
เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2558 เว็บไซต์ Science Times รายงานว่า นักวิทยาศาสตร์พบหลักฐาน โลกเคยเกิดคลื่นยักษ์ "เมกะสึนามิ" ความสูงกว่า 243 เมตรมาแล้ว เมื่อ 73,000 ปีก่อน ทำลายล้างเกาะที่อยู่ห่างออกไปมากกว่า 50 กิโลเมตร พร้อมเตือนแม้ว่าจะไม่ได้เกิดขึ้นได้บ่อยนัก แต่ก็ควรหาวิธีรับมือเอาไว้ เพราะสักวันมันอาจจะเกิดขึ้นอีกครั้ง
นักวิทยาศาสตร์กลุ่มนี้เป็นนักวิทยาศาสตร์จากหอสังเกตการณ์โลก "ลามอนต์ โดเคอร์ตี้" แห่งมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย สหรัฐอเมริกา ได้ศึกษาสภาพทางธรณีบริเวณหมู่เกาะเคปเวิร์ด เกาะในมหาสมุทรแอตแลนติกซึ่งอยู่นอกชายฝั่งแอฟริกาตะวันตกไปราว 570 กิโลเมตร พบว่าหินขนาดใหญ่และเก่าแก่หลายก้อนเคลื่อนที่ออกไปห่างจากบริเวณภูเขาไฟโฟโก ซึ่งเชื่อว่าน่าจะเป็นที่อยู่เดิมของมัน โดยหินขนาดใหญ่สุดหนักถึง 770 ตัน ถูกพัดขึ้นฝั่งไปอยู่บนพื้นที่ที่สูงจากระดับน้ำทะเลเกือบ 200 เมตร จึงคาดว่าสิ่งที่ทำให้มันเคลื่อนที่ออกไปอย่างนั้นได้ น่าจะเป็นคลื่นสึนามิขนาดใหญ่ยักษ์ที่เรียกว่า "เมกะสึนามิ" ซึ่งสูงกว่า 243 เมตร
จากการประเมินช่วงเวลาที่เกิดเมกะสึนามิดังกล่าว นักวิทยาศาสตร์คาดว่าน่าจะเกิดขึ้นเมื่อ 73,000 ปีก่อน เมื่อภูเขาไฟโฟโกซึ่งมีขนาดใหญ่มากในตอนนั้น ได้เกิดการถล่มลงในทะเล ส่งผลให้เกิดคลื่นยักษ์ขึ้นในทันทีทันใด และพัดหินออกไปไกลจากบริเวณภูเขาไฟโฟโก
อย่างไรก็ตามนักวิทยาศาสตร์เผยว่าเหตุการณ์ภูเขาไฟถล่มนี้ไม่ได้เกิดขึ้นได้บ่อย ๆ แต่แม้ว่าจะมีความเป็นไปได้น้อยที่จะเกิดขึ้นอีก ก็ควรที่จะมีการวางแผนรับมือเอาไว้ เพราะหากมันเกิดขึ้นจริง มันจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วมาก
ปัจจุบันภูเขาไฟโฟโกมีความสูงกว่า 2,829 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล และยังคงเป็นภูเขาไฟที่ยังปะทุได้ โดยปะทุทุก ๆ 20 ปีโดยประมาณ
อนึ่ง หนึ่งในเหตุการณ์เมกะสึนามิที่เคยเกิดขึ้นบนโลก เกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2501 เมื่อคลื่นยักษ์ความสูงกว่า 1,724 ฟุต (525 เมตร) ได้ก่อตัวขึ้นบริเวณชายฝั่งอะแลสกา และทำให้ชาวประมง 2 รายสละเรือของตัวเอง ก่อนจะถูกคลื่นยักษ์พัดร่างขึ้นฝั่งไปตกอยู่ในพื้นที่ป่า ทั้ง 2 คนรอดชีวิตมาได้โดยไม่ได้รับบาดเจ็บรุนแรงใด ๆ
ภาพจาก stanislauscollege.com
หมายเหตุ : อัพเดทข้อมูลล่าสุดเมื่อเวลา 09.57 น. วันที่ 14 ตุลาคม 2558