวหาบอกว่าน่าจะเข้าใจผิดกันมากกว่า
จากกรณีตำรวจ สภ.บึงนาราง จ.พิจิตร จำนวน 41 นาย ร้องเรียนต่อ นายสุรชัย ขันอาสา ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร โดยกล่าวหา พ.ต.อ. รังสรรค์ กาญจนรัตน์ ผกก.สภ.บึงนาราง ว่าแสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสมกับผู้ใต้บังคับบัญชา และชอบใช้ปืนจี้ไปที่ศีรษะ หน้าอก และเหนี่ยวไกปืน หากลูกน้องทำงานไม่ทันใจ ต่อมา พ.ต.อ. รังสรรค์ ถูกสั่งให้ไปปฏิบัติหน้าที่ที่ บก.สส.ภาค 6 ตั้งแต่วันที่ 20 ตุลาคม เป็นต้นไป พร้อมตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ในขณะที่ พ.ต.อ. รังสรรค์ บอกว่า ตำรวจที่กล่าวหาโดนจับได้เรื่องเงินส่วยแก๊งค้าน้ำมันเถื่อน และกลัวถูกดำเนินคดี เลยหาเรื่องตนนั้น
ล่าสุด วันนี้ (22 ตุลาคม 2557) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตำรวจทั้ง 41 นาย ได้กลับมาทำงานที่ สภ.บึงนาราง ตามปกติ หลังจากที่ พ.ต.อ. รังสรรค์ ถูกย้ายออกไปอยู่ที่ บก.สส.ภาค 6 ซึ่งก็ได้มีการจับกลุ่มพูดคุยกันถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยตำรวจบางนายบอกว่า หากไม่มีคำสั่งให้ผู้กำกับฯ ไปที่อื่น เชื่อว่าอาจจะมีการยิงกันเกิดขึ้นระหว่างตำรวจด้วยกันเองเป็นแน่
นอกจากนี้ นายพงษ์พันธ์ วัชรวงศ์ อายุ 29 ปี เจ้าของร้านจำหน่ายอะไหล่และรถจักรยานยนต์ บอกด้วยว่า พ.ต.อ. รังสรรค์ ได้ติดค้างเงินค่าซื้อรถจักรยานยนต์ 1 คัน ราคา 29,000 บาท และตนเคยไปทวงถามแล้ว แต่ พ.ต.อ. รังสรรค์ บ่ายเบี่ยงและตะคอกต่อว่าด้วยถ้อยคำรุนแรง ตนจึงขอให้เอารถมาคืน แต่ก็ถูกปฏิเสธกลับมา
อย่างไรก็ตาม พล.ต.ต. กฤษณะ ศิริปิยะวัฒน์ ผบก.พิจิตร กล่าวถึงเรื่องของนายพงษ์พันธ์ว่า เป็นเรื่องส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับ สภ.บึงนาราง นายพงษ์พันธ์คงต้องไปทวงคืนหรือแจ้งความฟ้องร้องเอาเอง และขณะนี้ได้มีคำสั่งให้ พ.ต.อ. สำเริง งามรัตน์ รองผบก.พิจิตร ไปรักษาการแทน ผกก.สภ.บึงนาราง เรียบร้อยแล้ว
ด้าน พล.ต.ท. รุ่งโรจน์ แสงคร้าม ผบช.ภาค 6 ก็ได้เดินทางไปให้กำลังใจตำรวจ สภ.บึงนาราง และได้ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงแล้ว ส่วนเรื่องสอบวินัยยังทำไม่ได้ เพราะต้องรอผลสอบสวนก่อน อีกทั้งต้องให้ความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่าย อย่างไรก็ตาม พล.ต.ท. รุ่งโรจน์ บอกว่า อยากให้ตำรวจทุกนายคำนึงถึงหน้าที่บริการประชาชนเป็นหลัก ส่วนปัญหาของ ผกก. นั้นมีขั้นตอนทางวินัยอยู่ ขออย่าวิตกกังวล
ขณะที่ พ.ต.อ. รังสรรค์ ผู้ถูกกล่าวหาและถูกย้ายออกนอกพื้นที่ไปแล้ว กล่าวถึงกรณีติดค้างค่าซื้อรถจักรยานยนต์ว่า ก่อนหน้านี้ที่ อ.บึงนาราง มีการจัดงานคืนความสุขให้ประชาชน โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร นายอำเภอบึงนาราง และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมาร่วมงานมากมาย และที่สี่แยกโพธิ์งาม อ.บึงนาราง มีร้านจำหน่ายรถจักรยานยนต์ดังกล่าวที่เพิ่งเปิดได้ไม่นาน ตนจึงเข้าไปเชิญชวนให้ร่วมกิจกรรม เจ้าของร้านก็บอกว่ายินดีร่วมกิจกรรม จึงมอบรถจักรยานยนต์มาให้ 1 คัน
จากนั้นตนนำรถจักรยานยนต์มาตั้งโชว์ในงาน เพื่อเป็นรางวัลจับสลากให้ผู้มาร่วมงาน และมีหญิงผู้โชคดีได้รางวัลไป ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตรก็เป็นผู้มอบให้ด้วยตัวเอง ทั้งยังพูดออกโมโครโฟนว่า ถือเป็นความโชคดีของชาวบึงนารางที่มีคนใจบุญใจกุศล มอบรถจักรยานยนต์มาร่วมกิจกรรมคืนความสุขให้ประชาชน จากนั้นตนได้เข้าไปประสานกับเจ้าของร้านอีกครั้ง เขาก็ยินดีมอบรถอีกคันมาให้ ซึ่งเจ้าของร้านบอกกับผู้ว่าฯ เองว่ายินดีบริจาคร่วมกิจกรรม หลังจากนั้นตนถึงรู้ข่าวว่ามีการทวงเงินค่ารถจากตน ถ้าเขาต้องการเงินค่ารถจักรยานยนต์ราคาประมาณ 20,000 กว่าบาท ตนก็พร้อมจ่าย
พ.ต.อ. รังสรรค์ กล่าวต่อว่า ตนไม่ถือโทษโกรธลูกน้อง ยังส่งข้อความผ่านไลน์ขอโทษตำรวจทุกคน หากทำไม่ถูกใจอยู่เลย และตนเชื่อว่าเป็นการเข้าใจผิดกันมากกว่า พร้อมทั้งยินดีรับคำสั่งย้ายจากผู้บังคับบัญชา ล่าสุดทราบว่าผู้บังคับบัญชาไปตรวจที่ สภ.บึงนาราง ยังชมเลยว่าโรงพักนี้บริหารงานดี ตนจึงสั่งให้ผู้กำกับทุก สภ.ในจ.พิจิตร มาศึกษาการบริหารงานที่ตนทำไว้เป็นตัวอย่าง เพราะตนวางแนวทางไว้ดีมาก
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก