
เปิดข้อมูล "โครงการห้องสมุดอัจฉริยะ" 1,000 ล้าน ยุคยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ชี้กำหนดราคาตู้คืนหนังสืออัตโนมัติตัวละ 2 แสนบาท แต่หาราคาเทียบเคียงในตลาดไม่ได้ สตง. บี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ตั้งกรรมการสอบ ล่าคนสนิท อดีต ส.ส. เอี่ยวโกง ล็อกเสปค โครงการห้องเรียนอัจฉริยะ
จากกรณี สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้ตรวจสอบการดำเนินงานโครงการปรับปรุงห้องเรียน (E-Classroom) และห้องสมุดคุณภาพสู่มาตรฐานสากล (ELibrary) ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ซึ่งใช้งบประมาณ 342,500,000 บาท จากงบแปรญัตติ ปี 2555 ในยุครัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จัดสรรให้กับโรงเรียนจำนวน 100 แห่ง พบความผิดปกติ ไม่โปร่งใส ตั้งแต่ขั้นตอนการขอเปลี่ยนแปลงงบประมาณจนถึงการดำเนินโครงการ (อ่านข่าว พบพิรุธทุจริตห้องเรียนอัจฉริยะยุคปู สตง. ปูด คนสนิท ส.ส. เอี่ยวโกง ทำรัฐเสียหาย 170 ล้าน)
ล่าสุดวานนี้ (20 ธันวาคม 2558) สำนักข่าวอิศรา ได้รายงานเพิ่มเติมว่า จากการตรวจสอบข้อมูลจากรายงานผลการสอบข้อเท็จจริงของ สตง. พบว่า ในการจัดซื้อสินค้า ในโครงการห้องสมุดคุณภาพสู่มาตรฐานสากล (E Library) มีข้อมูลที่ระบุถึงการกำหนดราคากลางครุภัณฑ์ที่สูงกว่าราคาจริง และอยู่นอกเหนือจากราคามาตรฐานของหน่วยงานรัฐ รวมกว่า 15 รายการ คิดเป็นวงเงินรวมกว่า 1,667,660 บาท
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลสินค้าที่ สตง. ให้ความสำคัญเป็นพิเศษคือ ราคาตู้หนังสือ จำนวน 2 รายการ ที่มีการตรวจสอบพบว่า เป็นการกำหนดราคากลางที่ไม่สามารถตรวจสอบราคาที่ควรจะเป็นได้ เนื่องจากไม่มีราคามาตรฐาน และไม่พบราคาในท้องตลาด
โดยสินค้า 2 รายการนี้ คือ
1. ตู้สำหรับรับคืนหนังสือเข้าระบบอัตโนมัติ ที่ได้กำหนดราคากลางเป็นเงิน 2 แสนบาท ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า เป็นการกำหนดครุภัณฑ์ที่นอกเหนือจากมาตรฐานครุภัณฑ์ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.), กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) และสำนักงบประมาณ และไม่พบราคาครุภัณฑ์ดังกล่าว หรือในลักษณะที่เทียบเคียงกันในท้องตลาด จึงไม่สามารถตรวจสอบราคาที่ควรจะเป็นได้ อาจทำให้ส่วนราชการได้รับความเสียหายจากการจัดซื้อจัดจ้างโครงการดังกล่าวสูงกว่าที่ควรจะเป็น
2. ตู้สำหรับให้บริการสืบค้น กำหนดราคากลางเป็นเงิน 95,300 บาท จากการตรวจสอบพบว่า เป็นการกำหนดครุภัณฑ์ที่นอกเหนือจากมาตรฐานครุภัณฑ์ของ สพฐ., กระทรวงไอซีที และสำนักงบประมาณ และไม่พบราคาครุภัณฑ์ดังกล่าวหรือในลักษณะที่เทียบเคียงกันในท้องตลาด จึงอาจทำให้ส่วนราชการได้รับความเสียหายจากการจัดซื้อจัดจ้างโครงการดังกล่าวสูงกว่าที่ควรจะเป็นเช่นกัน
ขณะที่ สตง. ระบุว่า จากการตรวจสอบพบข้อมูลการกำหนดราคากลางสินค้าที่สูงเกินจริง และราคากลางที่ไม่สามารถตรวจสอบได้ ในโครงการนี้ คิดเป็นจำนวนเงินกว่า 10,040,200 บาท เมื่อนับรวมวงเงินที่เกิดปัญหาในการกำหนดราคากลาง โครงการปรับปรุงห้องเรียน (E-Classroom) วงเงิน 116,758,350 บาท วงเงินรวมทั้งสิ้น จะอยู่ที่ตัวเลข 126,798,550 บาท
ทั้งนี้ เบื้องต้น สตง. ได้แจ้งให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ แต่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงแล้ว โดยเฉพาะกรณีที่ปรากฏว่ามีผู้ประสานจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ติดต่อไปยังสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาและโรงเรียน พร้อมจัดส่งแผ่นซีดีรอม ที่มีรายละเอียดโครงการทั้งหมด ให้โรงเรียนใช้ในการจัดซื้อสินค้ามาใช้ในโครงการ และหากพบว่ามีการดำเนินการดังกล่าวจริง และเป็นการแสวงหาผลประโยชน์จากเงินงบประมาณของโครงการ ให้ดำเนินการทางอาญาและทางแพ่งต่อไป
ภาพจาก ครอบครัวข่าว 3
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก







