ครอบครัวชาวจีนลูก 7 ในกรุงปักกิ่ง ถูกปรับเป็นเงินถึง 3.7 ล้านบาท ฐานละเมิดนโยบายลูกคนเดียวของทางการ หนึ่งในบรรดาลูกออกมาเผยถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นกับพี่น้อง กลายเป็นคนเถื่อน ไม่มีชื่อในทะเบียนบ้าน-ต้องออกจากโรงเรียน
เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2558 เว็บไซต์เซี่ยงไฮ้อิสต์ รายงานชะตากรรมของครอบครัวใหญ่ชาวจีนครอบครัวหนึ่งจากเขตต่งเจ้า ในกรุงปักกิ่ง ที่ถูกทางการปรับถึง 700,000 หยวน (ประมาณ 3.7 ล้านบาท) เป็นค่าปรับจากการที่ฝ่าฝืนนโยบายลูกคนเดียวของรัฐบาล โดยครอบครัวนี้มีลูกด้วยกันทั้งหมดถึง 7 คน
ลูกคนโตสุดของครอบครัวเกิดเมื่อปี 2527 อันเป็นบุตรคนเดียวที่เข้าข่ายถูกต้องตามนโยบายลูกคนเดียว ส่วนอีก 2 คนที่เกิดตามมาก็ยังนับว่ามีโชคอยู่ ที่ในที่สุดได้มีชื่อในทะเบียนบ้านอย่างถูกต้อง เพราะน้อง ๆ อีก 4 คนที่เหลือ ไม่มีใครได้รับการจดทะเบียนให้มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านเลย อันนำมาซึ่งปัญหาในการใช้ชีวิต
จาง เจ้อหลง ลูกคนที่ 3 ของครอบครัว ซึ่งเพิ่งจะได้มีชื่อในทะเบียนบ้านเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เผยว่า พี่น้อง 4 คนจำเป็นต้องออกจากโรงเรียน และในอนาคตยังมีทีท่าว่าน้องคนสุดท้องทั้งสองที่ยังอยู่ในวัยประถม ก็จะต้องออกจากโรงเรียนด้วยเช่นกัน
"ถ้าไม่ได้รับการศึกษาที่เหมาะสม ผมก็คงทำได้แต่งานในโรงงานเล็ก ๆ" จาง กล่าว
จางยังเผยต่อไปอีกว่า น้องสาวของตนซึ่งไม่มีชื่อในทะเบียนบ้านก็ถูกขอหย่า เพราะหากเธอให้กำเนิดลูก หลานของเขาก็จะตกอยู่ในชะตากรรมเดียวกัน และยังบอกว่า หลังจากถูกหย่าแล้ว น้องสาวก็ต้องเผชิญภาวะซึมเศร้า
ทั้งนี้ เอกสารแจ้งเสียเงินค่าปรับจำนวนหยวน 700,000 หยวน เพราะบุตร 4 คนของครอบครัวไม่มีชื่อในทะเบียนบ้าน ถูกส่งมาจากหน่วยงานการวางแผนครอบครัวและประชากรท้องถิ่นเมื่อปีที่ผ่านมา เงินจำนวนนี้คำนวณจากฐานรายได้เฉลี่ยชาวเมืองชนบทประจำปี 2555 และรวมค่าปรับฐานชำระล่าช้าไว้ด้วย ซึ่งหน่วยงานท้องถิ่นชี้แจงว่า ที่ผ่านมาได้ทำการแจ้งเรื่องการชำระเงินที่ล่วงเลยมาเกินกำหนดแก่ครอบครัวนี้ไปหลายครั้งแล้ว
อย่างไรก็ตาม ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ จีนดำเนินการเพื่อผ่อนปรนเรื่องนโยบายลูกคนเดียว เพื่อเลี่ยงปัญหาจำนวนประชากรในอนาคต ที่ประเทศอาจขาดแรงงานที่จะมาคานสมดุลกับประชากรสูงวัย
ภาพจาก ffff03.com