เว็บไซต์ฟ็อกซ์นิวส์ มีรายงานเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2558 ว่า ชาวไร่ถั่วเหลืองจากเมืองลิมา ทางตะวันตกเฉียงใต้ของรัฐมิชิแกน สหรัฐฯ ขุดพบซากแมมมอธขนดกโบราณ ที่เคยมีชีวิตอยู่ในอดีตเมื่อนานมาแล้วกว่า 15,000 ปี
เจมส์ บริสเทิล เจ้าของไร่ เผยว่า เขาซื้อที่ดินผืนนี้มาเมื่อ 2 เดือนก่อน วันนั้นเขาและเพื่อน ช่วยกันขุดพื้นดินเพื่อทำทางส่งก๊าซธรรมชาติ กระทั่งขุดพบซากสิ่งประหลาดขนาดใหญ่ โดยในตอนแรกที่เห็น พวกเขาต่างพากันคิดว่าเป็นเสารั้วที่ถูกฝังกลบอยู่ใต้ดิน แต่เมื่อพากันดึงขึ้นมาก็พบว่ามันเป็นกระดูกซี่โครงของสัตว์ขนาดใหญ่ และต่างตกใจเมื่อทราบว่ามันคือซากแมมมอธโบราณ
ด้านทีมนักชีววิทยาที่เกี่ยวกับชีวิตของพืชและสัตว์โบราณ จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน ได้เผยว่า ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการค้นพบชิ้นส่วนโครงกระดูกของแมมมอธกว่า 20 เปอร์เซ็นต์ในบริเวณพื้นที่เมืองลิมาแห่งนี้ ไม่ว่าจะเป็นกระดูกเชิงกราน กะโหลกศีรษะ งาทั้ง 2 ข้าง กระดูกสันหลัง กระดูกซี่โครงและหัวไหล่ทั้ง 2 ข้าง
แดเนียล ฟิชเชอร์ หนึ่งในทีมนักวิจัย คาดว่า สาเหตุการตายของแมมมอธเหล่านี้มีสาเหตุมาจากการถูกมนุษย์เชือดและนำเนื้อกลับไป อีกทั้งยังพบก้อนหินขนาดใหญ่เท่าลูกบาสเกตบอล 3 ลูกอยู่ใกล้ ๆ ซึ่งคาดว่าถูกใช้เพื่อช่วยตรึงซากกระดูกเหล่านี้ไว้เพื่อที่จะกลับมาเอาใหม่ในคราวหลัง
ทั้งนี้ แมมมอธและมาสโตดอน (สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดใหญ่คล้ายช้าง ปัจจุบันสูญพันธุ์แล้ว) ในอดีตมักจะถูกพบโดยทั่วไปบริเวณทวีปอเมริกาเหนือ ก่อนที่มันจะสูญพันธุ์ไปกว่า 11,700 ปีที่แล้ว โดยที่รัฐมิชิแกนนี้ มีการพบซากของมาสโตดอนประมาณ 300 ชิ้นและแมมมอธอีก 30 ชิ้น แต่ทั้งนี้ซากที่พบล่าสุดที่ไร่ของเจมส์ บริสเทิลนี้ นับว่าสมบูรณ์ที่สุดเท่าที่เคยพบมา
ภาพจาก University of Michigan