
โครงการ Mars One คัดเลือก 100 คนสุดท้าย ส่งไปดาวอังคาร เพื่อสร้างอาณานิคมของมนุษย์ ภารกิจเสี่ยงตาย แม้จะรู้ดีว่าอาจะไม่ได้กลับมา
หากใครที่เคยดูภาพยนตร์เรื่อง Interstellar คงคุ้นเคยกับไอเดียเรื่องการสร้างอาณานิคมของมนุษย์บนดาวดวงอื่น ตอนนี้ เรื่องนี้คงไม่ไกลจากความเป็นจริงแล้ว เมื่อโครงการ Mars One ได้ประกาศรายชื่อผู้ได้รับการคัดเลือกจำนวน 100 คน ที่อาสาออกไปสำรวจดาวอังคาร แม้พวกเขาจะรู้ดี ว่านี่อาจจะเป็นภารกิจเสี่ยงตาย ซื้อตั๋วขาเดียวออกจากโลก แล้วไม่มีวันได้กลับมาก็เป็นได้
เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2558 สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น รายงานว่า มาร์ส วัน (Mars One) โปรเจคท์ส่งกลุ่มคนไปที่ดาวอังคาร ได้ประกาศรายชื่อผู้ได้รับการคัดเลือก 100 คนสุดท้าย (แต่ไม่ท้ายสุด) จากจำนวนผู้สมัครกว่า 2 แสนคน และในปีนี้ จะมีการทดสอบผู้ได้รับการคัดเลือกเพิ่มเติม ทั้งเรื่องการทำงานเป็นทีม การอยู่ท่ามกลางสภาวะโดดเดี่ยวเดียวดาย และอื่น ๆ
มาร์ส วัน เป็นองค์กรที่ไม่หวังผลกำไรของเนเธอร์แลนด์ ที่หวังว่าจะใช้เทคโนโลยีในปัจจุบันเพื่อทำภารกิจสุดระทึกนี้ให้สำเร็จ โดยที่ดาวอังคารนั้นเป็นดาวที่ยากต่อการสำรวจ มีโครงการไร้มนุษย์เพียงครึ่งเดียวเท่านั้นที่สามารถทำภารกิจบนดาวอังคารได้สำเร็จ การเดินทางจากโลกไปดาวอังคารอย่างเดียวคาดว่าจะใช้เวลา 7 เดือน และถ้าหากนักสำรวจกลุ่มแรกสามารถเอายานลงจอดที่ดาวอังคารได้สำเร็จ พวกเขาก็จะใช้เทคโนโลยีที่มีเอาชีวิตรอดบนดาวอังคารเป็นเวลาทั้งสิ้น 68 วัน
ส่วน 100 บุคคลสุดท้ายที่ได้รับการคัดเลือกให้เข้าร่วมโครงการนั้น แบ่งเป็นผู้ชาย 50 คน ผู้หญิง 50 คน ซึ่งมีทั้งนักวิทยาศาสตร์ นักวิชาการ รวมถึงผู้ที่สนใจการผจญภัยสุดตื่นเต้น แม้พวกเขาจะรู้ดีว่านี่คือภารกิจเสี่ยงตาย และพวกเขาอาจจะไม่ได้กลับมาบนโลกอีกครั้งก็ตาม
อย่างไรก็ดี ในที่สุดแล้ว มาร์ส วัน จะคัดเลือกคนไปดาวอังคารเพียง 24 คนเท่านั้น แบ่งเป็น 4 ทีม ทีมละ 6 คน ซึ่งมาร์ส วัน หวังว่า พวกเขาจะส่งคนขึ้นไปทุก ๆ 2 ปี นับตั้งแต่ปี 2024 เพื่อสร้างอาณานิคมของมนุษย์บนดาวอังคาร
คราวนี้มาลองฟังความเห็นและความรู้สึกของผู้ได้รับคัดเลือก 100 คนกันบ้าง หนึ่งในนั้นคือนางอลิสัน ริกบี้ ผู้จบการศึกษาด้านเคมี และปัจจุบันทำงานเป็นนักเทคนิคในห้องแลบของโรงเรียนมัธยม เธอกล่าวว่า การเดินทางไปอวกาศนั้น คือความฝันอันสูงสุดที่ทำให้เธอตัดสินใจที่จะสมัครเข้าร่วมโครงการ "ฉันมีความสนใจในเรื่องอวกาศอยู่เสมอ ฉันเกิดในยุค 80 และได้ชมการถ่ายทอดการปล่อยกระสวยอวกาศ ฉันคิดเสมอว่าการเดินทางในอวกาศนั้นเป็นเรื่องของคนอเมริกัน และเมื่อมีโอกาสเข้ามา ฉันก็ใส่ชื่อของตัวเองลงไป"
เมื่อถามถึงความเสี่ยงในภารกิจนี้ นางริกบี้บอกว่า "แน่นอนล่ะว่าฉันเองก็กลัว มันเป็นสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน และมันเป็นเรื่องที่เสี่ยงพอสมควรที่จะกระโดดเข้าไปหาสิ่งที่เราไม่รู้จัก เมื่อคนถามฉันว่า ทำไมฉันถึงต้องไปที่ดาวอังคารเพื่อตายที่นั่นด้วย ฉันบอกว่า เราทุกคนล้วนแล้วแต่ต้องตาย แต่สิ่งที่สำคัญคือ คุณได้ทำอะไรก่อนตายต่างหาก"






